Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เมืองไทยไดอารี่ by Supawan
•
ติดตาม
12 มิ.ย. 2024 เวลา 03:51 • ศิลปะ & ออกแบบ
MOCA Bangkok ประทีป คชบัว : ภาพกวนเกษียรสมุทร
อาจารย์ประทีป คชบัว .. ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักวาดภาพ Surrealism อันดับต้น ๆ ของประเทศไทยท่านหนึ่ง ผลงานที่ท่านทำออกมา ก็มักจะเป็นการผสมเรื่องราวจริงรอบตัว ผสานกับความคิดที่สร้างขึ้น จากตัวศิลปินเองอยู่ ทั้งเรื่องราวชีวิต สังคม ศาสนา และการเมือง ซึ่งสะท้อนออกมาทั้งในรูปแบบเรียบง่าย สวยงาม วุ่นวาย เยอะ มากมาย สะพรึงจนถึงต้องตีความ
จุดเริ่มต้นของชีวิต
ในวัยเด็กอาจารย์ ประทีป คชบัว เติบโตมาในครอบครัวที่ฐานะไม่ค่อยดีนัก อาศัยอยู่ชุมชนบ้านช่างหล่อย่านบางกอกน้อย สมัยก่อนหมู่บ้านนี้มีชื่อเสียงจากแหล่งรวมช่างฝีมือดี สำหรับการหล่อประติมากรรมช่างสิบหมู่ ที่ทำสืบทอดกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี อาจารย์ประทีปจึงได้รับอิทธิพลในเรื่องของช่างฝีมือเหล่านี้ด้วย
ส่วนเรื่องของการวาดภาพนั้น ท่านเริ่มต้นมาจากเห็นพี่ชายที่วาดรูปเก่ง จึงกลายเป็นต้นแบบในการวาดภาพ อีกด้านหนึ่งได้ซึมซับความคนบ้านช่างหล่อ ทำให้กลายเป็นคนที่มีทักษะเหนือกว่าเด็กคนอื่น อย่างในช่วงที่เรียนชั้นประถม อาจารย์ประทีปวาดภาพได้เหนือกว่าเพื่อนในวัยเดียวกันมาก วาดการ์ตูนลายไทย หนุมาน ทศกัณฐ์ หลายภาพมีการส่งประกวดและได้ที่หนึ่งมาโดยตลอด
เมื่อเริ่มโตขึ้นในระดับมหาวิทยาลัย งานศิลปะของอาจารย์ประทีปไม่ใช่เพื่อความสุนทรียะส่วนตัวอย่างเดียว .. แต่เพื่อความอยู่รอดของชีวิตด้วย เนื่องจากความยากจนและที่หนักกว่านั้นคือ หัวหน้าครอบครัวอย่างคุณพ่อเป็นอัมพฤกษ์ อาจารย์ประทีปจึงต้องหาเงินโดยการเขียนภาพเหมือน เพื่อส่งตัวเองเรียนอีกทางหนึ่ง
ศิลปินค้นพบเอกลักษณ์ของตัวเอง ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยศิลปากรปี 3 มีการให้เลือกความถนัดทางศิลปะ อาจารย์ประทีปเลือกเรียนการเขียนภาพสีน้ำมันเพราะเป็นสิ่งที่ชอบ แล้ววันหนึ่งได้มีการส่งงานให้กับอาจารย์ เป็นภาพเขียนเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่าในแนว Surrealism เมื่ออาจารย์ได้เห็นภาพก็รับรู้ถึงความสามารถของนักศึกษาคนนี้ ท่านจึงแนะนำให้เขียนภาพแนว Surrealism ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
อาจารย์ประทีปเคยพูดถึงตัวเองเอาไว้ว่า .. “ผมคิดว่าชาติที่แล้วสวรรค์ส่งมาให้ผมเป็นคนวาดรูป เพราะว่าผมทำอย่างอื่นไม่ถนัด ความจริงอยากไปขายก๋วยเตี๋ยวทำร้านอาหาร เพราะการเป็นศิลปินชีวิตบางทีรายได้ไม่พอกิน เขียนภาพสวยไม่มีคนซื้อหรือต้องปล่อยไปในราคาถูกก็คงไม่ใช่ เรื่องนี้ต้องใช้ความอดทนแต่ผมดันชอบ ชอบวาดรูปแล้วมีความสุขด้วยความเงียบ”
ภาพกวนเกษียรสมุทร
ประทีป คชบัว ศิลปินที่สร้างสรรค์จิตรกรรมชิ้นนี้เล่าถึงแรงบันดาลใจว่า .. เกิดจากการที่เมื่อเขาได้เดินทางไปเยี่ยมแม่ที่ป่วยอยู่ที่ โรงพยาบาบ ศิริราช แล้วได้เห็นผู้คนมากมายหลั่งไหลกันไปสวดมนต์ถวายพระพรขอให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 หายป่วย
- ภาพนี้สร้างสรรค์ขึ้นในช่วงที่แม่ของศิลปินป่วยหนัก และกำลังจะจากไป .. เป็นเป็นช่วงที่รอคอยด้วยความหวัง รอให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น และด้วยความรักที่มีต่อแม่ผู้ให้กำเนิด จึงพยายามคิดค้นหา “ความเป็นนิรันดร”
- อารมณ์ศิลปินที่ต้องการปะทุความในใจออกมา อยากให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่เพื่อ แม่ และเกิดผลสะเทือนใจให้กับศิลปินตลอดชีวิต รวมถึงเป็นภาพที่ดีที่สุดในตอนที่แม่ยังมีชีวิต
- ศิลปินคิดถึง “ตำนานการกวนเกษียรสมุทร” ในทะเลน้ำนม เพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำอมฤติ และความเป็นนิรันดร อมตะ
- พลังความในใจแสดงล้นทะลักออกมาบนผืนผ้าใบขนาดใหญ่ เล่าเรื่องราวด้วยสีที่มันวาว มีมิติ เนื้อสีหลากสีทับซ้อน ถ่ายทอดอารมณ์ศิลปินในความดุดัน ผ่านเนื้อความที่ซ่อนอยู่ในสี
ลักษณะและเรื่องราวของภาพ
พระอินทร์ต้องสาปให้เสื่อมฤทธิ์ รบกับอสูรให้พ่ายแพ้ทุกครั้งไป
พระอินทร์ผู้เป็นจอมราชันแห่งสรวงสวรรค์ครั้นอดีตกาล เสด็จออกประพาสพักผ่อนบนโลกมนุษย์ ช่วงเวลาเดียวกันนั้น มหาฤๅษีทุรวาส ก็ได้ออกท่องเที่ยวอยู่ในบริเวณนั้นด้วย
มหาฤๅษีทุรวาสได้รับถวายพวงมาลัยมาจากนางเมนะกาแล้วนำพวงมาลัยมาสวมที่คอแล้ว มหาฤๅษีทุรวาสก็เกิดอาการประหลาด เปลี่ยนจากฤๅษีที่มีโทสะร้ายอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นฤๅษีที่อารมณ์ดี
เมื่อฤๅษีทุรวาสมาเจอกับพระอินทร์ที่กำลังทรงช้างเอราวัณผ่านมา จึงกลับคืนสติ ทำให้คิดว่าพวงมาลัยนี้ไม่เหมาะกับตนที่อยู่ในเพศพราหมณ์ จึงได้นำพวงมาลัยนั้นถวายแด่พระอินทร์ซึ่งเป็นเทพเจ้าวรรณะกษัตริย์
เหตุให้พระอินทร์ถูกสาป
เมื่อมหาฤๅษีทุรวาสถวายพวงมาลัยแก่พระอินทร์ ครั้นพระอินทร์จะไม่รับก็กระไรอยู่ ด้วยฤๅษีทุรวาสตนนี้เป็นมหาฤๅษีที่ดุร้าย เป็นที่ทราบกันดีทั้งสามโลก หากมีผู้ใดทำอะไรให้ไม่เป็นที่พึงพอใจ ผู้นั้นมักจะถูกฤๅษีตนนี้สาปแช่ง พรอินทร์จึงตัดสินใจรับการถวายพวงมาลัยนั้นไว้ แล้วนำไปวางไว้บนตะพองช้างเอราวัณ
.. พลันช้างทรงนั้นก็เกิดอาการประหลาดคลุ้มคลั่งขึ้น เอางวงยกขึ้นจับพวงมาลัยนั้นทิ้งลงพื้นแล้วกระทืบจนพวงมาลัยนั้นแหลกเละไปต่อหน้าฤๅษีทุรวาส
.. เมื่อเป็นดังนั้น ฤๅษีทุรวาสบังเกิดเดือดดาลโทสะขึ้น กล่าวว่าพระอินทร์นั้นทรงดูหมิ่นไม่ให้เกียรติตน จึงเอ่ยปากสาปพระอินทร์ว่า ให้พระอินทร์และเหล่าเทวดาผู้เป็นบริวารนั้นเสื่อมฤทธิ์ลง แม้ต้องรณรงค์กับอสูรครั้งใด ก็ขอให้พ่ายแพ้ทุกครั้งไป
.. เมื่อข่าวเรื่องพระอินทร์ถูกมหาฤๅษีทุรวาสสาป ล่วงรู้ถึงฝ่ายพวกแทตย์และอสูร จึงไม่รอช้ารีบรวบรวมทัพบุกขึ้นโจมตีสวรรค์เพื่อครอบครองในทันที โดยมีอสุรินทร์ราหูเป็นแม่ทัพ รบกันได้ไม่นาน พระอินทร์และบรรดาเทวดาที่ต้องคำสาปตามตำนานพระอินทร์ถูกสาป จึงทำให้พ่ายแพ้แก่เหล่าอสูรโดยง่าย
พระอินทร์ล้างคำสาป
พระอินทร์และเหล่าเทวดาที่หนีรอดมาได้ จึงรีบตรงไปยังไวกูณฐ์โลกเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระนารายณ์ ด้วยเมตตาพระนารายณ์ จึงทำพิธีกวนเกษียรสมุทร (กวนน้ำอมฤต) เพื่อช่วยล้างคำสาปของมหาฤๅษีทุรวาส และเพื่อเพิ่มพลังของเหล่าเทวดาให้กลับคืนมา อีกทั้งยังจะทำให้เหล่าเทวดานั้นเมื่อดื่มกินน้ำอมฤตแล้วจะมีความเป็นอมตะอีกด้วย
โดยพระนารายณ์ออกอุบายว่า ให้เหล่าเทวดานั้นแสร้งทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตนยอมรับว่าต้อยต่ำกว่าพวกเหล่าอสูรก่อน แล้วให้ชักชวนพวกอสูรให้มาร่วมกวนน้ำอมฤตกันเพื่อความเป็นอมตะของทั้ง 2 ฝ่าย โดยให้พักเรื่องสงครามกันไว้ชั่วคราวก่อน ให้หันมาปรองดองกันชั่วขณะ แล้วช่วยกันรีบออกจัดหาโอสถสมุนไพรมาเพื่อใช้ในการทำน้ำอมฤต
เหล่าอสูรก็หลงกลด้วยอยากมีความเป็นอมตะเช่นกัน และคิดว่าพวกตนนั้นก็เป็นต่อเหล่าเทวดาอยู่ แม้การกวนน้ำอมฤตเสร็จ พวกตนก็จะต้องได้ดื่มกินน้ำอมฤตในจำนวนมากก่อน เศษที่เหลือเพียงน้อยนิดค่อยแบ่งให้เหล่าเทวดาได้ดื่มกินทีหลัง เมื่อมองเห็นดังนั้นจึงตกลงที่จะร่วมกวนน้ำอมฤตในพิธีกวนเกษียรสมุทรกับเหล่าเทวดา
แล้วต่างฝ่ายต่างออกระดมเก็บโอสถสมุนไพรที่จะนำมาใช้ในการกวนน้ำอมฤตในทันที ครั้นได้ฤกษ์กวนน้ำอมฤต ณ กลางเกษียรสมุทร มหาเทพทั้ง 3 อันได้แก่ พระพรหม พระนารายณ์และพระศิวะ ได้มาปรากฏองค์เป็นประธานในพิธี
ฝ่ายเหล่าเทวดาและอสูรต่างก็ทยอยขนเอาโอสถสมุนไพรที่จัดหามาทั้งหมดเทลงในเกษียรสมุทรในทันที
พระนารายณ์ จึงมีเทวบัญชาให้เหล่า เทวดาและอสูรไปถอนเอาภูเขา “มันทระ” ซึ่งมีความสูงพ้นพื้นดิน 11,000 โยชน์ และหยั่งฐานรากอยู่ใต้ดินอีก 11,000 โยชน์ มาปักกลางเกษียรสมุทรเพื่อใช้เป็นไม้กวน
แล้วทรงมีเทวบัญชาให้ “พญานาควาสุกรี” (ผู้เป็นพี่ของพญาเศษะ พญาอนันตนาคราชหรือพญานาคพันเศียรที่เป็นแท่นบรรทมของพระนารายณ์เวลาประทับอยู่เหนือเกษียรสมุทรหรือนารายณ์บรรทมสินธุ์) มาพันวนรอบภูเขานี้เพื่อใช้เป็นดั่งเชือกปั่นให้แกนภูเขาหมุนกวนตัวยาสมุนไพรและน้ำในเกษียรสมุทรให้เข้ากัน
แล้วออกอุบายว่า ให้เทวดาฉุดด้านหางและอสูรฉุดด้านหัว เพราะด้านหัวพญานาคต้องใช้กำลังมากจึงต้องอาศัยผู้มีฤทธิ์เดช เวลานั้นพวกอสูรก็ทะนงตัวว่ามีอานุภาพเกรงไกร
ฝ่ายเทวดาเองก็ทำตามอุบายของพระนารายณ์ที่โอนอ่อนตามพวกอสูรจึงหลงกลพากันไปฉุดทางหัวซึ่งลำบากกว่าเพราะการกวนใช้เวลานานมากพญานาคต้องเหนื่อยและล้าเพราะถูกฉุดอยู่ตลอดเวลาเมื่อทนไม่ไว้ก็จะคายพิษออกมาที่หนึ่งไปถูกอสูรตายไปเป็นจำนวนมาก บ้างก็ปวดแสบปวดร้อน จึงเป็นเหตุให้เหล่าอสูรมีหน้าตาผิวพรรณตะปุ่มตะป่ำนับแต่นั้นเป็นต้นมา
เวลานั้นเองเขามันทระที่เป็นไม้กวนถูกใช้กดลงไปแรงเกินไปซึ่งอาจทำให้พื้นทะลุลงไปยังโลกมนุษย์ พระนารายณ์จึงแบ่งภาคอวตารมาเป็นเต่ากูรมะ ใช้กระดองของตนรองรับแรงกระแทกจากเขามัทระ มิให้พื้นทะลุและทำให้โลกแตกได้ ปางนี้มีชื่อว่า กูรมาวตาร
ในระหว่างการกวนน้ำอมฤตมีอสูรปลาตนหนึ่งคิดร้ายหวังจะทำลายโลกจึงมาคอยตอดทำลายเขาให้พังลงมา พระนารายณ์ในร่างเต่าจึงเข้าสังหารอสูรปลามิให้มาขวางการกวนน้ำอมฤต ในระหว่างการกวนน้ำอมฤตซึ่งใช้เวลานานมากจึงบังเกิดน้ำอมฤตและสรรพสิ่งวิเศษรวม 14 อย่างผุดขึ้นมา ตามตำนานพิธีกวนเกษียรสมุทร
อย่างแรกคือดวงจันทร์ .. เหล่าทวยเทพแลอสูรถวายแด่องค์พระโยเคศวรศิวะเจ้า พระเป็นเจ้าจึงหยิบเอาดวงจันทร์นั้นมาทัดเป็นปิ่นทันที เทวดาและอสูรได้เห็นพระรัศมีที่งดงามของพระเป็นเจ้าศิวะและของดวงจันทร์คู่กันอย่างเหมาะสมลงตัว จึงต่างสรรเสริญพระนามให้ใหม่ในทันทีว่า “จันทรเศขร”
สิ่งที่ 2 ที่ผุดขึ้นมา คือ แก้วเกาสตุภะ เทวดาและอสูรก็นำไปถวายแด่องค์พระวิษณุมัธวะ
สิ่งที่ 3 ที่ผุดขึ้นมา คือ ดอกบัวซึ่งมีพระลักษมีเทวีประทับอยู่ในนั้น แล้วพระลักษมีก็เสด็จออกจากกลางดอกบัว แล้วเสด็จตรงโดยไม่ใยดีผู้ใดในสามโลก ตรงมาเข้าเฝ้าพระอนันตไศยินในทันทีพระวิษณุก็ทรงรับสวมกอดเอาไว้ด้วยพระศรีนั้นเป็นผู้เลือกคู่ครองเอง ทั้งสามโลกจึงไม่มีใครกล้าปฏิเสธในการเลือกของพระเทวีในครั้งนี้
สิ่งที่ 4 ที่ผุดขึ้นมา คือ นางวารุณีเทวีแหล่งเหล้า
สิ่งที่ 5 ตามมาด้วยช้างเผือกเอราวัณ พระอินทร์นั้นรับไว้เป็นพาหนะประจำพระองค์
สิ่งที่ 6 จากนั้นก็ตามมาด้วยม้าอุจไจศรพ พระอินทร์ก็รับไว้เป็นพาหนะอีก แล้วก็ตามมาด้วย
สิ่งที่ 7 ต้นปาริชาติ อันมีดอกที่หอมมาก มีสรรพคุณสามารถระลึกชาติได้ ต้นไม้นี้ก็ล่องลอยขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ทันที
สิ่งที่ 8 ที่ผุดขึ้นมา คือ โคสุรภี หรือ กามเธนุ เป็นโควิเศษสามารถบันดาลอะไรได้ตามต้องการ
สิ่งที่ 9 ที่ผุดขึ้นมา คือ หริธนู
สิ่งที่ 10 คือ สังข์
สิ่งที่ 11 ที่ผุดขึ้นมา คือ เหล่านางอัปสรผู้เลอโฉม 35 ล้านตน แต่หามีเทวาและอสูรรับพวกนางไว้ครอบครอง เลยต้องกลายเป็นของกลางไม่ตกแก่ใคร เป็นนางบำเรอสร้างความสุขทั่วไป
สิ่งที่ 12 ที่ผุดขึ้นมา คือ พิษร้าย ซึ่งไม่มีใครรับไว้ครอบครองนอกจากพวกเหล่าอสรพิษทั้งหลาย
สิ่งที่ 13 และ 14 ที่ผุดขึ้นมาพร้อมๆ กันคือ ธันวันตริผู้เป็นแพทย์สวรรค์ ผุดขึ้นมาทูนหม้อน้ำทิพย์อมฤตซึ่งเป็นสิ่งวิเศษลำดับที่ 14 ขึ้นมาด้วยแล้วค่อยๆ ประคองวางลงบนแท่นบัวทองคำอันวิจิตรสถิตอยู่ริมฝั่งเกษียรสมุทร
เมื่อกวนจนได้น้ำอมฤตมาแล้วเทวดาก็ออกอุบายหลอกอสูรเพื่อให้พวกตนได้ดื่มน้ำอมฤตก่อน แต่ราหูได้แปลงตนเป็นเทวดาทำให้ได้ดื่มน้ำอมฤต แต่พระอาทิตย์กับพระจันทร์ทราบเรื่องจึงฟ้องพระนารายณ์
พระนารายณ์จึงขว้างจักรตัดราหูขาดเป็นสองท่อนแต่ไม่ตายเพราะได้ดื่มน้ำอมฤตทำให้เป็นอมตะแล้ว ราหูจึงโกรธแค้นพระอาทิตย์กับพระจันทร์เมื่อเจอกันครั้งใดก็จะอมพระอาทิตย์กับพระจันทร์ คนในบริเวณสุวรรณภูมิที่เชื่อว่าจันทรุปราคาและสุริยุปราคาเกิดจากราหูอมพระจันทร์และพระอาทิตย์เอาไว้
http://patdramaa111.srp.ac.th/tanan-kwn-kesiyn-smuthr
รายละเอียดบางอย่างในภาพ กวนเกษียรสมุทร
- เรื่องราวการกวนเกษียรสมุทรถูกถ่ายทอดออกมา ประหนึ่งศิลปินอยู่ในเหตุการณ์ด้วย
- ศิลปินใช้เนื้อสีหลากสีทับซ้อน ก่อให้เกิดมิติอันมีประกาย มันวาว
- จินตนาการคลื่นในทะเลน้ำนม สาดกระเซ็นเป็นระลอก เรียงตัวเป็นระเบียบ แต่ทรงพลัง
- เทพและอสูรที่มารวมตัวกันเพื่อกวนเกษียรสมุทรนั้น .. ฝ่ายเทพมีสีกายผุดผ่อง ส่วนฝ่ายอสูรนั้น ส่วนหัวเป็นรูปสิงห์สาราสัตว์ต่างๆ
- ศิลปินถ่ายทอดอารมณ์ความดุดันให้ซ่อนอยู่ในเนื้อสี
บันทึก
2
1
1
2
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย