15 มิ.ย. เวลา 11:05 • การศึกษา

ทำไมเราไม่โตไปกว่านี้ในองค์กรล่ะเนี่ย (2)

ต่อจากคราวที่แล้วสำหรับท่านที่แวะเข้ามาอ่านเพื่อการพัฒนาตนเองกันนะครับ สำหรับ EP ที่แล้ว ผมเขียนถึงเรื่องเราจะโตต่อไปในองค์กรได้นั้น หลายครั้งเราจำเป็นต้องมีความสามารถด้านตัวเลข (บ้าง) นั่นก็เป็นเพราะว่าเมื่อเราทำงานในลักษณะที่ต้องทำให้องค์กรได้กำไร หรือได้ประโยชน์จากตัวเรานั้น การรู้ว่าทำสิ่งใดกำไร ทำสิ่งใดไม่กำไร เป็นสิ่งที่ต้องนำมาคิด และทำให้บริษัทหรือเจ้านายได้รับประโยชน์ ซึ่งนั่นก็คือการทำให้ตัวเลขกำไรมันชัดเจน
สิ่งที่ง่ายที่สุดที่หลายท่านรู้ดีก็คือ คำว่าธุรกิจ มีตัวเลขอยู่ 2 ตัวที่เป็นหัวใจที่จะทำให้บริษัทได้กำไรก็คือ ถ้าไม่ใช่ยอดสั่งซื้อที่สูงขึ้นก็จะต้องเป็นต้นทุนที่ถูกลงน่ะเอง ถามว่ารู้แค่นี้ก็พอ และสามารถคิดคำนวณได้เลยไหมครับ คำตอบคือ รู้แค่นี้ก็เข้าใจว่าควรทำอย่างไรไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วล่ะครับ ที่เหลือก็เป็นเพียงองค์ประกอบ
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรารู้ หรือสังเกตว่า การซื้อเครื่องจักรมาผลิตงาน และต้องคอยซ่อมบำรุง แถมยังต้องจ้างช่างประจำมาอยู่ที่เป็นเงินจำนวนไม่น้อยอยู่แล้ว เพราะช่างหายาก แถมบางครั้งไปสงกรานต์ก็ไม่กลับมาหยั่งกับไปสงคราม
พอรู้ประมาณนี้เราก็แค่แสดงตัวเลขรวมของต้นทุนระหว่างต้นทุนที่ซื้อขาดเครื่องจักรมาเลย กับการแสดงฝั่งตัวเลขต้นทุนสะสมของการเช่าซื้อ ที่ทางผู้ขายเครื่องจักร (Vendor) มีบริการมาซ่อมบำรุงให้ ไม่ต้องจ้างช่างประจำ กะกลางวัน 1 กลางคืน 1 และยังต้องมี OT หากใครคนหนึ่งลา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เมื่อเรารวบรวมตัวเลขได้แล้ว ก็นำมาเสนอต่อที่ประชุมถึงแผนการประหยัดเงินให้กับบริษัทได้
แต่หากพวกเราต้องการเรียนให้ลึกซึ้งกว่านั้นได้ยิ่งดีครับ ผมแนะนำว่าอย่างไรตัวเลขก็สำคัญและทิ้งไม่ได้ เรื่องนี้ผมมีประสบการณ์ตรงเลยทีเดียวจากการดูเรื่อง Career Path ให้พนักงานเกือบทุกคนในองค์กร
ผมแนะนำอย่างนี้ครับว่า หากต้องการมีความรู้เรื่องการวิเคราะห์ตัวเลขกำไรขาดทุนอย่างละเอียดนอกจากจะมีประโยชน์เรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัวแล้ว สามารถไปลงเรียนได้แบบพวกหลักสูตร Mini MBA ตาม ม.จุฬา ธรรมศาสตร์ มหิดล หรือ ของลาดกระบังก็มีนะครับ เพราะตอนนี้การเรียนสั้นได้ความรู้ด้านตัวเลขบวกคอนเน็คชันก็กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก (แต่อย่าเผลอไปเรียนไอ้ที่มันปาร์ตี้อย่างเดียวทีเดียวเชียว)
เหตุผลที่ 3 ที่ทำให้เราไม่ได้เติบโตขึ้นไปในบริษัทของเราก็เป็นเพราะ เราไม่รู้ว่าผู้บริหารต้องการให้เราทำอะไร สำหรับข้อนี้ ผมบอกได้เลยว่าผู้บริหารร้อยทั้งร้อย ทุกคนต้องการลูกน้องที่ทำอะไรล่วงหน้าไว้ก่อน (Proactive)
คำว่า Pro เป็นรากศัพท์อังกฤษแปลว่า ‘ไปข้างหน้า’ ส่วน Active ก็คือ ‘ลงมือทำ’ ง่ายๆ จึงแปลรวมกันว่า เราต้องลงมือทำล่วงหน้า อย่ารอให้อะไรเกิดขึ้น หรือถูกตามจากบุคคลภายในบริษัทด้วยกันมาตามงาน แล้วจึงค่อยลงมือ เพราะนั่นทำให้นอกจากตัวคุณจะเสียหายจากการที่ต้องให้ผู้อื่นมาตาม อีกบุคคลที่รู้สึกเหนื่อยจากการทำงานของท่านก็คือหัวหน้าท่านนั่นเอง
นั่นก็เป็นเพราะไม่มีใครต้องการตามงานจากใครเนื่องจากคำว่า ‘ตาม’ ก็คือการเสียเวลาแล้วล่ะครับ ดังนั้นการทำรอไว้ก่อนเลยโดยไม่ต้องกังวลว่าผิดหรือถูก เพราะหากเรารีบทำรีบส่ง ทางหัวหน้า หรือผู้บริหารก็จะส่งเมลตอบกลับมาเองว่า ‘ขอบใจมาก แต่รบกวนช่วยแก้ตรง ………’ ซึ่งนั่นนอกจากไม่ต้องรอให้ตามแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ ความสามารถที่เป็นนักลงมือปฏิบัติ แล้วยังหมายถึงเป็นการสื่อสารทางตรง (หรือทางอ้อม) กับทางผู้บริหารได้โดยตรง ด้วยการส่ง Email และ CC เพื่อแจ้งผู้บริหารทุกท่านได้ทราบ
ขอบคุณท่านผู้อ่านที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ 3 หัวข้อนี้เป็น 3 หัวข้อหลักของการเติบโตภายในองค์กร หากท่านต้องการอยากทราบเรื่องใดที่ทางกระผมสามารถนำมาเขียน หรือให้คำปรึกษาก็แจ้ง inbox หรือทิ้งใน Comment นี้เข้ามาได้ ปรึกษาฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ต้องการเติบโตขึ้นไปในองค์กรทุกๆ ท่านครับ
 
เราสูงขึ้นได้อีก
โฆษณา