13 มิ.ย. เวลา 13:40 • ไลฟ์สไตล์

ไปทำบุญกัน-วัดปัญญานันทาราม 2

ตื่นแต่เช้า เข้าครัว อุ่นพะโล้ แล้วอาบน้ำแต่งตัว ไปใสบาตร ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวัน จากนั้น ตระเตรียมลำเลียงหม้อพะโล้ ใส่รถแล้วเดินทาง ไปวัด การไปวัดนั้น ถ้าไปเช้าได้จะดี โบราณว่าไว้ ว่าจะทำการสิ่งใด ให้ทำแต่เช้า สมองปลอดโปร่ง คิดทำสิ่งใดก็ประสบความสำเร็จได้โดยง่าย การไปวัดก็เช่นกัน ยิ่งปัจจุบันเราอยู่ห่างไกลวัดนัก จะไปต้องรีบเดินทาง เดี๋ยวรถติด กว่าจะถึงวัด ก็สายเลย
อืม ก็เข้าใจนะว่าอุปสรรคการไปวัดของคนสมัยนี้ ยากลำบากขึ้นทุกที ทำให้ผู้คนห่างเหินวัด คนที่ไปวัดนั้นก็มักไปเที่ยวชมความงามบ้าง ไปทำคอนเท้นต์บ้าง(มั้ง) จะหาคนที่ไปเพื่อแสวงหาความสงบ หรือไปเพื่อทำบุญจริงๆนั้นก็ลดน้อยถอยลง ที่พูดเช่นนี้ ก็เพราะเมื่อเรามาถึงวัดนั้น เป็นเพลา แปดโมงเช้ากว่า พวกญาติๆ ยังเดินทางมาไม่ถึง เราเดินชมรอบบริเวณวัด
อันที่จริงแล้ว ก็คุ้นเคยกับวัดนี้แหละ เพราะมาตั้งแต่วัดยังสร้างไม่เสร็จ จำได้ท่านปัญญาฯท่านนั่งรถเข็นดูงานก่อสร้าง ท่านเป็นนักคิดนักสร้างสรรค์ธรรม ท่านมีความประสงค์จะให้สถานที่นี้เป็นที่เผยแผ่ธรรมะที่บริสุทธิ์ เราคิดเองนะ ว่าวัดเดิมนั้นยิ่งนับวันความเจริญคืบคลานมา ท่านคงเห็นถึงความคับแคบ จึงดำริมาสร้างที่ใหม่นี้
หะแรกที่เราจะเห็นก็คือเจดีย์พุทธคยา ที่ทำให้เราท่านทั้งหลาย สำนึกถึงที่ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ จำลองแบบจากที่เดิมในอินเดีย ซึ่งเมื่อยืนมองเวลาเช้า และยามเย็นนั้น ให้ความสงบแก่จิตใจเป็นที่ยิ่ง
 
ทุกครั้งที่มา ก็ไม่ทำให้เบื่อเลยที่จะเดินชมรอบๆ บริเวณ ซึ่งชอบตรงที่ลานธรรม ที่พระสงฆ์จะมานั่งล้อมวง และสวดมนต์ โดยมีพุทธศานิกชนนั่งฟังธรรมอยู่เบื้องล่าง ใต้ต้นไม่ร่มครึ้ม เฉกเช่นยุคที่พระพุทธองค์ยังไม่เสด็จปรินิพพาน ทรงแสดงธรรมใต้ร่มไม้ฉันนั้นี
บริเวณโดยรอบในวัด
หากแต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป ความสะดวกสบายกายนั้นก็จำเป็น ยามเมื่อฝนตก ญาติโยมก็อาจลำบาก ทางวัดจึงสร้างอาคารหลายหลังเพื่อความสะดวก สะอาด ในการนั่งฟังธรรม หรือเรียนสมาธิวิปัสนา การก่อสร้างที่มากเกินความจำเป็นนั้น เราไม่เห็นเป็นผลดีเท่าใดนัก เพราะจะกลายเป็นหลงวัตถุไปซะ มากกว่า แต่เท่าที่ดูมา ทางวัดนั้นมิได้ต่อเติมเสริมสร้างมากเกินจำเป็น ยังคงลักษณะงดงามตามหลักธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังคงหลีกเลี่ยงที่จะตัดต้นไม้ใหญ่ทั้งหลายประดามีในวัด และให้ต้นไม้นั้นเติบโตงดงาม ให้ความร่มเย็นโดยทั่วบริเวณ
ขณะในตัวอาคาร พระและฆราวาส กำลังสวดมนต์กันอยู่นั้น และระหว่างที่เรารอญาติมาพร้อมๆกัน ก็ได้มีเวลาเดินชมรอบบริเวณ ซึ่งแม้มาหลายครั้งแล้ว ก็ไม่เบื่อที่จะชม เพราะ เราได้เดินเข้ามายังระเบียงธรรม เสมือนก้าวย่างเข้าไปในความสงบ จิตใจเราเบิกบาน และมีความสุขอย่างแท้จริง
คำสอนต่างๆ ในระเบียงธรรม
ได้เดินอ่านธรรมะจากท่านพุทธทาสภิกขุ ที่ส่งต่อมายังปัจจุบัน ธรรมะที่ไม่มีวันตาย แม้พระพุทธองค์จะปรินิพพานไปกว่า 2500ปีแล้วก็ตาม แต่คำสอนนั้นยังจีรัง และเป็นความจริงแท้แน่นอน เป็นทางสายกลาง เป็นทางธรรมที่ทอดมาให้พวกเราเดินไปตาม และจะไม่มีวันหลงทางเด็ดขาด
เมื่อถึงเวลา ญาติมากันครบ ก็ได้เวลาสดับฟังธรรม ถวายเครื่องสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์ และรับพร จากนั้นก็ถึงเวลาเพล พระเณรทั้งหมด พากันมาตักอาหารที่พุทธศาสนิกชน นำมาจัดรวมกันทั้งคาวหวาน คราวนี้พะโล้ของเราก็ทำหน้าที่อาหารคาวได้ดีทีเดียว จัดให้ได้ทั้งพระ เณร และฆราวาส เมื่อพระเณรท่านตักอาหารใส่บาตรนั้น ก็รวมทุกอย่างในบาตร และฉันเช่นนั้น ต่อมาก็เป็พวกที่มาบวชเนกขัมมะ ใส่ขุดขาว พากันมาตักอาหารไปรับประทาน และสุดท้ายก็เป็นฆราวาส อย่างพวกเรา ก็รับประทานเป็นชุดหลัง
ไลน์อาหารที่ญาติโยมนำมารวมกัน
คราวนี้เราก็ปลาบปลื้ม ที่พะโล้ขายดี คนพากันรับประทานจนหมดถาดหลุมสองถาดใหญ่ มีญาติโยมนำอาหารมาหลายอย่าง ที่เหลือรับประทานแล้ว พวกคนงานที่มาช่วยงานวัดก็เก็บงำ ทำความสะอาด พวกเรารับประทานแล้ว ก็เป็นธรรมเนียมที่ควรจะต้องนำไปล้าง เช็ด และเก็บเข้าที่ตามเดิม ที่เห็นทุกคนก็ปฏิบัติเช่นนี้ อาจเป็นเพราะพวกที่มาวัด มาประจำจึงรู้แนวปฏิบัติเป็นอย่างดี
ทางวัดมีกิจกรรมหลายอย่าง ซึ่งน่าสนใจแก่ประชาชนชาวพุทธทั่วไป จะไปทำบุญ ปฏิบัติธรรม ที่วัด เพื่อชะล้างจิตใจ และส่งเสริมศาสนาให้ดำรงสืบไป การไปวัดวันนี้จึงเป็นประโยชน์ เป็นกุศล ทำให้เราเข้าถึงรสพระธรรมได้มากขึ้น จึงอยากเชิญชวนให้ท่านทั้งหลาย ไปวัดกันเถอะ ไปวัดนี้ หรือหากไม่สะดวก ก็ไปวัดใดก็ได้ ที่ไม่เน้นวัตถุ แต่เต็มไปด้วยแก่นธรรม ให้เราท่านทั้งหลายได้ซึมซับและมุ่งทำความดี ให้บ้านเมืองของเรามีคนดีๆ เพิ่มมากขึ้น เท่านี้แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้…..
โฆษณา