18 มิ.ย. เวลา 03:00 • การเมือง

เศรษฐกิจจะพังก่อนการเมือง

วันนี้ทุกองคาพยพของเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่ ตลาดหุ้น สถาบันการเงิน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนไทย พ่อค้านักธุรกิจ พรรคการเมือง และประชาชน ฯลฯ ต่างจับจ้องไปที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ”
1
ซึ่งเป็น ศาลยุติธรรมทางการเมือง มีหน้าที่ตัดสินปัญหากฎหมายและการกระทำที่เกี่ยวกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะวันนี้ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะมีการพิจารณาคดีสำคัญ 3 คดีที่จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลและพรรคการเมือง และมีผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกคลื่นไปยัง ระบบเศรษฐกิจ สังคม และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่ออนาคตประเทศไทย การพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้จึงสำคัญอย่างยิ่ง
คดีแรก เป็นคดีที่ 40 สว.ยื่นถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีสำนักนายกฯ (ลาออกแล้ว) ผิดจริยธรรมขั้นร้ายแรง คดีที่สอง เป็นคดีที่ กกต.ยื่นคำร้องให้ยุบพรรคก้าวไกล
ในข้อหามีพฤติการณ์อันเป็นการล้มล้างการปกครองจากกรณียื่นแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 คดีที่สาม เป็นคดีที่ ผู้สมัคร สว.ร้องว่า กฎหมายเลือก สว.4 มาตราขัดต่อรัฐธรรมนูญ และคดีสำคัญอีกคดีในวันนี้คือ อัยการสูงสุด นัด คุณทักษิณ ชินวัตร ไปส่งฟ้องศาลในคดีอาญามาตรา 112 หลังจากที่อัยการสูงสุดได้สั่งฟ้องไปแล้ว
วันนี้จึงเป็น “วันชุมนุมคดีใหญ่ทางการเมือง” ที่มาอยู่ใน วันเดียวกัน 18 มิถุนายน 2567 แม้จะพอคาดเดาได้ว่าทั้ง 3 คดี ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะยังไม่วินิจฉัยตัดสินในวันนี้ แต่ก็อาจมีบางคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจวินิจฉัยตัดสินในวันนี้ก็เป็นไปได้ ส่วนคดีมาตรา 112 ของ คุณทักษิณ ชินวัตร ก็ยังคาดเดากันว่า คุณทักษิณจะไปที่ศาลให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลหรือไม่ และศาลจะให้ประกันตัวคุณทักษิณหรือไม่ ก็คาดเดากันไปต่างๆนานา
2
คดีการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้เศรษฐกิจประเทศไทย และ เศรษฐกิจของคนไทย ได้รับผลกระทบมากมาย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายหลายล้านล้านบาท ซึ่งมากกว่างบประมาณแผ่นดิน เป็นความเสียหายที่ไม่อาจกู้กลับคืนมาได้
1
ผมเขียนบทความนี้ล่วงหน้า ไม่รู้ว่า ตลาดหุ้นไทย เปิดตลาดวันจันทร์วันอังคารจนถึงวันนี้จะมีปฏิกิริยาอย่างไร ข้อมูลล่าสุดวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2567 ดัชนีหุ้น SET ปิดที่ 1,306.56 จุด ซึ่งเป็นจุดตํ่าสุดใหม่ ติดลบไปอีก 5.22 จุด
โดยนักลงทุนต่างชาติเทขายต่อเนื่องมา 17 วันติดต่อกัน ถ้านับตั้งแต่วันที่ คุณเศรษฐา ทวีสิน ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี 22 สิงหาคม 2566 นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยมาจนถึงวันนี้ สุทธิกว่า 150,000 ล้านบาทแล้ว ดัชนีหุ้น SET วันที่คุณเศรษฐาเป็นนายกฯ 22 สิงหาคม 2566 อยู่ที่ 1,545.60 จุด วันที่ 14 มิถุนายน 2567 อยู่ที่ 1,306.56 จุด ดัชนีหุ้นไทยหายไปถึง 239.10 จุด
และ มูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หรือ Market Cap วันที่คุณเศรษฐาเป็นนายกฯอยู่ที่ 18.95 ล้านล้านบาท วันที่ 14 มิถุนายน 2567 มูลค่าหุ้นในตลาดเหลือ 16.16 ล้านล้านบาท เพียง 9 เดือนเศษที่ นายกฯเศรษฐา บริหารประเทศ ความมั่งคั่งของคนไทยหายไปถึง 2.79 ล้านล้านบาท
ความมั่งคั่ง 2.79 ล้านล้านบาทที่หายไปในตลาดหุ้น และ ความมั่งคั่งอีกไม่รู้เท่าไหร่ที่หายไปในตลาดจริง ทำให้ คนไทย 66 ล้านคนยากจนถ้วนหน้า รายได้หดหาย หนี้ครัวเรือนพุ่ง แต่รัฐบาลก็ไม่ได้แก้ปัญหาด้วยการ “สร้างงานสร้างรายได้ให้ประชาชน” แต่ไปฝากความหวังไว้กับ “เงินแจกดิจิทัล 5 แสนล้านบาท” ที่รัฐบาลต้องกู้มาแจก และ “ออกหวยเพิ่ม” ให้ประชาชนฝากความหวังไว้กับหวยทุกสัปดาห์ ไปจนถึงการเสนอกฎหมาย “ตั้งบ่อนกาสิโน” ทำให้คนรักชาติถึงกับมึนงง การพนันทำให้ประเทศล่มจมหรือเจริญ วิญญูชนคงคิดได้
3
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ คงสะท้อนคดีการเมืองที่เกิดขึ้น นักวิเคราะห์ตั้งกรอบแนวรับ SET Index ไว้ที่ 1,280 จุด ลดลงจากวันศุกร์ 26 จุด แนวต้านที่ 1,330 จุด ผมอยากจะบอกกับ นายกฯเศรษฐา ว่า เศรษฐกิจของประเทศจะดีขึ้นได้ รัฐบาลต้องขยันสร้างงาน ให้คนมีงานทำ มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน เล่นหวยอย่างเดียวขยันเล่นทั้งวันทั้งคืนก็ไม่ยั่งยืน.
1
โฆษณา