12 มิ.ย. เวลา 02:41 • ไลฟ์สไตล์
วัดปากน้ำภาษีเจริญ

เคล็ดลับการ ปล่อยวาง ตามหลัก พระพุทธศาสนา ที่ทุกคนทำได้ง่ายมาก

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน สังคมในเมืองเต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น รวมถึงการเอารัดเอาเปรียบ กระทบกระเทียบ บางสังคมเป็นหนักมากถึงขั้นชุกชุมไปด้วยมิจฉาชีพ หลายคนก็เจอภัยจากมิจฉาชีพโทรมาหลอกลวงรูดทรัพย์จนหมดเงินในบัญชีไปเป็นหลักล้าน บางคนก็ปประสบกับความล้มเหลวในการลงทุนหนักมาก ทำใจให้ปล่อยวางกับเรื่องนั้นไม่ได้ บางคนถึงขั้นคิดสั้น ฆ่าตัวตายไปเลยทีเดียว
สาเหตุหลักที่ทำให้ผองชนหมู่มากมีลักษณะคล้ายกันอย่างนั้น ก็คือ การไม่เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของทุกสรรพสิ่งนั่นเอง การเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงคือการรู้เท่าทันความธรรมดาของกระแสโลก คือรู้เท่าทันสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ได้ และไม่เอาใจไปตีค่ามันว่า อย่างนี้คือการสูญเสีย อย่างนี้คือผิดพลาด อย่างนี้คือไม่ธรรมดา อย่างนี้คือความพังพินาศ อย่างนี้คือความเสียเปรียบ อย่างนี้คือความฉิบหาย อย่างนี้คือฉันแย่แล้ว ฉันตกต่ำแล้ว
แทนที่จะมองเช่นนั้น ลองหันกลับมามองอารมณ์ตัวเองดูอีกทีซิว่า เรากำลังโดนหลอกอยู่รึเปล่า โดนหลอกในทีนี้ไม่ใช่มีใครมาหลอกเรานะครับ แต่เราเองหรือเปล่าที่กำลังหลอกตัวเอง โดยการไปยึดมั่นถือมั่นให้ค่ากับสิ่งต่างๆและสถานภาพหรือสถานการณ์ต่างๆที่ปรากฏแก่ตัวเรา ยึดมั่นในตัวท่านเองว่าเป็นของแน่นอน เป็นของที่ไม่แปรผัน และฉันจะไม่ยอมให้ใครมาดึงทึ้งให้ผันผวนไปได้เด็ดขาด บางครั้งผู้เขียนเองก็เป็นเช่นนั้น แม้จะฝึกจิตมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่วายโดนตัวเองหลอกอยู่เป็นครั้งคราว
ดังนั้น เราต้องหมั่นฝึกทำใจวางเฉยกับเรื่องต่างๆ รอบตัว มองสิ่งต่างๆทั้งรอบตัวและในตัวให้เป็นสภาวะธรรมดาของกระแสโลก ซึ่งเท่ากับการปล่อยวางจากความยึดมั่นถือมั่นนั่นเอง
ถ้าทำได้ คุณจะเห็นอีกมุมมองของชีวิต ที่อาจจะไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลยก็ได้
คำว่าปล่อยวางเป็นคำที่คนไทยได้ยินกันบ่อยจนชินหู ฟังแล้วเป็นคำที่พูดง่าย แต่กระทำจริงนั้นยาก แต่จะไม่ยากเลยก็ต่อเมื่อคุณเข้าหาความปล่อยวาง โดยการตั้งใจมั่นแน่วแน่ว่าจะเอาชนะตัวเองให้ได้นั่นเองครับ
การเอาชนะตัวเองจนมันไม่กล้ามาหลอกตัวเองอีก สุดท้ายก็จะนำไปสู่รางวัลแห่งชีวิต คือการปล่อยวางจากความทุกข์ทั้งปวงได้ โดยเคล็ดลับการปล่อยวางตามแนวทางพระพุทธศาสนาซึ่งทำได้ง่ายมาก มี5ข้อ ดังต่อไปนี้ครับ
๑. ทิ้งอดีต การทิ้งอดีตคือการไม่ไปถืออดีตไว้ในมือ ให้อภัยในสิ่งที่ไม่น่าจดจำที่เคยกระทำโดยตั้งสัจจะว่าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก นอกจากนี้ก็ต้องให้อภัยคนอื่นให้หมดด้วย แล้วท่องจำไว้เสมอว่าอดีตอาจจะเคยมีจริง แต่ตอนนี้ "อดีตไม่มีจริงแล้ว" แม้รู้ว่าผลกรรมจากสิ่งที่เคยทำในอดีตจะมีจริงก็ตาม แต่ต้องพึงระลึกไว้ตลอดเวลาว่าอดีตไม่มีจริงแล้วในขณะนี้ และทำให้ได้ว่าจะไม่สร้างกรรมใหม่อีก
๒.ทิ้งอนาคต การทิ้งอนาคตคือการไม่ไปถืออนาคตไว้ในใจ ขนาดบางคนมีลูกดี พ่อแม่ดี สามีดี ภรรยาดี ฐานะดี ก็ดันกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง กลัวคนที่บ้านป่วย กลัวคนที่บ้านเจ็บ กลัวคนที่บ้านตาย กลัวครอบครัวล่มสลาย กลัวลูกไม่ได้ดั่งใจ กลัวลูกไม่เรียนในสิ่งที่ตัวเองอยากให้ลูกเรียน แต่.. ในความเป็นจริง เราเองก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตต่อไปยาวนานแค่ไหน เราอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ การทำวันนี้ให้ดีที่สุด และกลับมามีความสุขอยู่กับปัจจุบันจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า
ถ้าอยากปล่อยวาง เคล็ดลับที่พระพุทธเจ้าสอนคือ ให้นึกไปบ่อยๆว่า สักวัน ไม่ช้าก็เร็ว ฉันก็ต้องตาย ลูกฉันและทุกคนบนโลกและในจักรวาลก็ต้องตาย เรามีความตายอ้าแขนรอโอบกอดอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ดังนั้นการระลึกรู้ถึงลมหายใจในปัจจุบัน รู้คุณค่าของปัจจุบันขณะ มีความสุขตั้งแต่วันนี้ ทำทุกอย่างให้เหมือนสิ่งสุดท้ายที่เราจะได้ทำมันจะทำให้เราทำทุกสิ่งออกมาได้อย่างดีที่สุด
๓.ฝึกการบริจาค เมื่อรู้แล้วว่าธรรมชาติของเราคือเราต้องตายแน่ๆ ทุกคนไม่ช้าก็เร็ว แทนที่จะสะสมสิ่งอำนวยความสะดวกหรือเงินทองเอาไว้มากจนเกินไป หรือ หวงแหนเกินไป ทั้ง ๆ ที่วันหนึ่งถ้าเราตายไปแล้ว สิ่งเหล่านั้นจะกลายเป็นของไร้ค่าในทันที หลายคนแม้ป่วยหนัก ก็ยังหวงแหนสิ่งของ จนไม่ยอมปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ลงไป แทนที่จะปล่อยให้อารมณ์หมองไปอย่างนั้น ก็หาเวลาโละของที่ไม่ได้ใช้เอาไปบริจาค หรือ ถ้ามีเงินพอกินพอใช้แล้วก็หัดแบ่งบริจาคบ้างตามสมควร จิตใจจะปล่อยวางได้ง่ายขึ้นมาก ทีนี้พอมีความทุกข์ก็จะไม่ค่อยยึดติด
๔.มองทุกสิ่งตามความเป็นจริงว่าทุกสิ่งล้วนชั่วคราว แม้แต่ตัวของผม ตัวของคุณ ลูกคุณ พ่อแม่คุณ สามีภรรยาของคุณ สัตว์โลกทุกชนิด สรรพสัตว์ในทุกมิติ เป็นของที่มาคงสภาพอยู่แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น มีเพียงการตั้งอยู่แล้วดับไป มาแล้วจากไป เกิดแล้วตายทั้งหมด ไม่มีอะไรสิ่งใดยั่งยืน
แม้กระทั่งโลกของเราก็รอวันแตกสลายวินาศในอนาคต แต่เราไม่ได้ตระหนัก จึงหลงอยู่กับความยึดติด จึงต้องหมั่นจินตนาการบ่อยๆว่า อีกร้อยปีพันปีข้างหน้า ตำแหน่งของเรา บ้าน รถ ทรัพย์สิน ลูกหลาน สามีภรรยา เพื่อนพ้อง ฯลฯ จะยังคงสภาพอยู่ไหม? ถ้ารู้ความจริงตรงนี้แล้วก็ย่อมปล่อยวางได้ง่ายขึ้นอีกขั้น
และข้อสุดท้าย ข้อ๕ คือ จงปล่อยมันไปอย่างที่เป็น ที่สุดของการปล่อยวางคือหยุดคาดการณ์และหยุดที่จะควบคุมอนาคต ไม่สามารถมีใครทำได้หรอกครับ สิ่งเดียวที่เราทำได้คือ รู้ลมหายใจในปัจจุบัน ว่าเราหายใจอยู่ตอนนี้นะ และจะทำทุกสิ่งในปัจจุบันให้ดีที่สุดนะ ไม่ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นสิ่งเลวร้ายหรือดีงาม มากน้อย แค่ไหน ก็มองทุกอย่างเป็นธรรมดาธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องเอาอารมณ์ลงไปเล่นด้วย ไม่ต้องไปยึดมั่นให้เสียใจ ไม่ต้องไปยึดถือว่าดีใจ โดยอาศัยปัญญามากำกับว่า จะดีใจไปทำไม จะเสียใจไปทำไม เพราะทุกอย่างคือธรรมชาติ
ผลลัพธ์ของทุกการกระทำ เป็นธรรมชาติระดับสูงแท้จริงทั้งสิ้น ขอเพียงวางแผนและทำสิ่งต่างๆในปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอแล้ว ธรรมชาติของผล มันจะเป็นอย่างไรก็ปล่อยให้มันเป็นไป ยอมรับมันซะ ไม่ไปตีค่ามันว่า อย่างนี้ฉันแย่แล้ว อย่างนี้ฉันเลิศจัง แล้วคุณก็จะสามารถปล่อยวางลงได้จริงๆ
ปล่อยวาง เป็นคำที่ใครก็สามารถเขียนหรือพูดให้ดูดีได้ แต่คนที่ทำได้จริงมีน้อยมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก มันขึ้นอยู่กับว่าคุณสนใจหรือเปล่า ถ้าคุณสนใจแล้วลองก้าวเท้าเข้ามาตั้งใจทำความปล่อยวางตามหลักพุทธของเรา รับรองว่าทำได้ ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าก็ทำได้แน่นอนร้อยเปอร์เซนต์ เชื่อผู้เขียนได้ครับ
แอดมินเทวดินทร์ แห่งเพจเฟ๊ซบุ๊คธรรมะแฟนตาซี
โฆษณา