13 มิ.ย. เวลา 15:43 • นิยาย เรื่องสั้น
นครนิวยอร์ก

NYKU:  มีเรื่องกับพี่มืด กลางดึกใน Subway!

Everything happens for a Reason แปลทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยเหตุและผล อธิบายด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างผม ก็ประมาณว่า ที่เราเป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน ก็เนื่องด้วยสิ่งที่เราทำจากอดีต แต่ไม่ใช่ว่าต้องเป็นชาติที่แล้วนะครับ เอาแค่ชาตินี้พอ อย่างเช่น ที่ต้องมาแบกจานทำงานร้านอาหาร ก็เพราะว่า ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือให้เก่ง ที่ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ เพราะระบบการศึกษามันห่วย ที่ระบบการศึกษามันห่วย เพราะมีไดโนเสาร์บังคับการณ์ ที่มีไดโนเสาร์เพราะ มันมาก่อนไดโนศุกร์ เย้ย!!
วันนี้จะมาเล่าถึงเรื่องราวของ การที่เกิดสิ่งหนึ่งขึ้น ก็เพราะมันมีเหตุและผลของมันอยู่ ส่วนจะยกเรื่องอะไรมาเล่านั้น บอกได้คำเดียวว่า “เลือดตกยางออก“ เลยทีเดียว
คืนแก่ของฤดูร้อนในนิวยอร์ก ที่กว่าพระอาทิตย์จะตกดินก็สามทุ่มได้ ขณะที่ผมกำลังนั่งดูทีวี ได้ยินเสียงประตูเปิดเข้าบ้านมา ก็เดาได้ว่า ไอ้โจ้ รูมเมท Food Runner เลิกงานเพิ่งกลับเข้าบ้านมา เลยตะโกนถาม ‘เฮ้ย เป็นไงวันนี้รวยไหม‘ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากโจ้ นึกสงสัยเลยเดินออกมาดู เผื่อว่าขโมยเข้าบ้านจะได้ดักตีทัน
พอโผล่หน้าออกมาดูก็เห็นว่าเป็นโจ้คนเดิม แต่...สภาพไม่เหมือนเดิม เพราะเบ้าตาปูดบวม เดินกะเผลก จะล้มมิล้มแหล่ ทิ้งตัวลงตรงโต๊ะกินข้าว ก่อนจะขอให้ช่วยหยิบเอาถุงถั่วญี่ปุ่น (เอดามาเมะ) ในช่องแข็งมาให้หน่อย
“มีง...โทรมขนาดนี้ ยังจะอยากแดกถั่วญี่ปุ่นอีกเร๊อะ?” ผมแซว
“ยังขำได้อีกนะพี่” โจ้บอกก่อนจะเอาถุงถั่วเย็นจัดมาประคบหน้า
“สภาพยังนี้ นี่คกรถไฟมาเหรอ?” ผมถาม
“ตกจริงพี่ ตกลงไปในรางรถไฟเลยนะ” โจ้ตอบเสียงจริงจัง ยังไม่ทันจะถามต่อว่าเกิดอะไรขึ้น โจ้ก็เล่าว่า ไปซัดกับพี่มืดมา...
โจ้เล่าว่า “วันนี้เลิกงานกลับบ้านตามปรกติ แต่มันไม่ปรกติตรงกลับกับน้องนา สาวสวยน้องใหม่ของร้านที่เพิ่งจะมาจากไทยได้ไม่ถึงเดือน ปรกติผมจะยืนรอที่หน้าขบวน ตรงประตูทางออกที่ใกล้กับบ้านที่สุด แต่น้องนา บ้านนางอยู่ใกล้ประตูท้ายขบวนไง เราก็เลยไปรอรถไฟตรงท้ายขบวนกับน้อง ระหว่างรอ ก็เล่นโทรศัพท์ไปตามประสา แล้วก็ได้ยินเสียงตะโกนเป็นภาษาอังกฤษบอกว่า ”เฮ้ย! อย่ามายืนข้างหลังกู หลบไปไกลเลยมึง!“ ประมาณ Get the Fuck out! พอเงยหน้ามาก็เจอพี่มืดตัวใหญ่ ขนาด 190cm ได้ มายืนจ้องหน้าอยู่ ห่างไม่ถึงเมตร
”มึงก็เลยเดินหนีใช่ม่ะ“ ผมขัดขาไปที โจ้บอกว่า ถ้าเดินฉากออกมา หน้าจะเป็นอย่างนี้เร๊อะ!
“ตอนแรกก็เดินฉากออกมาแล้วอ่ะนะ แต่มันก็ยังด่าไล่ท้าย ไอ้ Asian, ไอ้ Yellow, ไรนี่แหละ พอฟังแล้ว มันก็เลยแบบ​ของขึ้น ก็เลยหันกลับไปหามันแลกเปลี่ยนน้ำลาย ด่าใส่กันนิดหน่อย ฟังรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่งแหละนะ ก่อนที่พี่มืดจะท้าให้เดินเข้าไปหามัน ตอนนั้นองค์ลงแล้วไงพี่ ก็เลยเอาวะ หลังจากนั้นก็ใส่กันยับ” โจ้บอกก่อนจะเล่าต่อเสียงตื่นเต้น ”แลกกำปั้นกันไปไม่กี่หมัด แม่งจับผมเหวี่ยงลงไปในรางรถไฟ!“
ผมได้ยินก็ร้องตกใจ เพราะอยู่มาจะ 20 ปี ยังไม่เคยได้ลงไปในทางรถไฟเลย และก็คงไม่อยากลงไปด้วยวิธีนี้แน่ “ดีที่รถไฟแม่งไม่มา ไม่งั้นป่านนี้ ได้ลงข่าวหน้าหนึ่งไปแล้ว” โจ้เล่าต่อ
“ผมปีนขึ้นมาได้ ก็วิ่งไปใส่กับมันอีก แม่ไม้มวยไทย จรเข้ฟาดหาง หนุมานถวายแหวน ท่าไรมั่งก็ไม่รู้ล่ะ ใส่จนมันล้มลง ผมก็ได้ที เตะที่หัว ที่หน้ามันไปหลายดอก ก่อนจะมีฝรั่งมาห้าม จับแยกมันกับผม น้องนาก็มาลากผมให้เดินไปข้างหน้า ผมก็เจ็บไปหมด ก็เลยแยกดีกว่า ระหว่างเดินไปข้างหน้าขบวน ได้ยินเสียงไอ้พี่มืด ยังตะโกนด่าตามมาอยู่อีกนะ ว่าจะกลับไปใส่มันอีกซักที พอดีรถไฟมาก่อน ก็ไปละ ไม่อยู่ล่ะตรงนี้” โจ้เล่า
ผมดูสภาพโจ้ที่ตอนนี้ เสื้อผ้ารองเท้านี่อย่างเลอะ ตาซ้ายปูดบวม มีรอยช้ำกับรอยถลอกแถวเบ้าตา ไม่ต้องถามถึงส่วนอื่น แขน ขาถลอกเต็มไปหมด โจ้บอก เจ็บขาสัส! ตอนโดนเหวี่ยงลงไปในรางรถไฟ คงไปกระแทกกับรางเหล็ก เดินยังแทบไม่ไหวตอนนี้
“เกิดมา เพิ่งเคยมีเรื่องต่อยกับพี่มืดก็คราวนี้เอง ตัวมันใหญ่ กระดูกแข็งจริงว่ะ ชกทีเหมือนต่อยกำแพงอ่ะ” โจ้สารภาพ แหม่ ก็ดูตัวพี่มืดแต่ละคนซิครับ ล่ำบึกทั้งนั้น น่าจะเรียกได้ว่ามวยคนละรุ่น กระดูกคนละเบอร์ที่แท้ทรู เทียบกับชายไทยแล้ว โจ้มันก็ล่ำนะ สูง 180 ก็ว่าใหญ่แล้ว กล้ามก็มีเพราะทำงาน Food runner แบกจานออกอาหารทีละ 3-4 จานสบายๆ ถ้าโจ้ยังบ่นขนาดนี้ ถ้าเป็นผม กระดูกคงหักไปหมดแล้วล่ะนะ 555
ก่อนโจ้จะบอกว่า ลางานพรุ่งนี้เรียบร้อย ผมเห็นสภาพแล้ว แค่มึงจะเดินยังกระเผลกขนาดนี้ จะไปวิ่งขึ้นบันได ออกอาหารยังไงไหว ว่าแต่ว่า วันเดียวก็ไม่น่าจะพอนะ ลาอาทิตย์นึงดีกว่าไหม 555
โจ้เล่าเสร็จพลางกินยาแก้อักเสบ แก้ปวด ก่อนจะขอไปอาบน้ำนอนก่อน ระบมไปหมดทั้งตัว
เรื่องราวก็เหมือนจะจบลงตรงนี้ จนเช้าตรู่วันต่อมานั้นเอง โจ้ก็กระเผลกเข้าห้องมาปลุกผมแบบไม่รู้จักเกรงใจกันซะบ้างเลย
“พี่โต้ ผมมีเรื่องต้องเล่าให้ฟังว่ะ ช่วยตื่นมาฟังหน่อย” โจ้บอกเสียงเครียด ผมก็นึกว่า สงสัยตำรวจตามมาแน่เลยแบบนี้ แต่เปล่าเลย! มันบอกว่า
“เมื่อคืนผมแม่งฟุ้ง นอนไม่ค่อยจะหลับ คิดทั้งคืน คิดเป็นร้อยเป็นพันแบบ ว่าถ้าผลลัพธ์แม่งออกมาเป็นแบบอื่น แล้วเรื่องนี้มันจะเป็นยังไง คิดแล้วแม่งก็ตลกว่ะพี่ คือ ทำไมคนสองคนที่เพิ่งจะมาเจอกัน ต้องมาสู้กันขนาดจะฆ่ากันให้ตายด้วยวะ แค่มึงไม่ยืนหลังกู แค่กูไม่ยืนอยู่หน้ามึง แค่ด่ากันแค่นี้อ่ะนะ? นี่ถ้ารถไฟแม่งวิ่งมาตอนผมตกลงไป ป่านนี้พี่ก็ต้องไปชี้ศพผมแล้ว หรือถ้ากลับกันผมถีบมันตกรางแล้วแม่งตายล่ะ ผมก็ต้องติดคุก ติดตารางแทน ถ้าแม่งมีมีด มีปืนล่ะ?” โจ้ร่ายยาว
“แล้วผมดีใจไหม ที่ต่อยมันลง หรือมันจะดีใจไหมที่ต่อยผมลง, ครอบครัว คนรอบข้างเขาจะดีใจไหม สำหรับผมแล้ว...ไม่นะ ผมว่ามันก็คงเหมือนกัน สิ่งเดียวที่รออยู่ คือ ความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นว่ะ” โจ้เทศนาให้ฟัง ฐานที่เคยบวชเป็นสามเณรมาก่อน
“คือแบบ ถ้าผมกับน้องนา เดินหนีมันไป มันจะด่า จะบ่นอะไรก็เรื่องของมันไป เรื่องมันก็อาจจะจบตรงแค่นั้นหรือเปล่า ผมก็ไปทำงานตามเดิมได้ตามปรกติ ไม่ต้องเจ็บตัว ลาหยุด เสียการงาน เสียรายได้แบบนี้ มันต้องมีเหตุผล หรืออะไรสักอย่างที่ทำให้เรื่องราวนี้มันเกิดขึ้น แล้วอะไรคือ ผลลัพธ์” โจ้เล่าพลางชวนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นี่มึงมีเรื่องกับพี่มืด แล้วเสือกบรรลุซาโตริซะงั้นเนี่ยนะ!
“เออ! มึงตรัสรู้แล้ว ต่อไปจะไปปรินิพพานที่ไหนก็เอาเลยนะมึง ขอกูนอนต่อเหอะ” ผมไล่มันไป ทำตัวเหมือนกับเป็นบัวเหล่าที่ 4 ส่วนโจ้เล่าเสร็จก็กลับไปนอนต่อ
ผมก็นอนคิดตามไอ่โจ้ เออ...ทุกอย่างล้วนมีเหตุมีผลของมัน ถ้าโจ้ไม่ไหวหวั่นไปกับเสียงด่าของพี่มืด ถ้าโจ้ไม่ไปขึ้นรถไฟตรงท้ายขบวน หรือถ้าโจ้ไม่กลับบ้านกับน้องนา...
“กิ๊งก่อง...” เสียงคนมาเคาะกริ่งหน้าบ้าน ผมกำลังจะเดินออกไปเปิดประตู โจ้ตะโกนบอกว่าไม่เป็นไร พลางเดินเป๋ไปเปิดประตู
“อะไรวะมึง เดินยังแทบไม่ไหวเลย ยังจะเดี้ยงมาเปิดประตูอีกนะ” ผมบอก แต่ก็ได้คำตอบ เมื่อโจ้เห็นน้องนา น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ที่กลับบ้านกับไอ้โจ้เมื่อวานนั่นแหละ
นางทำข้าวต้มมาให้โจ้กิน พลางเสียงใจที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้โจ้ต้องมีเรื่องกับพี่มืด เดี๋ยวก่อนๆๆๆๆ น้องนาขา น้องเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า นี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับน้องเลยนะคะ ไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องทำข้าวต้มมาให้มันกินหรอก เอาเศษกระดูกน่องไก่ที่กินเหลือมาก็พอคะ
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทักทาย หรือแซวอะไร โจ้ก็ปุ้ยใบ้บอกว่า “มึง! ช่วยกรุณาหลบไปในห้องเลยนะมึง ไม่งั้นเดี๋ยวมึงได้ใช้ถุงถั่วญี่ปุ่นประคบเบ้าตาอีกคน!” ผมเลยต้องหลบฉากไปก่อน แต่พอเห็นหน้าบวมกึ่งบานของไอ้โจ้แล้ว ก็ดีใจไปกับมัน แม้เรื่องนี้จะเกิดจากความเจ็บปวด แต่ท้ายที่สุดผลลัพธ์ของเรื่องนี้ อาจจะเป็นอะไรที่ให้ความสุขมันก็ได้...
เฮ้อ ไอ้โจ้เอ๊ย ไงก็อย่าลืมสึก สลัดผ้าเหลือง ออกจากร่มกาสาวพัสตร์ก่อนนะมึง 555
หากชอบใจ ฝากกดติดตาม กดไลค์ อ่านเรื่องราวอัพเดทของ เอ็นวายกู NYKU: New York Kitchen University เรื่องวุ่นๆ ของพวกเราพี่น้องคนไทย ที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ห้องครัวในมหานครนิวยอร์กได้ที่นี่นะครับ ขอบคุณครับ 
โฆษณา