Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Sarawut
•
ติดตาม
10 มิ.ย. เวลา 17:03 • ความคิดเห็น
ทุคติภูมิ อบายภูมิ 2 คำนี้ มีจริงใช่ไหมครับ สามารถวัดผลได้จากชีวิตปัจจุบันไหมครับ และรูปแบบของทุคติภูมิกับอบายภูมิ ทั้ง2คำนี้เหมือนกันไหม แล้วมีรูปแบบของมันหรือเปล่าครับ อธิบายเพื่อพิสูจน์ได้ไหม?
สำหรับคุณ THE FOOL นะครับ พิมพ์แล้วก็ง่วง เอาไว้ต่อวันหลังนะครับ วันนี้แค่นี้ก่อน ผมรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับทุคติภูมิมาพอประมาณ พร้อมกับหารูปภาพประกอบคำอธิบาย เพื่อความนันทนาการเพลิดเพลิน จะได้ไม่น่าเบื่อ
2
คำว่า ทุคติภูมิ กับ อบายภูมิ ให้ความหมายเหมือนกันครับ คือสิ่งที่ตรงข้ามกับสุคติภูมิ ครับ
คือ มีที่ไปในคติชั่ว/ภูมิชั่ว/ทางดำเนินที่มีความเดือดร้อน/สถานที่ไปเกิดอันชั่ว ได้แก่ สัตว์นรก/เดรัจฉาน/เปรต/ อสุรกาย สัตว์ที่เกิดมาจะไม่มีโอกาสได้ทำกุศลอะไรเลย ก็คือเป็นที่ที่ไม่มีผลบุญอะไรเลย
สิ่งเหล่านี้มีจริงครับ และสามารถวัดผลได้จากตัวของเราเอง ด้วยการใช้เจตนาในแต่ละวันเป็นที่ตั้ง ว่าเจตนาของเรานั้นตั้งอยู่ใน กุศล หรือ อกุศล ดูว่าอันไหนมากกว่ากัน กรรมที่ใช้วัดผลในการไปสู่อบายภูมิก็คือ เจตนา เป็นกรรมที่แรงกว่าการกระทำด้วยซ้ำครับ
มันมีรูปแบบของมันครับ และบางภพภูมิก็เป็นสิ่งที่ทับซ้อนกันระหว่าง สุคติภูมิ กับ ทุคติภูมิ
โดยจะขอยกตัวอย่าง อบายภูมิ ตามหลักของเถรวาท ก็แล้วกันนะครับ โดยจะจัดเรียงลำดับความลึกของอบายภูมิ ในแบบฉบับไตรภูมิพระร่วง เตภูมิกถา ที่เป็นวรรณคดีสมัยสุโขทัยประมาณปี พ.ศ 1888 หรือก็คือ คริสตศักราชที่ 1345 ผู้แต่งก็คือพระธรรมราชาที่ 1 โดยแต่งมาจากพระไตรปิฎกหรืออะไรหลายๆอย่างมารวมกันเป็นวรรณคดีเรื่องนี้
เดรัจฉาน
ภูมิของเขาจะมีจิตใจที่ไม่เข้าถึงความนิพพาน ก็คือสัตว์ที่เกิดในภูมินี้จะนิพพานไม่ได้ แต่ว่าจะอาศัยอยู่ในภพเดียวกันกับมนุษย์ ก็คืออยู่ในโลกเดียวกัน ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แต่ว่าจะนับแยกออกเป็นคนละภูมิ แล้วจะแบ่งตามจำนวนเท้าของสัตว์ สัตว์ที่ไม่มีเท้า สัตว์สองเท้า สัตว์สี่เท้า
เปรตภูมิ
เป็นดินแดนที่มีแต่ความอดยาก ก็คือหิวข้าวตลอดเวลา คนที่ต้องมาเป็นเปรตภูมิเนี่ย ก็คือเป็นพวกที่ทำบาปประเภทที่มีความตระหนี่ขี้เหนียว หรือว่าหวงทรัพย์สินมากเกินไป จนถึงขั้นทำบาปเพื่อปกป้องทรัพย์สินของตัวเอง กลัวเสียผลประโยชน์จนต้องทำชั่ว จนเกิดความโลภ
การเกิดมาเป็นเปรตมันจะมีอยู่ 2 แบบ ก็คือไปรับกรรมเลย แล้วค่อยขึ้นมาเป็นเปรตอีกทีนึง หรืออีกแบบนึงก็คือตายแล้วก็เป็นเปรตเลย
อสูรกายภูมิ
จะเป็นดินแดนที่ไม่มีความร่าเริง ไม่มีความสนุกสนาน ซึมเศร้า อยู่ในอารมณ์ด้านมืดตลอดเวลา จะมีรูปร่างแบบประหลาด ที่เป็นไปตามผลกรรม เช่น หัวเป็นหมูแต่ตัวเป็นคน มีความยากลำบากในการใช้ชีวิต มีชีวิตอยู่ด้วยความหิว แต่จะหนักไปในทางหิวน้ำเป็นพิเศษ
คนที่จะได้เกิดมาเป็นอสูรกาย เป็นคนที่มีความนึกคิดอยู่ในอารมณ์ที่ซึมเศร้าตลอดเวลา เช่นพวกที่ผิดหวังในชีวิตจนโกรธแค้น อยากแก้แค้น อยากสั่งสอน จึงมีจิตเศร้าหมอง คอยคิดร้าย และมีโทสะเป็นปกติ คิดแล้วก็น่าสงสารคนดีๆที่ถูกกระทำนะครับ เขาติดอยู่กับความผิดหวังจากคนชั่วๆ จนจิตเศร้าหมอง วาระสุดท้ายจึงเป็นอสูรกาย
ทั้ง 3 ภูมินี้ เป็นสิ่งที่ทับซ้อนกันหมด เดรัจฉาน/เปรต/อสุรกาย ก็คือเปรตสามารถขึ้นมาขอส่วนบุญบนโลกได้เหมือนที่มีคนเคยเจอเปรต เขาบอกว่ามันจะทับซ้อนกับโลกมนุษย์อยู่ด้วยกัน แต่ว่าจะเป็นภพที่ละเอียดกว่า เรียกง่ายๆว่าผีมันจะอยู่ทับซ้อนกับเรา แต่ว่ามีความละเอียดเยอะกว่า ความถี่เยอะกว่า เราเลยมองไม่เห็น ต้องเป็นคนที่มีเซ้นส์ถึงจะเห็นอะไรแบบนี้
สัตว์นรก
ก็คือจะเป็นภพภูมิที่มีบาปอกุศลมากกว่าเดรัจฉาน/เปรต/อสุรกาย
นรก คือดินแดนที่ปราศจากความสุขสบาย โดยทุกวินาทีที่สัตว์อาศัยอยู่ในนรกจะไม่มีเวลาว่างเว้นจากความทรมานเลย โดยจะมีนรกทั้งหมดอยู่ 8 หลุม ยิ่งทำบาปหนักก็ยิ่งลงไปเรื่อยๆ เรียกว่า มหานรก 8 ขุม โดยในแต่ละขุมจะมีหลุมนรกบริวารอีกในแต่ละด้าน 4 ทิศ รวมทั้งหมด 320 ขุม
1. สัญชีวนรก
คือ นรกที่ไม่มีวันแตกดับ
เป็นนรกสำหรับผู้ที่เบียดเบียนผู้อื่น นรกขุมนี้จะถูกลงโทษด้วยคมมีดจนตาย แล้วก็จะมีลมกรรมพัดมาเพื่อคืนชีพของสัตว์นรกตัวนี้แล้วก็โดนใหม่ โดนไปเรื่อยๆ จนครบ 500 ปีของนรก ซึ่ง 1 วันในนรกขุมนี้ เท่ากับ 9 ล้านปีในโลกมนุษย์
2. กาฬสุตตนรก
คือ นรกเส้นด้ายดำ
เป็นนรกสำหรับผู้ที่ทำร้ายผู้มีพระคุณ จะถูกตีด้วยเส้นด้ายดำ จนเกิดเป็นเส้นตามร่างกาย
1
แล้วเอามีดมาเฉือนตามรอยนั้น จนกว่าจะตาย แล้วก็จะมีลมกำพัดมาเพื่อคืนชีพให้กับสัตว์นรก เพื่อให้ถูกลงโทษวนเวียนไปเรื่อยๆ โดยระยะเวลาในการถูกลงโทษคือ 1000 ปีของนรก ซึ่ง 1 วันในนรกขุมนี้ เท่ากับ 3 โกฏิ กับอีก 6 ล้านปี ในโลกมนุษย์
3. สังฆาฏนรก คือ นรกบดขยี้
เป็นนรกสำหรับผู้ที่ไร้ความเมตตา ชื่นชอบการทารุณกรรมสัตว์หรือคนด้วยกัน จะถูกลงโทษด้วยการถูกกระหน่ำตีด้วยค้อนเหล็ก แล้วก็ถูกบดด้วยหินเหล็กร้อน ก็คือจะมีก้อนเหล็กใหญ่ๆมากลิ้งทับ แล้วก็จะมีลมกรรมพัดมาเพื่อคืนชีพสัตว์นรก เกิดขึ้นมาวนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะถูกลงโทษจนกว่าจะครบ 2,000 ปีของนรก ซึ่ง 1 วันในนรกขุมนี้ เท่ากับ 14 โกฏิ กับอีก 5 ล้านปี ในโลกมนุษย์
4. โรรุวนรก
คือ นรกแห่งเสียงคร่ำครวญ
นรกสำหรับเหล่าคนโลภ ฉ้อโกง สัตว์นรกที่มาอยู่ที่นี่จะถูกลงโทษโดยการถูกตรึงให้นอนคว่ำหน้าไว้ หัวมือเท้าจะจมอยู่ในดอกบัวเหล็กที่มีเปลวไฟพุ่งออกมา สัตว์นรกที่ถูกลงโทษจะไม่มีวันตาย แต่จะถูกตรึงอยู่แบบนี้ด้วยความทรมานเต็มไปด้วยเสียงคร่ำครวญโหยหวน จะถูกลงโทษจนกว่าจะครบ 4000 ปี ซึ่ง 1 วันในนรกขุมนี้ เท่ากับ 23 โกฏิ กับอีก 4 ล้านปี ในโลกมนุษย์
5. มหาโรรุวนรก คือ นรกแห่งเสียงคร่ำครวญอย่างยิ่งยวด ซึ่งคล้ายกับนรกขุมที่ 4 แต่มีความทรมานยิ่งกว่า นรกขุมนี้สำหรับคนจิตใจโหดเหี้ยม อำมหิต ทำความชั่วทั้งหลายด้วยจิตอาฆาตพยาบาท ไม่มีความเมตตาสงสาร
สัตว์นรกที่จะมาอยู่ขุมนี้จะถูกลงโทษคล้ายๆขุมที่แล้ว ก็คือจะมีดอกบัวเหล็กเหมือนกัน แต่ว่ากลีบของดอกบัวจะคม แล้วต้องแบบเอาตัวลงไปอยู่ในดอกบัวเหล็กทั้งตัว แล้วก็มีไฟพุ่งขึ้นมา เหมือนนั่งอยู่กลางเตาแก๊ส แล้วก็มีกลีบบัวคมๆคอยร่อนใส่ คอยบาดใส่ แต่สัตว์นรกในขุมนี้จะไม่มีวันตาย แต่จะทรมานอยู่แบบนี้จนกว่าจะครบ 8000 ปี ซึ่ง 1 วันในนรกขุมนี้ เท่ากับ 921 โกฏิ กับอีก 6 ล้านปี ในโลกมนุษย์
6. ตาปะนรก คือ นรกแห่งความร้อนรุ่ม นรกสำหรับคนบาปที่เต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ และความเห็นแก่ได้ สัตว์นรกที่อยู่ที่นี่จะต้องแย่งกันไต่แท่งเหล็กแท่งใหญ่ๆเท่าต้นตาลเป็นแนวตั้งและมีเปลวไฟโพยพุ่งออกมาจากหลาวเหล็ก
และข้างล่างก็จะมีหมานรก ที่ออกมากระชากกินเนื้อสัตว์นรกที่ตกลงไปจนเหลือแต่กระดูกจนกว่าจะตาย แล้วก็จะมีลมแห่งกรรมพัดมาเพื่อคืนชีพสัตว์นรกและรับโทษแบบนี้วนเวียนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบ 1600 ปี ซึ่ง 1 วันในนรกขุมนี้ เท่ากับ 1842 โกฏิ กับอีก 12 ล้านปี ในโลกมนุษย์
7. มหาตาปะนรก คือ นรกแห่งความร้อนรุ่มอย่างยิ่งยวด ซึ่งคล้ายกับนรกขุมที่ 6 แต่มีความทรมานยิ่งกว่า เป็นนรกสำหรับผู้ที่เคยฆ่าคนและฆ่าสัตว์เป็นหมู่มากๆ ไม่คำนึงถึงชีวิตผู้อื่น พวกที่ชอบก่อสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พวกที่มีตำแหน่งใหญ่แล้วสั่งฆ่ากวาดล้าง หรือเกณฑ์ทหารไปตายเป็นจำนวนมาก พวกที่ปฏิวัติ ก่อกบฏ จนเกิดความสูญเสียต่อชีวิตของมนุษย์เป็นจำนวนมาก
สัตว์นรกที่มาอยู่ขุมนี้จะถูกลงโทษโดยการที่ต้องอยู่ในกำแพงเหล็ก ที่เต็มไปด้วยหนามแหลม แล้วก็มีลมกรดพัดวนอยู่แบบนี้ เต็มไปด้วยความทรมานแสบร้อน ลมจะคอยพัดให้ไปซ้ายทีไปขวาทีกระเด็นไปมาอยู่อย่างนี้ และถูกความร้อนหลอมเหลวให้จมอยู่ในกำแพงเหล็ก คนที่ลงมานรกขุมนี้จะต้องโดนอยู่อย่างนี้ จนกระทั่งครบครึ่งกัป ซึ่งเทียบเท่ากับระยะเวลาในโลกมนุษย์ อุปมาเป็นอายุมนุษย์ 1 อสงไขย แล้วค่อยๆลดลงมาเหลือ 10 ปี
8. อเวจีนรก คือ นรกอันแสนสาหัสไร้ความปรานี เป็นมหานรกที่ลึกและกว้างใหญ่ที่สุด เป็นนรกสำหรับผู้ทำกรรมหนักอย่างหาที่สุดมิได้ เช่น ฆ่าบุพการี ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต และยุยงให้คณะสงฆ์แตกแยก ในนรกขุมนี้เปรียบเสมือนเป็นศูนย์รวมของนรกทุกขุม จะมีบทลงโทษที่ผ่านมาทั้งหมด และมีเหล็กเสียบตั้งแต่ก้นจนถึงปาก ระยะเวลาในการลงโทษนานเท่ากับ 1 กัป
และสุดท้าย นรกขุมพิเศษ
ซึ่งเป็นนรกที่ไม่ได้อยู่ในนรก
มีชื่อว่า นรกโลกันต์ ครับ
เป็นนรกขุมที่อยู่นอกจักรวาล ซึ่งคำว่าจักรวาลในศาสนาพุทธ จะมีทั้งหมด 31 ชั้น
เช่น มีชั้นอาภัสราพรหม มีชั้นอรูปพรหม ชั้นเทวดา ซึ่งมีทั้งหมด 31 ชั้น
แต่ นรกโลกันต์ มันจะไปอยู่ตรงขอบจักรวาลของ 31 ชั้น เป็นกำแพงล้อมรอบ
นรกโลกันต์เนี่ย เป็นนรกที่มืดสนิท ตรงนั้นมันจะพ้นจากดวงอาทิตย์ พ้นจากแสงดาวอะไรต่างๆไปหมดเลย ก็คือจะมืดสนิท แล้วพวกสัตว์นรกที่ตกมาอยู่ในนรกขุมพิเศษเนี่ยจะตัวใหญ่มากๆ แล้วก็มีเล็บมือเล็บเท้าที่ยาวเพื่อเอาไว้เกาะขอบจักรวาล แล้วต้องห้อยหัวอยู่อย่างนี้ ไม่มีที่ยืน
สัตว์นรกในขุมนี้ต้องเกาะไปเรื่อยๆ อยู่ในความมืด ต้องปีนกำแพงขอบจักรวาลไปเรื่อยๆ พอปีนไปเจอสัตว์นรกตัวอื่น ด้วยความที่มองไม่เห็นจนนึกว่าเป็นอาหาร และกินพวกเดียวกันเองในท่ามกลางความมืดมิดที่เป็นอนันตกาล แล้วต้องกินกันเองไปอย่างนี้เรื่อยๆ ถ้าหากสัตว์นรกตัวไหนหมดแรง เกาะไม่ไหว ก็จะตกลงไปจากขอบจักรวาล และข้างล่างเป็นน้ำกรดที่เย็น ตัวไหนที่ตกลงไปร่างกายก็จะแหลกสลาย แล้วก็จะกลับฟื้นขึ้นมาใหม่อยู่บนผนังกำแพง เป็นอยู่อย่างนี้ไม่มีวันจบสิ้น
กรรมของสัตว์นรกในขุมนี้ คือ อกตัญญูกับพ่อแม่ ทำร้ายบุพการี ทำร้ายผู้มีอุปการะคุณ ทำร้ายผู้ปรารถนาดีต่อตัวเอง ทำร้ายผู้ที่ชุบเลี้ยงให้ข้าวให้น้ำตัวเอง หรือว่าเผาวัด หรือว่าฆ่าพระ ฆ่าเณรเป็นจำนวนมาก ฆ่าชนิดแบบที่ฆ่าล้างศาสนาให้หมดไปจากแผ่นดินกันเลยทีเดียว
ระยะเวลาในการอยู่ในนรกขุมนี้
คือ 1 พุทธทันดรกัป ถึงจะหมดกรรม
พุทธทันดร คือ ระยะเวลาที่จักรวาลจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ในโลก 1 พระองค์ จะนับเป็น 1 พุทธทันดร
นรกโลกันต์ มืดสนิท
แต่จะมีแสงสว่างส่องมาถึงชั่วขณะแป๊บเดียว อยู่ 5 เหตุการณ์
1 พระพุทธเจ้าปฏิสนธิในครรภ์มารดา
2 พระพุทธเจ้าคลอดออกมา
3 พระพุทธเจ้าตรัสรู้
4 พระพุทธเจ้าเริ่มเทศนาครั้งแรกหรือว่าปฐมเทศนา
5 ก็คือตอนที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน
ในแต่ละเหตุการณ์จะมีแสงสว่างส่องถึงในนรกโลกันต์เพียงชั่วขณะเดียว
มันยังมีนรกขุมย่อยๆอีกเยอะเลย นรกขุมบริวาร รวมถึงนรกในยมโลก ที่สัตว์นรกจะต้องเดินทางไปเกิดเพื่อเวียนว่ายในวัฏสงสาร จะต้องเดินทางผ่านด่านนรกเหล่านี้อีกมากมาย
สนุกไหมครับ
เอาไว้เล่าต่อวันหลังนะครับ
1
ไว้จะทำเป็นซีรีย์ให้อ่านนะครับ
2 บันทึก
17
23
1
2
17
23
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย