ย้อนรอยผลงานในอดีตของ 10 ตัวเต็งแชมป์ฟุตบอลยูโร EP.1 ทีมชาติเยอรมนี
การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 เป็นการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปครั้งที่ 17 โดยที่ 24 ทีมที่ได้เข้าร่วมแข่งขันในรอบนี้ มีทีมดังและทีมแชมป์เก่าก็ต่างพาเหรดกันเข้ามาได้เกือบครบทุกทีม นอกจากนี้ยังมีทีมน้องใหม่ที่ได้เข้าเล่นฟุตบอลยูโรรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกคือทีมชาติจอร์เจีย
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ฟุตบอลยูโร 2024 ครั้งนี้ได้เริ่มเปิดฉากทำการฟาดแข้งกันไปแล้วนะครับ โดยคู่เปิดสนาม เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าภาพ ทีมชาติเยอรมนี เปิดตัวได้สวยงาม ไล่ถล่ม ทีมชาติสกอตแลนด์ ไปด้วยสกอร์ 5-1 จากการทำประตูของ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์, จามาล มูเซียล่า, ไค ฮาแวร์ทซ์, นิคลาส ฟูลครูก และ เอ็มเร่ ชาน
เกมนัดเปิดสนามยูโร 2024 เยอรมนี 5-1 สกอตแลนด์
ในซีรีส์ ย้อนรอยผลงานในอดีตของ 10 ตัวเต็งแชมป์ฟุตบอลยูโรของพวกเรา ตอนแรกนี้เราจะพามาย้อนรอยมาดูผลงานของทัพอินทรีเหล็ก เยอรมนี เจ้าภาพของการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งนี้กันครับ
ถ้าพูดว่าทีมชาติเยอรมนีเป็นชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของทวีปยุโรป ก็คงจะไม่มีใครอาจคัดค้านได้ พวกเขาได้แชมป์ฟุตบอลโลก 4 สมัย และคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรได้มากที่สุดคือ 3 สมัย (รวมเยอรมันตะวันตก) โดยในฟุตบอลยูโร 2024 นี้ เยอรมนีอยู่กลุ่มเดียวกับสกอตแลนด์, ฮังการี่ และสวิตเซอร์แลนด์ โดยทีมอินทรีเหล็กถูกจัดให้เป็นเต็ง 3 ของรายการ
วันนี้เราจะพามาดูผลงานของเยอรมนีจากการแข่งขันฟุตบอลยูโรทั้ง 16 ครั้งที่ผ่านมากันครับ
(หมายเหตุ สาเหตุที่ช่วงปี 1960 - 1976 ชาติใหญ่หลายชาติไม่ผ่านการคัดเลือก เนื่องจากฟุตบอลยูโร 1960 - 1976 รอบสุดท้าย จะแข่งขันกันเพียงแค่ 4 ทีม)
ยูโร 1960 และ 1964 ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน
ยูโร 1968 ตกรอบคัดเลือก
ยูโร 1972 เป็นการเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลยูโรรอบสุดท้ายครั้งแรกของทัพอินทรีเหล็ก ในรอบรองชนะเลิศเยอรมันตะวันตกเฉือนเอาชนะเบลเยี่ยม 2-1 จากการเหมา 2 ประตูของเกิร์ด มุลเลอร์ ก่อนที่จะมาเข้าชิงกับสหภาพโซเวียต และพวกเขาจะเอาชนะโซเวียตไปขาดลอยในนัดชิงด้วยสกอร์ 3-0 จากการทำ 2 ประตูของ เกิร์ด มุลเลอร์ และ เฮอร์เบิร์ท วิมเมอร์ คว้าแชมป์ยูโรสมัยแรกมาครอบครองได้สำเร็จ
การคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรของเยอรมันตะวันตกครั้งนี้ทำให้นักเตะคนสำคัญและกัปตันทีมของพวกเขา ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์คว้ารางวัลบัลลงดอร์ 1972 มาครอง โดยที่เกิร์ด มุลเลอร์ดาวซัลโวของรายการได้คะแนนโหวตบัลลงดอร์มาเป็นอันดับ 2 ในปีนั้น
ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ กัปตันทีมรับมองถ้วยแชมป์ยูโร
ยูโร 1976 เยอรมันตะวันตกต้องมาทำการป้องกันแชมป์ โดยในรอบรองพวกเขาเอาชนะยูโกสลาเวียไป 4-2 หลังจากที่เสมอกันในเวลา 1-1 จากการทำแฮททริกของดีเทอร์ มุลเลอร์ และ ไฮนซ์ ฟลอเฮอ หลังจากนั้นทัพอินทรีเหล็กต้องเข้าไปป้องกันแชมป์กับเชโกสโลวาเลีย ซึ่งสกอร์ในเวลาจบที่เสมอกัน 2-2 แต่น่าเสียดายที่เยอรมันตะวันตกแพ้การดวลจุดโทษให้กับเชโกสโลวาเกียไป ซี่งการยิงจุดโทษของอันโตนิโอ ปาเนนก้าที่เรารู้จักกันดีก็เกิดขึ้นในแมตช์นี้ พลาดการป้องกันแชมป์อย่างน่าเสียดาย
อันโตนิน ปาเนนก้า ยิงจุดโทษแบบ Panenka Kick ใส่เยอรมันตะวันตก
ยูโร 1980 หลังจากที่พลาดการป้องกันแชมป์ในยูโร 1976 ทัพอินทรีเหล็กต้องมาทวงบัลลังก์ยุโรปของพวกเขาคืน เยอรมันตะวันตกอยู่กลุ่มเดียวกับ เชโกสโลวาเกียคู่แค้นเก่า เนเธอร์แลนด์ และกรีซ ในแมตช์แรกพวกเขาเอาชนะเชโกสโลวาเกียไป 1-0 จากคาร์ล ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ก่อนที่จะเอาชนะเนเธอร์แลนด์ 3-2 จากการทำแฮททริกของเคล้าส์ อัลลอฟส์ และเสมอกรีซ 0-0 ในนัดสุดท้าย เยอรมันตะวันตกชนะ 2 เสมอ 1 เข้าชิงแชมป์ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม 1 ไปเจอกับทีมปีศาจแดง เบลเยี่ยมที่เป็นแชมป์กลุ่ม 2
โดยทัพอินทรีเหล็กเป็นฝ่ายเอาชนะไป 2-1 จากการเหมาทำ 2 ประตูของ ฮอร์ท ฮรูเบช ทำให้เยอรมันตะวันตกคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 2 มาครอง นอกจากนี้รุมเมนิกเก้ที่ทำ 1 ประตู 2 แอสซิสต์ รวมถึงทำแอสซิสต์ประตูชัยให้ฮรูเบซในนัดชิงชนะเลิศ ก็สามารถคว้าบัลลงดอร์ 1980 มาครอบครองได้
เยอรมันตะวันตกชุดแชมป์ยูโร 1980
ฮอร์ท ฮรูเบช ผู้ทำ 2 ประตูในนัดชิง
ยูโร 1984 ทัพอินทรีเหล็กแชมป์เก่าต้องมาป้องกันแชมป์ โดยในรอบแบ่งกลุ่มเยอรมันตะวันตกอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับโปรตุเกส โรมาเนีย และ สเปน ในแมตช์แรกพวกเขาเสมอโปรตุเกสไปแบบไร้สกอร์ 0-0 ก่อนที่จะเอาชนะโรมาเนีย 2-1 แต่ทว่าในนัดสุดท้ายพวกเขามาแพ้สเปนไป 0-1 โดยโดนทีมกระทิงดุยิงประตูชัยในนาทีสุดท้าย เยอรมันตะวันตกแชมป์เก่าชนะ 1 นัด เสมอ 1 นัด แพ้ 1 นัด จบอันดับ 3 ของกลุ่มตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
ยูโร 1988 ทัพอินทรีเหล็กรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ อยู่กลุ่มเดียวกับ อิตาลี่ เดนมาร์ก และ สเปน ในแมตช์แรกพวกเขาเสมอกับอิตาลี่ 1-1 ก่อนในแมตช์ถัดมาจะชนะเดนมาร์กไป 2-0 และชนะสเปน 2-0 ในแมตช์สุดท้าย เยอรมันตะวันตกมีผลงานสวยหรูชนะ 2 เสมอ 1 เข้ารอบรองชนะเลิศด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ก่อนที่พวกเขาจะต้องเจอทีมฟอร์มแรงของรายการทัพอัศวินสีส้ม เนเธอร์แลนด์
ทีมอินทรีเหล็กออกนำไปก่อนจากจุดโทษของโลธ่าร์ มัทเธอุส ก่อนที่ทีมอัศวินสีส้มจะตีเสมอจากจุดโทษของโรนัลด์ คูมันและ มาร์โก ฟาน บาสเท่น มายิงประตูชัยช่วงท้ายเกม ทัพอินทรีเหล็กพ่ายต่อทัพอัศวินสีส้มไป 1-2 ก่อนที่จะส่งเนเธอร์แลนด์เข้าชิงและเป็นแชมป์ในที่สุด
*ช่วงปี 1960-1988 ฝั่งเยอรมันตะวันออกไม่เคยผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลยูโรรอบสุดท้ายได้เลย
ยูโร 1992 หลังจากที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1990 มาครอบครองได้ ฟุตบอลยูโรครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทีมชาติเยอรมนีฉบับรวมชาติได้ร่วมแข่งขันในฟุตบอลยูโร เยอรมนีอยู่กลุ่มเดียวกับ เครือรัฐเอกราช(สหภาพโซเวียตเก่า) สกอตแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ในแมตช์แรกพวกเขาเสมอกับเครือรัฐเอกราช 1-1 ก่อนที่จะเอาชนะสกอตแลนด์ไปด้วยสกอร์ 2-0 และแพ้ทัพอัศวินสีส้ม 1-2 ในแมตช์สุดท้าย ทีมชาติเยอรมนีชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 เข้ารอบรองชนะเลิศด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม เยอรมนีต้องมาเจอกับเจ้าภาพ สวีเดนในรอบรองชนะเลิศ
เยอรมนีออกนำไปก่อน 2-0 จากโธมัส เฮสเลอร์ และ คาร์ล ไฮนซ์ รีดเล่ ก่อนที่สวีเดนจะไล่มาเป็น 2-1 แต่รีดเล่มายิงหนีห่างเป็น 3-1 สวีเดนไล่มาได้อีกเป็น 3-2 แต่ไล่ไม่ทันเยอรมนีเอาชนะไป 3-2 พวกเขาต้องมาเจอชิงแชมป์กับทีมม้ามืดของรายการ เดนมาร์ก แน่นอนว่าทีมอินทรีเหล็กเป็นต่อทีมโคนมแบบชัดเจน แต่ทุกคนรู้ดีว่ายูโร 1992 นั้นถูกเรียกว่า “เทพนิยายเดนส์” เพราะในที่สุดเยอรมนีแพ้เดนมาร์กในนัดชิงด้วยสกอร์ 0-2 จบด้วยการเป็นรองแชมป์
ยูโร 1996 ทัพอินทรีเหล็กผิดหวังจากนัดชิงยูโร 1992 ในครั้งนี้พวกเขาต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกับ เช็ก รัสเซีย และอิตาลี่ โดยในแมตช์แรกพวกเขาเอาชนะเช็กไป 2-0 ก่อนที่จะชนะรัสเซียไปขาดลอยในแมตช์ถัดมา 3-0 และเสมออิตาลี่ในนัดสุดท้าย 0-0 ทัพอินทรีเหล็กเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเก็บได้ 7 แต้ม และไม่เสียประตูเลย ในรอบก่อนรองเยอรมนีต้องมาเจอกับโครเอเชียก่อนที่เยอรมนีจะเฉือนชนะไป 2-1 จาก เจอร์เก้น คลินส์มันน์ และ มัทธีอัส ซามเมอร์
โดยในรอบรองต้องเยอรมนีต้องเจออังกฤษ ทัพอินทรีเหล็กเอาชนะการดวลจุดโทษทัพสิงโตคำรามหลังเสมอกันในเวลา 1-1 ก่อนที่เยอรมนีจะเข้ามาชิงแชมป์กับเช็ก ทั้งคู่เคยชิงกันมาแล้วในนัดชิงปี 1976 ในตอนนั้นเยอรมนียังแยกประเทศเป็นตะวันตกและตะวันออก ส่วนเช็กในตอนนั้นยังรวมกับสโลวาเกีย แมตช์นี้ เช็กออกนำไปก่อน 1-0 จากจุดโทษของแพทริค แบร์เกอร์ ก่อนที่เยอรมนีจะตามตีเสมอ 1-1 จากโอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์ และมาได้ประตูชัย Golden Goal ในช่วงต่อเวลาพิเศษจากเบียร์โฮฟฟ์คนเดิม ทัพอินทรีเหล็กคว้าแชมป์ยูโรสมัยที่ 3 มาครองได้สำเร็จ
แชมป์ยูโรสมัยที่ 3 ของทัพอินทรีเหล็ก
มัทธีอัส ซามเมอร์ ปราการหลังคนสำคัญของทีมอินทรีเหล็กก็สามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของฟุตบอลยูโร 1996 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญให้ซามเมอร์คว้าบัลลงดอร์ 1996 มาครอบครอง
11 ตัวจริงทีมชาติเยอรมนีในนัดชิงฟุตบอลยูโร 1996
ยูโร 2000 เยอรมนีในฐานะแชมป์เก่าต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกับ โรมาเนีย อังกฤษ และ โปรตุเกส จะเรียกว่าเป็น Group Of Death ก็ว่าได้ ในแมตช์แรกพวกเขาเสมอโรมาเนีย 1-1 ก่อนที่ในแมตช์ถัดมาพวกเขาจะพ่ายต่อทัพสิงโตคำรามไป 0-1 และในแมตช์สุดท้ายแพ้โปรตุเกสยุค Golden Generationไปขาดลอย 0-3 ตกรอบด้วยการเป็นบ๊วยกลุ่ม เก็บได้เพียง 1 แต้ม ฟุตบอลยูโรครั้งนี้เป็นยูโรที่ไม่น่าจดจำสำหรับทัพอินทรีเหล็ก
ยูโร 2004 หลังจากที่เยอรมนีทำผลงานได้ดีได้เข้าชิงฟุตบอลโลก 2002 ทัพอินทรีเหล็กอยู่กลุ่มเดียวกับเนเธอร์แลนด์ ลัตเวีย และ เช็ก ในแมตช์แรก พวกเขาเสมอกับเนเธอร์แลนด์ 1-1 ก่อนที่จะมาสะดุดเสมอกับลัตเวียแบบไร้สกอร์ 0-0 ในแมตช์ที่สอง ก่อนจะมาพ่ายสาธารณรัฐเช็ก 1-2 ในแมตช์สุดท้าย ทัพอินทรีเหล็กเก็บได้เพียง 2 แตัม ตกรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทีมชาติเยอรมันที่ตกรอบฟุตบอลยูโร 2 ครั้งติดต่อกัน
ยูโร 2008 ทีมอินทรีเหล็กเยอรมนีต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกับโปแลนด์ โครเอเชีย และเจ้าภาพ ออสเตรีย ในแมตช์แรกเยอรมนีเอาชนะโปแลนด์ไป 2-0 ก่อนที่จะมาแพ้โครเอเชียไป 1-2 และเอาชนะออสเตรียไป 1-0 ในแมตช์สุดท้าย เยอรมนีเก็บได้ 6 แต้ม เขารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มก่อนที่จะเจอกับทีมฝอยทองโปรตุเกสในรอบก่อนรอง เยอรมนีเอาชนะโปรตุเกสไป 3-2 จากการทำประตูของบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, มิโรสลาฟ โคลเซ่ และ มิชาเอล บัลลัค
รอบรองชนะเลิศพวกเขาจะเจอทีมม้ามืดฟอร์มแรงของรายการอย่าง ตุรกี ในแมตช์ชไวน์สไตเกอร์ยิงให้เยอรมนีนำไปก่อน 1-0 ก่อนตุรกีจะตีเสมอ 1-1 หลังจากนั้นโคลเซ่ยิงให้เยอรมนีนำ 2-1 อีกครั้ง แต่ทว่าตุรกีก็ไล่ตีเสมอ 2-2 ได้ ก่อนที่ฟิลิปป์ ลาห์ม จะมายิงประตูชัยในนาทีสุดท้ายให้เยอรมนีชนะตุรกีไป 3-2 ทัพอินทรีเหล็กเข้าชิงกับทีมฟอร์มร้อนแรง เต็ง 1 ของรายการ สเปน สุดท้ายพวกเขาโดนเฟอร์นันโด ตอร์เรส ยิงประตูชัยให้สเปนเอาชนะเยอรมนีไป 1-0 ทัพอินทรีเหล็กจบด้วยการเป็นรองแชมป์
เยอรมนีโดนเฟอร์นานโด ตอร์เรสยิงประตูชัยในรอบชิงชนะเลิศ
ยูโร 2012 เยอรมนีอยู่กลุ่มเดียวกับ โปรตุเกส เนเธอร์แลนด์ และเดนมาร์ค โดยในแมตช์แรก พวกเขาเอาชนะโปรตุเกสไป 1-0 ก่อนจะชนะเนเธอร์แลนด์ 2-1 และชนะเดนมาร์ก 2-1 ในแมตช์สุดท้าย เยอรมนีเช้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเก็บได้ 9 แต้มเต็ม เยอรมนีเข้ารอบก่อนรองไปเจอกับกรีซ และพวกเขาเอาชนะกรีซไปด้วยสกอร์ 4-2 จากการทำประตูของ ฟิลิปป์ ลาห์ม, ซามี เคดิร่า, มิโรสลาฟ โคลเซ่ และ มาร์โก รอยส์
ทัพอินทรีเหล็กผ่านไปในเข้ารอบรองพบกับทัพอัซซูรี่ อิตาลี่ แต่ทว่าทีมชาติเยอรมนีโดนทีเด็ดของมาริโอ บาโลเตลลี่ ทำคนเดียว 2 ประตู และ ก่อนที่พวกเขาจะได้ประตูจากจุดโทษของเมชุต โอซุล แต่ไล่ไม่ทัน เยอรมนีแพ้อิตาลี่ไป 1-2 ตกรอบรองชนะเลิศไป
ทัพอินทรีเหล็กโดนทีเด็ดของมาริโอ บาโลเตลลี่ ในรอบรองชนะเลิศ
ยูโร 2016 ทีมอินทรีเหล็กเยอรมนีอยู่กลุ่มเดียวกับ ยูเครน โปแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ ในแมตช์แรกพวกเขาเอาชนะยูเครนไปด้วยสกอร์ 2-0 ก่อนที่แมตช์ถัดมาจะเสมอโปแลนด์ไร้สกอร์ 0-0 และเฉือนชนะไอร์แลนด์เหนือ 1-0 ในนัดสุดท้าย เยอรมนีเก็บได้ 7 แต้ม เข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม มาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทีมอินทรีเหล็กชนะสโลวาเกีย ไปแบบขาดลอย 3-0 จาก เจอโรม บัวเต็ง, มาริโอ โกเมซ และ จูเลียน ดรักเซอร์
ในรอบก่อนรอง พวกเขาต้องมาเจอกับอิตาลี่ โดยพวกเขานำไปก่อน 1-0 จากเมซุต โอซิล และโดนตีเสมอ 1-1 จากเลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ก่อนที่จะเป็นฝ่ายเยอรมนีเอาชนะการดวลจุดโทษไปเข้ารอบรองพบกับทีมตราไก่ เจ้าภาพ และก็เป็นฝรั่งเศสที่เอาชนะเยอรมนีไป 2-0 จากการทำ 2 ประตูของอองตวน กรีซมันน์ ทัพอินทรีเหล็กจบรายการที่รอบรองชนะเลิศ
ยูโร 2020 ทัพอินทรีเหล็ก อยู่ในกลุ่มที่ถูกขนาดนามว่า Group Of Death อย่างแท้จริง พวกเขาอยู่ร่วมกลุ่มกับแชมป์ยูโร 2016 โปรตุเกส แชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ฝรั่งเศส และ ฮังการี่ ในแมตช์แรกพวกเขาแพ้ฝรั่งเศสไป 0-1 ก่อนที่จะเอาชนะโปรตุเกส 4-2 ในแมตช์ถัดมา และเสมอกับฮังการี่ 2-2 ในแมตช์สุดท้าย ทัพอินทรีเหล็กเก็บได้ 4 แต้มเข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม ก่อนที่จะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย มาเจอกับคู่ปรับตลอดกาล อังกฤษ โดยพวกเขาเป็นฝ่ายแพ้อังกฤษไป 0-2 จากราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ แฮร์รี่ เคน เยอรมนีหยุดเส้นทางที่รอบ 16 ทีม
ผลงานในอดีตของทีมชาติเยอรมนีเห็นได้ชัดว่าเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ทีมหนึ่งของทวีปยุโรป แต่หลังจากการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ผลงานทีมชาติพวกเขาตกลงอย่างมาก ทีมอินทรีเหล็กตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ถึง 2 ครั้งติด และยังตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลยูโร 2022
โทนี่ โครส มีส่วนสำคัญต่อทีมหลังกลับมาเล่นให้ทีมชาติเยอรมนี
แต่ด้วยผลงานนัดเปิดสนามที่สวยงามที่สามารถทำได้ถึง 5 ประตู มีนักเตะเลือดใหม่ที่เป็นตัวเต็งรางวัล Golden Boy อย่าง ฟลอเรียน เวิร์ตช์ และ จามาล มูเซียล่า รวมถีงการกลับมาบัญชาเกมแดนกลางอันยอดเยี่ยมของโทนี่ โครส ประกอบกับการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลยูโรครั้งนี้ ทำให้เป็นที่น่าสนใจครับว่าทัพอินทรีเหล็กจะไปได้ไกลขนาดไหนในยูโร 2024
ขอบคุณรูปภาพ Photo Credit
Official Facebook Page UEFA Euro 2024
Official Facebook Page Germany National Team
Official Website UEFA.Com
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
