11 มิ.ย. เวลา 14:14 • ไลฟ์สไตล์

ไปทำบุญกัน-วัดปัญญานันทาราม 1

ตำรับพะโล้
เมื่อวาน ไปจ่ายตลาด ซื้อไข่ไก่มาสี่ถาด เนื้อหมูสันใน สันคอ สักสี่กิโล และเต้าหู้อีกยี่สิบก้อน เครื่องพะโล้อีกประมาณนึง กว่าจะกลับถึงบ้านก็บ่ายโมง ด้วยความที่ตะลอนเดินทางบ่อย ก็เงี๊ยะ จะทำอะไรทีต้องมีแผน ไม่งั้นชวดเวลาไปเปล่าๆ
เอาละๆ เริ่มเลยละกัน… เอาหมูล้างน้ำหั่นชิ้นใหญ่หน่อย เดี๋ยวเคี่ยวแล้วจะเละ แล้วหมักด้วยผงพะโล้ ซอสถั่วเหลือง ซอสหอยนางรม เอาพักค้างไว้
หันมาต้มไข่ไก่ก่อน อันที่จริงสมัยก่อนเขาใช้ไข่เป็ดทำพะโล้ เพราะไข่เป็ดนั้นปอกง่าย ใบใหญ่ รสชาติมันอร่อยกว่า คงงั้นมั้ง คิดเองนา ล้างไข่ให้สะอาดก่อน เบามือหน่อยเดี๋ยวไข่แตกเอาแช่น้ำผสมน้ำส้มสายชูสักสองช้อนโต๊ะ ระหว่างนั้นต้มน้ำหม้อใหญ่ ใส่เกลือสักสองช้อนโต๊ะแหละ พอน้ำเดือดปุดๆ ก็ทยอยใส่ไข่ลงไป อย่าให้เต็มล้นล่ะ เอาเป็นว่า ต้มทีละสองถาด ก็ 60 ฟอง นะ ต้มใช้เวลาสักสิบนาที ก็นำลงน็อคน้ำเย็นจัดเลย
แล้วต้มรอบต่อไปอีก 60ฟอง ทำแบบเดิม ได้ไข่สุกหมดแล้ว ก็มานั่งปอกไข่ให้ครบ ใช้เวลาพอสมควร
แต่เดี๋ยวก่อน ยังมีเรื่องเต้าหู้ ที่เราต้องทอดสักหน่อยก่อน ที่ต้องทอดก่อนเพราะ หากใส่ไปหม้อพะโล้เลย ก็จะขาดง่าย เต้าหู้ที่ซื้อมานั้นชิ้นใหญ่ เอามาหั่นสี่ แล้วลงทอดไฟกลาง กลับไปมา จนมีสีเหลืองอ่อน เอาขึ้นพักไว้ ทำเช่นนี้ไปจนหมด ยี่สิบก้อน
เอาละ เริ่มได้ นำกระเทียมสับลงเจียวในน้ำมัน จนเหลือง ใส่สามเกลอสักทัพพีหนึ่ง(คือ รากผักชี กระเทียม พริกไทย โขลกรวมกัน) และน้ำตาลปึกสักครึ่งกิโลกรัมลงกระทะ คนให้เข้ากัน เมื่อละลายดีและออกสีเกือบน้ำตาลไหม้ ก็นำหมูที่หมักไว้เทลงไป คนเรื่อยๆ คนหมูสุก เติมน้ำท่วม และ ใส่เต้าหู้ที่ทอดแล้ว พร้อมกับไข่ลงไป ตรงนี้ใส่อบเชย โป๊ยกั้ก พริกไทยเม็ด ลงไปด้วย ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และ ซีอิ๊วดำ ชิมรส เค็มหวาน ตามชอบ แล้วเคี่ยวต่อไปด้วยไฟกลาง
ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ขยับหม้อบ่อยๆ พยายามอย่าคน เพราะ ทั้งไข่ และ เต้าหู้อาจแตกได้ ทำให้ฉำเฉ็ง (คำโบราณน่ะ คือมันดูเละเทะไม่งาม) เมื่อหมูเปื่อย ก็ใช้ได้ ชิมรสด้วย หากไม่พอใจก็เติมได้
พะโล้เสร็จแล้ว
เมื่อทำพะโล้เสร็จ ก็จะได้สักสามหม้อประมาณนี้ อาจจะสงสัยว่า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับวัดวาหนา เนี่ยยยย อย่าเพ่อ ว่าไป มันเกี่ยวกันสิ เพราะพรุ่งนี้ จะไปทำบุญที่วัดปัญญานันทาราม คลองหก ทำบุญให้คุณป้าเป็นประจำทุกปี เป็นวันคล้ายวันตายของท่าน
ทำไมต้องวัดนี้ ก็เมื่อครั้งคุณป้าท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านได้อุปถัมภ์ วัดชลประทาน รังสฤษดิ์ อย่างสม่ำเสมอ ด้วยศรัทธา ครั้งหลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ ยังมีชีวิตอยู่ และติดตามจนท่านมาสร้างวัดปัญญานันทาราม คุณป้าท่านก็ยังคง ร่วมบริจาคให้ทางวัดอยู่ตลอด จนหลวงพ่อท่านมรณภาพ และต่อมาคุณป้าท่านสิ้น ทางลูกหลานก็ยังคงมาทำบุญที่วัดนี้ให้ท่านเป็นประจำทุกปี และในวันพรุ่งนี้ก็จะนำพะโล้ไปทำบุญที่วัดกัน
เฮอ…วันนี้แค่นี้ก่อนนะ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ จะไปแต่เช้า…
โฆษณา