14 มิ.ย. เวลา 02:22 • ข่าวรอบโลก
ทวีปยุโรป

อ้างเสรีการค้ามานาน ตอนนี้ถึงเวลาเลิกเสรีแล้ว

สหภาพยุโรป (EU) กำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนในอัตราสูงถึง 38% หลังจากที่มีการสอบสวนพบว่ารถยนต์จีนได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลและทะลักเข้ามาในตลาดยุโรป
แม้ว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนจะให้ความร่วมมือในการสอบสวนของสหภาพยุโรป พวกเขาก็ยังต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงถึง 21% ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงมากและอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของรถยนต์จีนในตลาดยุโรป ในขณะที่ผู้ผลิตที่ไม่ให้ความร่วมมือจะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงยิ่งกว่าคือ 38.1% จีนได้ออกมากล่าวหาว่าการเก็บภาษีดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎการค้าระหว่างประเทศและเป็นการกีดกันทางการค้าอย่างชัดเจน
การตัดสินใจของสหภาพยุโรปเกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้ขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนจาก 25% เป็น 100% เมื่อเดือนที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากจีนและนักการเมืองบางส่วนในสหภาพยุโรป โดยกล่าวหาว่าเป็นการกีดกันทางการค้าและอาจนำไปสู่สงครามการค้าได้ อย่างไรก็ตาม บางบริษัทรถยนต์ในยุโรปก็เรียกร้องให้มีนโยบายอุตสาหกรรมร่วมกันเพื่อรับมือกับการแข่งขันระดับโลก
ในปี 2022 จีนมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 8 ล้านคัน คิดเป็นประมาณ 60% ของยอดขายทั่วโลก ตามรายงานของ International Energy Agency การเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนได้สร้างความกังวลให้กับผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเห็นว่าจีนเป็นภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของตน การเก็บภาษีนำเข้าจึงถูกมองว่าเป็นวิธีหนึ่งในการปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศตนเอง
น่าผิดหวังที่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปกำลังใช้มาตรการกีดกันทางการค้าเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศของตน พวกเขาไม่สามารถแข่งขันกับจีนในตลาดเสรีได้ เนื่องจากต้นทุนแรงงานและต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า แทนที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและประสิทธิภาพการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน พวกเขากลับเลือกที่จะสร้างกำแพงภาษีเพื่อกีดกันคู่แข่ง แม้จะสวนทางกับหลักการค้าเสรีที่เคยส่งเสริมก็ตาม
1
นอกจากนี้ การที่สหรัฐอเมริกาและยุโรปจ่ายค่าแรงสูงให้กับแรงงานที่ไม่มีทักษะมากนัก ก็ถือเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียที่มีแรงงานทักษะเทียบเท่า แต่ได้รับค่าแรงที่ต่ำกว่ามาก สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความหน้าซื่อใจคดของชาติตะวันตกที่ชอบพูดถึงความเท่าเทียมและศักดิ์ศรีของทุกคน แต่กลับเอาเปรียบประเทศที่มีรายได้น้อยกว่าอย่างไม่เป็นธรรม การกระทำเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกในระยะยาวได้
2
โฆษณา