The Line คือเมืองแห่งอนาคตที่ตามแผนนั้น จะมีความยาวกว่า 170 กิโลเมตร ลากยาวตั้งแต่โทรเยนาไปจนถึงชายฝั่งทะเลของอ่าวอคาบา
2
ที่น่าสนใจสำหรับ The Line ก็คือ เมืองแห่งนี้จะมีความยาว 170 กิโลเมตร แต่มีความกว้างเพียง 200 เมตรเท่านั้น โดย The Line จะสามารถรองรับประชากรได้ถึงเก้าล้านคน และผู้คนก็จะอาศัยอยู่ตามบล๊อคต่างๆ ซึ่งในแต่ละบล๊อคนั้นจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ใช้เวลาเดินเพียงแค่ไม่เกินห้านาที
ตามแบบแปลนนั้น The Line จะเป็นเมืองที่มีขนาดยาว แคบ และสูง โดยจะมีความสูงถึง 500 เมตร ทำให้เมืองแห่งนี้ดูเหมือนเป็นตึกระฟ้าแห่งหนึ่ง
สำหรับความคืบหน้านั้น The Line ยังคงอยู่ในขั้นตอนการวางแผนเท่านั้น และเป็นหนึ่งในแผนเศรษฐกิจปีค.ศ.2030 (พ.ศ.2573) ของซาอุดิอาระเบีย และหากแผนการนี้สำเร็จ The Line ก็จะกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งใหม่ของโลก
1
ทางการซาอุดิอาระเบียได้แถลงว่าเมืองใหญ่ในปัจจุบันนั้นไม่สะดวกสบายและไม่สามารถตอบโจทย์ในหลายๆ ด้าน ยังคงต้องพึ่งพาการเดินทางด้วยรถยนต์และสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ไม่จำเป็น และ The Line คือเมืองแห่งอนาคตที่กำลังมาแทนที่
The Line นั้นถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นของเมืองใหญ่ในปัจจุบันออก ไม่ว่าจะเป็นถนน ที่จอดรถ รวมทั้งมลพิษ
สำหรับแผนการต่างๆ ที่พอจะให้เห็นภาพก็มีดังนี้ครับ
ประเด็นแรก เรื่องการกำจัดรถยนต์ให้หมดไป
ผู้คนใน The Line จะอาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ที่ถูกจัดสรรไว้ โดยแต่ละพื้นที่นั้นก็จะมีทุกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าและร้านสะดวกซื้อต่างๆ สวนสาธารณะ แหล่งบันเทิง ร้านอาหาร โรงพยาบาล และอีกหลายอย่าง
และหากใครอยากจะไปยังพื้นที่อื่นในเมือง เช่น อาจจะอยากไปหาเพื่อนที่อยู่พื้นที่อื่น The Line ก็มีรถไฟความเร็วสูงมุ่งสู่ใจกลางเมือง ซึ่งจะทำให้การเดินทางนั้นใช้เวลาเพียงไม่เกิน 20 นาทีเท่านั้น
ตามแผนการนั้น The Line จะเป็นเมืองที่จะปลอดและกำจัดมลพิษเกือบ 100% โดยพลังงานในเมืองนั้นจะมาจากแหล่งพลังงานสะอาด เช่น พลังงานลม และตามโครงสร้างนั้น The Line จะเป็นเมืองที่ใช้พลังงานน้อยกว่าเมืองอื่นๆ
ซาอุดิอาระเบียต้องการให้ The Line เป็นหนึ่งในฮับของการท่องเที่ยว โดยสถานที่ตั้งนั้นจะอยู่ในชัยภูมิที่ดี ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้
มีการค้นคว้าและสรุปได้ว่าบริเวณที่ตั้งของ The Line นั้น 40% ของพื้นที่ต่างๆ จากทั่วโลกสามารถเดินทางมาเยือนได้ในเวลาเพียงหกชั่วโมงทางเครื่องบิน นั่นทำให้เชื่อว่า The Line จะเป็นที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนกระเป๋าหนัก ซึ่งต่างก็น่าจะให้ความสนใจกับมหานครแห่งนี้ไม่น้อย
และด้วยความอลังการดังที่ผมเล่ามาทั้งหมด หาก The Line เกิดขึ้นจริง ก็แน่นอนว่าต้องเป็นที่สนใจไปทั่วโลกแน่