17 มิ.ย. 2024 เวลา 10:29 • ไลฟ์สไตล์

จากพนักงานราชการ สู่นักเขียนนิยายออนไลน์

สวัสดีค่ะทุกคนพบกันวันนี้ยังอยู่กับหัวข้อ “สัมภาษณ์นักเขียนนิยายออนไลน์” สำหรับวันนี้แอดมินจะพาเพื่อน ๆ ไปพบกับใครนั้น เราไปถามความรู้จักกับเธอกันเลยค่ะ
ผู้สังเกตการณ์ : สวัสดีค่ะคุณนักเขียน ช่วยแนะนำตัวเองกับเพื่อน ๆ หน่อยคะ
นักเขียน : สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณผู้สังเกตการณ์ที่ให้โอกาสได้สัมภาษณ์นะคะ ชื่อ ป๋อมแป๋ม มีสองนามปากกา คือ เทพจันทร์ เขียนนิยายจีนโบราณ และนิยายรักโรมานซ์ ส่วนพิลังกาสา เขียนนิยายแนวลึกลับค่ะ
ผู้สังเกตการณ์ : สวัสดีค่ะคุณป๋อมแป๋ม ในบทความนี้แอดมินขออนุญาตเรียกชื่อเล่นสั้น ๆ ว่าแป๋มนะคะ
นักเขียน : ยินดีค่ะ
ปกนิยายเรื่อง หนี้รักลำนำสวรรค์
ผู้สังเกตการณ์ : ชื่อนามปากฟังแล้วติดใจทั้งสองชื่อเลยค่ะ มีที่มาที่ไปยังไงบ้างคะ
นักเขียน : ที่มาของนามปากกา คือมาจากนามสกุล เทพจันทร์ ค่ะ ส่วนพิลังกาสา เพื่อไม่ให้นามปากกาซ้ำเลยใช้ชื่อต้นไม้โบราณที่ใช้เป็นสมุนไพรอบตัวคุณแม่หลังคลอดมาเป็นนามปากกาค่ะ
ผู้สังเกตการณ์ : ไอเดียในการตั้งชื่อเยี่ยมมากค่ะ ‘พิลังกาสา’ แปลกและไพเราะ มีความหมายที่น่าสนใจมากด้วย เดี๋ยวถ้ายังไงแอดมินขออนุญาตคุณแป๋มขอลงข้อมูลต้นพิลังกาสาในท้ายบทความนะคะ
นักเขียน : ตามสบายค่ะ
ผู้สังเกตการณ์ : มีเรื่องราวอะไรที่ประทับใจทำให้คุณแป๋มมาเป็นนักเขียนนิยาย เล่าให้เพื่อน ๆ ฟังได้ไหมคะ
นักเขียน : ก่อนอื่นต้องย้อนไปตอนเรียนอยู่ประถม 6 คุณครูภาษาไทยสอนองค์ประกอบการเขียนนิยายแล้วเพื่อน ๆ ในห้องกว่า 30 คนเขียนไม่ได้ เลยเอามาให้แป๋มเขียน และเพื่อนสนิทเอาไปโฆษณาให้ค่ะ เลยได้รับจ้างเพื่อน ๆ เขียนส่งคุณครู คิดราคาคนละ 20 บาท
วันนั้นรู้สึกว่าตัวเองรวยมากค่ะ แต่แล้วก็ถูกคุณครูจับได้  เพราะสำนวนการเขียนเหมือนกันเกือบทั้งห้องเลยมีคนสารภาพว่าจ้างแป๋มเขียนให้ คุณครูก็เรียกไปคุยแต่ไม่ได้ตีหรือตำหนินะคะ ท่านแนะนำให้ไปเขียนนิยายลงเว็บเด็กดีและให้เขียนนิยายส่งประกวดงานวันสุนทรภู่ ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศ แต่ก็ยังไม่ได้เขียนจริงจังลงเว็บเด็กดีด้วยความเป็นเด็กบ้านนอกไม่มีอินเทอร์เน็ต ก็ทำได้แค่เขียนลงสมุดไว้จนเรียนจบ ป.ตรีมีเวลาว่างเลยเขียนให้อ่านฟรีที่เด็กดีผลตอบรับก็ดีพอสมควรแล้วก็เขียนมาเรื่อย ๆ แต่ยังไม่ติดเหรียญ
ผู้สังเกตการณ์ : แค่เริ่มต้นก็ทำเป็นธุรกิจเลยนะคะ ฟังแล้วนึกภาพตามตอนนั้นคงตื่นเต้นกันน่าดู ทั้งได้เงิน ทั้งเพื่อนชม ทั้งโดนคุณครูจับได้
นักเขียน : คิดแล้วก็ตื่นเต้นดีค่ะ และก็ภูมิใจตัวเองด้วย
ผู้สังเกตการณ์ : สิ่งที่จุดประกายฝันในการเขียนนิยายของคุณแป๋มคือ
นักเขียน : สิ่งที่จุดประกายความสนใจเป็นนักเขียนอย่างจริงจัง คืออยากให้ตัวละครที่อยู่ในจินตนาการของเราได้ออกไปโลดแล่นสู่สายตานักอ่านแล้วร่วมเดินทางไปด้วยกันค่ะ บวกกับคุณครูจุดประกายด้วยในตอนเด็กทำให้ค้นพบว่าตัวเองเป็นคนชอบจินตนาการ ชอบเขียนนิยาย
ปกนิยาย ดอกไม้ในดงปืน
ผู้สังเกตการณ์ : ในเส้นทางการเป็นนักเขียนมีอุปสรรคไหมคะ
นักเขียน : แรก ๆ อุปสรรคคือเวลามีคนถามว่าทำงานอะไร ก็จะตอบว่าเป็นนักเขียน แต่แล้วพอได้คำตอบจากเราแบบนี้ พวกเขาก็จะขำหรือหัวเราะบางทีก็ล้อเลียน เขียนอะไรเอางานมาอ่านสิ มันไส้แห้งนะ แต่ก็แค่บางคนนะคะ คนที่เขาเข้าใจเขาก็จะบอกว่าเก่งมากเขียนได้ไงจินตนาการดีมาก การที่จะเอาชนะอุปสรรค คือทำตามใจตัวเองต้องการค่ะ อย่าสนคำคนดูถูกให้ฟังหัวใจเราเองและฟังแค่คนที่อยู่เคียงข้างเรา
ผู้สังเกตการณ์ : อะไรหรือสิ่งใดคือแรงบันดาลใจของคุณแป๋มในอาชีพนักเขียนนิยายออนไลน์คะ
นักเขียน : น่าจะมาจากตอนเด็กค่ะ แป๋มชอบอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้อ่านเรื่องราวของคุณ เจ เค โรวลิ่ง เธอเป็นนักเขียนที่สู้ไม่ถอยแล้ววันหนึ่งความพยายามของเธอก็นำนวนิยายสู่สายตาชาวโลกได้
แล้วก็ในวงการนิยายออนไลน์ของบ้านเรา แป๋มมีแม่ซีไซต์ค่ะคนนี้จุดประกายเลยจากที่ลงนิยายขายไม่ได้จนต้องซื้อหนังสือตัวเอง มาวันนี้ขายได้หลักแสนหลักล้าน อยากเป็นแบบแม่ซีไซต์บ้างในอนาคตค่ะ
ผู้สังเกตุการณ์ : ได้รับเสียงตอบรับจากผู้คนรอบข้างหรือสังคมในปัจจุบันเกี่ยวกับงานเขียนนิยายออนไลน์ยังไงบ้างคะ
นักเขียน : ถามว่าคิดยังไงกับเสียงตอบรับ ถ้าตอบในมุมแป๋มเองคนที่บ้านกับญาติพี่น้องค่อนข้างสนับสนุนค่ะ ผลตอบรับค่อนข้างดี สังคมปัจจุบันอาชีพนักเขียนเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเนื่องจากมีแพลตฟอร์มลงขายนิยายเกิดขึ้นมาก คนรุ่นใหม่ก็หันมาเขียนนิยายเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริมเยอะค่ะ
ผู้สังเกตการณ์ : คุณแป๋มมองอนาคตของอาชีพนักเขียนนี้ว่าอย่างไรบ้าง
นักเขียน : อาชีพนักเขียนก็เป็นอาชีพสุจริตอาชีพหนึ่ง ส่วนตัวแป๋มเองก็จะยึดอาชีพนี้เป็นหลัก เพราะป่วยไทรอยด์เป็นพิษเลยลาออกจากงานประจำมา ในอนาคตก็ยังคงอยู่กับอาชีพนี้ต่อไปอาจทำธุรกิจที่บ้านควบคู่ไปด้วยค่ะ
ผู้สังเกตการณ์ : แอดมินขออวยพรให้คุณแป๋มสุขภาพแข็งแรงขึ้นทุกวันนะคะ จะได้มาเขียนนิยายสนุก ๆ ด้วยกัน ถ้าให้ฝากคำแนะนำถึงผู้ที่ต้องการความสำเร็จในงานเขียนนิยาย
นักเขียน : ขอบคุณแอดมินมากค่ะ
สำหรับแป๋มคือฟังเสียงหัวใจตัวเอง อย่าท้อ การเป็นนักเขียนต้องใช้ความอดทน อดกลั้นต่อคำดูถูกเสียงหัวเราะ เอาเวลามาพัฒนาตัวเอง อ่านผลงานของนักเขียนที่ประสบผลสำเร็จเอามาเป็นพลังบวกและพัฒนาผลงานตัวเองควบคู่ไปด้วย
ผู้สังเกตการณ์ : คุณแป๋มคิดว่าอะไรคือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่ทำงานในวงการนักเขียนนิยายออนไลน์
นักเขียน : คุณสมบัติสำคัญที่สุดของแป๋มเอง คือความมีวินัยในการเขียนค่ะ เราต้องมีวินัยถ้าไม่มีวินัยจะเขียนไม่จบแน่นอน ความมีวินัยสำคัญมาก ๆ ค่ะ อีกอย่างคือหาแรงบันดาลใจที่เป็นพลังบวกให้ตัวเองค่ะ จะได้ไม่ท้อหรือถอนใจ
4
ผู้สังเกตการณ์ : วินัยสำคัญจริง ๆ หลาย ๆ ท่านที่มาในบทสัมภาษณ์ก็บอกเป็นเสียงเดียวกัน แล้วผลงานที่คุณแป๋มประทับใจที่สุดล่ะคะ
นักเขียน : ผลงานที่ภูมิใจที่สุด คงจะเป็นทุกเรื่องที่เขียนค่ะ แค่เขียนจบก็ภูมิใจแล้ว เราได้ส่งตัวละครที่เราตั้งใจสร้าง ซึ่งมีทั้งความรักและความผูกพันให้พวกเขาถึงฝั่งแล้วนะ ได้ออกไปโลดแล่นให้คนอ่านได้เห็นแล้วยิ่งได้อ่านคอมเม้นต์แล้วยิ่งภูมิใจกับผลงานตัวเองค่ะ
ปกนิยายเรื่อง วาสนาเจ้าสาวเกี้ยวหัก
ผู้สังเกตการณ์ : พอแชร์กันได้ไหมคะว่าคุณแป๋มมีวิธีหาไอเดียการเขียนนิยายยังไงบ้าง
นักเขียน : วิธีการหาไอเดียคือมาจากการอ่านประศาสตร์จีนก็จะผุดไอเดียตัวละครขึ้นมาในยุคนั้น ๆ บางทีก็มาจากดูซีรี่ส์ แล้วก็การได้ออกไปเที่ยวได้พบเห็นผู้คนตามสถานที่ต่าง ๆ ก็มีไอเดียเกิดขึ้นมา ล่าสุดไปหัวหิน แวะปั๊มน้ำมัน เห็นผู้หญิงสวยทั้งกายทั้งใจยื่นน้ำเปล่าให้ คนสติไม่ดีที่นั่งขอทานอยู่ ประทับใจมากเลยคิดว่าจะเขียนออกมาเป็นนิยายรักสักเรื่อง น่าจะสิ้นปีคงได้เขียนเรื่องนี้แน่ ๆ ค่ะ
ผู้สังเกตการณ์ : ภาพความทรงจำดี ๆ ที่น่าประทับใจ ที่นำมาต่อยอดไอเดียได้ มีอยู่ทุกที่จริง ๆ เคยมีอาการพล็อตตันไหม มีวิธีเเก้ยังไงคะ
นักเขียน : เคยค่ะ พล๊อตตันเรื่องล่าสุด “ดอกไม้ในดงปืน” ที่กำลังลงรายตอนให้อ่านตอนนี้เลย เขียนไว้เมื่อสี่ปีที่แล้วตันไปต่อไม่ได้ พึ่งจะมาเขียนต่อเมื่อต้นเดือนตอนนี้ก็ใกล้ปิดเรื่องแล้ว วิธีแก้ไขก็พักอย่ากดดันตัวเองค่อย ๆ คิดพล็อต หาข้อมูลให้สมเหตุสมผลแล้วก็ค่อยร่างทรีทเมนต์ดูก่อนเขียนจริงค่ะ
ผู้สังเกตการณ์ : ช่วงนี้เเนวโน้มนิยายเเนวไหนมาเเรงมากสุดคะ
นักเขียน : ปีนี้คิดว่าแนวโน้มนิยายรักจีนโบราณกับวายมาแรงนะคะ ที่จริงกระแสไม่เคยตกนะ นักอ่านนิยมมาก
ผู้สังเกตการณ์ : คิดว่าพล็อตเเบบไหนเเปลกที่สุดที่เคยเขียนมา
นักเขียน : พล็อตแปลกสุดที่เคยเขียนมา ก็คงจะเป็นเรื่องล่าสุดที่กำลังเปิดรายตอน เรื่องดอกไม้ในดงปืน นี่แหละค่ะ แปลกที่ว่าเอาภาษาเหนือมาเขียนสื่อสารในตัวละครนั้น ๆ แล้วก็มาแนวมาเฟียบู๊แต่ก็ยังผสมผสานความเป็นพื้นเมืองเหนือ ความเป็นอัตลักษณ์ก็ยังมี อ่านคอมเมนต์นักอ่านบอกว่าแปลกไม่เคยอ่านนิยายที่มีภาษาคำเมืองแล้วก็บู๊แบบดูละครหลังข่าว
ผู้สังเกตการณ์ : นอกจากงานเขียนนิยายแล้ว คุณแป๋มทำอาชีพอื่นด้วยไหมคะ
นักเขียน : แป๋มมีธุรกิจสวนผลไม้ที่บ้าน แล้วก็คุณแม่ทำข้าวแคบ ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นของชาวลับแล
ผู้สังเกตการณ์ : ข้าวแคบ ชื่อนี้น่าสนใจอีกแล้ว ขายส่งด้วยไหมคะ
นักเขียน : ขายจัดส่งทั่วปรเทศค่ะ ซึ่งแป๋มก็ได้เข้ามาช่วยที่บ้านตรงนี้ด้วยในระหว่างรักษาตัวเพราะป่วยไทรอยด์เป็นพิษ ทำงานเครียดเหนื่อยไม่ค่อยได้ค่อนข้างวูบบ่อยค่ะ
ผู้สังเกตการณ์ : เดี๋ยวแอดมินขออนุญาตฝากบอกต่อข้อมูลเรื่องข้าวแคบในท้ายบทสัมภาษณ์นะคะ
นักเขียน : ขอบคุณและยินดีมากค่ะ ฝากเพื่อน ๆ บอกต่อกันด้วยนะคะ
ผู้สังเกตการณ์ : ฝากถึงนักเขียนน้องใหม่ที่สนใจเข้ามาเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์หน่อยคะ
นักเขียน : อยากแนะนำคนที่อยากเขียนนิยายว่า ถ้าอยากเขียนให้เขียนเลยค่ะ ถ้าเรามีความสุขที่ได้เขียนก็ลุยเลย
นิยายของป๋อมแป๋ม
ผู้สังเกตการณ์ : ขอรบกวนคุณแป๋มช่วยฝากผลงานให้เพื่อน ๆ ได้ติดตามได้เลยค่ะ
นักเขียน :  ขอฝากผลงานนิยายจีนโบราณสองเรื่อง คือ “วาสนาเจ้าสาวเกี้ยวหัก” กับ “หนี้รักลำนำสวรรค์”  มีเล่มอีบุ๊กที่ Meb รายตอน ที่ รี้ดอะไรต์และเด็กดี ส่วนเรื่อง “ดอกไม้ในดงปืน” ยังเปิดให้อ่านรายตอนฟรี อยู่ที่ รี้ดอะไรต์ เด็กดี ธัญวลัยค่ะ กำลังเร่งทำอีบุ๊ก
และในอนาคตใกล้ ๆ นี้จะมีนิยายแนวลึกลับ เรื่องมนต์ลับแล(ง) ตามมาอีกเรื่องค่ะ เป็นนิยายที่กล่าวถึงตำนานพื้นบ้านและมีสิ่งที่มองไม่เห็นมาบอกให้เขียน นิยายเรื่องนี้เลยเขียนแต่ตอนกลางวัน เพราะกลางคืนกลัวค่ะ นักวาดก็ยังต้องไหว้ก่อนเริ่มลงมือวาดปก เป็นเรื่องที่เหลื่อเชื่อแต่ก็คิดว่าเขามีจริงค่ะ
ผู้สังเกตการณ์ : น่าสนใจมากค่ะ ขอให้ยอดขายปัง ๆ ทุกเรื่องนะคะ
นักเขียน : ขอขอบคุณมาก ๆ ค่ะที่ให้โอกาสนักเขียนตัวน้อย ๆ ได้สัมภาษณ์ดีใจมากเลยค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
ผู้สังเกตการณ์ : ยินดีค่ะ แอดมินและทางเพจผู้สังเกตการณ์ก็ขอบคุณ คุณแป๋ม นักเขียนนิยายออนไลน์มากความสามารถเช่นกันค่ะ ที่มาร่วมพูดคุยกันในวันนี้ เดี๋ยวเราจบเรื่องนิยายแล้วมาคุยเรื่องข้าวแคบกันต่อนะคะทุกคน
แล้วพบกันใหม่ค่ะ
ถ้าเพื่อน ๆ ท่านใดสนใจอยากชิมข้าวแคบติดต่อ 👇
เมนูข้าวพัน ติดต่อทางนี้ได้เลยค่ะ เพจนี้เพื่อนคุณแป๋ม👇
พิลังกาสา
ต้นพิลังกาสา (Ardisia polycephala Wall. ex A.DC.) เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็กสูงประมาณ 2-3 เมตร แต่บางที่สามารถพบได้สูงถึง 10 เมตร. ลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา และมีแผ่นใบเป็นสีเขียวมัน หนาและใหญ่.
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นพิลังกาสา ได้แก่:
- ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันเป็นคู่ๆ ตามข้อต้น ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ส่วนขอบใบเรียบไม่มีจัก.
- ดอกออกเป็นช่อตามปลายกิ่งหรือตามส่วนของยอด ดอกเป็นสีเหลืองนวล สีชมพูอมขาว สีขาวแกมชมพู.
- ผลมีลักษณะกลมโต มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตร ออกผลเป็นกระจุกมีก้านช่อยาวห้อยย้อยลง และก้านผลยาวเรียงสลับรอบก้านช่อ.
สรรพคุณและประโยชน์ของต้นพิลังกาสา ได้แก่:
- ช่วยแก้ธาตุพิการ แก้ไข้ แก้ไข้ในกองอติสารโรค.
- ผลใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้ในกองอติสารโรค.
- ใบมีรสร้อน ช่วยแก้อาการไอ.
- ใบใช้เป็นยาแก้ลม.
- ช่วยแก้ปอดพิการ.
- ใบและผลช่วยแก้ท้องเสีย.
- ดอกใช้เป็นยาแก้พยาธิ.
- รากใช้เป็นยาแก้กามโรค หนองใน.
- ช่วยแก้โรคระดูของสตรี.
- ใบใช้เป็นยารักษาโรคตับพิการ.
- รากใช้เป็นยาพอกปิดแผล ถอนพิษงูกัด แก้พิษงู.
- เมล็ดช่วยแก้ลมพิษ.
- ดอกใช้เป็นยาฆ่าเชื้อโรค.
- ต้นใช้เป็นยาฆ่าพยาธิผิวหนัง.
- ต้นใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนัง แก้โรคเรื้อน กุฏฐัง.
ต้นพิลังกาสา ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ช่วยยับยั้ง platelet activating factor receptor binding และมีฤทธิ์เหมือนฮิสตามีน.
References:
ข้าวแคบ
ข้าวแคบ (Khao Khab) เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มีลักษณะเป็นแผ่นแป้งบางๆที่ได้จากการไล้น้ำแป้งที่ผสมงาดำ เกลือ หรือเครื่องปรุงรสอื่นๆ ลงบนผ้าสีขาวหรือสีดำที่วางบนปากหม้อดินขณะที่มีไอน้ำเดือด.
ข้าวแคบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือสามารถดัดแปลงทำผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เช่น ถ้านำแผ่นแป้งไปตากแดดจะได้ข้าวแคบแห้ง สามารถฉีกรับประทานได้ทันทีเป็นอาหารว่าง หรือจะนำไปห่อกับเส้นหมี่คลุกกับเครื่องปรุง ที่ชาวลับแลเรียกว่า "หมี่คุก" (คลุก) ก็ได้.
นอกจากนี้ยังมีหลายรูปแบบในการรับประทานข้าวแคบ เช่น การนำข้าวแคบที่เนียงแล้วมาใส่ยำยอดใบมะม่วง (ซ่าใบมะม่วง) และแกงเลียง ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านของชาวลับแล.
ข้าวแคบถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกบ้านในลับแลทำกันจนเป็นของเคี้ยวเล่น และมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลตำบลศรีพนมมาศ และตำบลฝายหลวง มีการทำข้าวแคบทุกหลังคาเรือนตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย และถ่ายทอดสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน.
References:
โฆษณา