18 มิ.ย. เวลา 06:20 • ความคิดเห็น

งานหลักของผู้นำคือการตัดสินใจ

ในฐานะที่เป็นลูกน้องของนายมาหลายคน หลายอุตสาหกรรม ในความเห็นของผมนั้น เจ้านายที่น่าเบื่อและไม่น่าทำงานด้วยที่สุดคือเจ้านายที่ไม่กล้าตัดสินใจ พูดวนไปวนมา จะเอาอะไรก็ไม่เอาซักที เจ้านายที่ตัดสินใจเด็ดขาด ต่อให้เราไม่ค่อยเห็นด้วยก็ยังมีทิศทางให้เดินได้ชัดและไม่เสียเวลามากกว่า
4
แล้วผู้นำที่ดีควรมีหลักการตัดสินใจอย่างไร…
เจฟ เบโซด์ (jeff bezos) ผู้นำและผู้สร้าง amazon ให้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ด้านe commerce โลกและประสบความสำเร็จในธุรกิจต่อเนื่องอีกมากมาย เป็นผู้ที่ตัดสินใจเรื่องยากๆได้เฉียบขาดและแม่นยำเสมอ
เจฟเคยอธิบายหลักการในการตัดสินใจของเขาไว้ในการสัมภาษณ์ podcast ของ Lex Friedman ไว้ว่า การพิจารณาเรื่องที่ต้องตัดสินใจในแต่ละครั้งว่าเขาจะแบ่งเรื่องที่ต้องตัดสินใจเป็นสองแบบ แบบแรกคือการตัดสินใจที่เหมือนเป็นประตูเปิดปิดได้สองข้าง ถ้าเดินเข้าไปแล้วไม่ใช่ก็เดินกลับออกมาแล้วเลือกประตูใหม่ ส่วนใหญ่เรื่องการตัดสินใจในธุรกิจประจำวันจะเป็นแบบนี้
ส่วนอีกแบบคือประตูที่เป็นวันเวย์ เป็นเรื่องที่มีผลกระทบเยอะมาก ตัดสินใจไปแล้วยากมากที่จะย้อนกลับ ไปแล้วแทบจะไปเลย การตัดสินใจแบบนี้นานๆ จะมีครั้งหนึ่ง
เจฟบอกว่าส่วนใหญ่ที่คณะผู้บริหารทำผิดพลาดก็คือการใช้วิธีคิดรูปแบบเดียวในการตัดสินใจสองแบบนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้วิธีคิดเพื่อการตัดสินใจที่ผิดพลาดไม่ได้ ซึ่งปัญหาก็คือพอมาใช้กับการตัดสินใจปัญหาแบบแรกที่ต้องการความยืดหยุ่น ลองผิดลองถูก ก็จะทำให้องค์กรแทบจะเคลื่อนที่ไม่ได้เพราะมีคนมาวุ่นวาย มีขั้นมีตอนเยอะมาก
เจฟบอกว่า ปัญหาแบบแรกที่เหมือนประตูเปิดปิดได้สองข้าง ผิดก็แก้ได้ไม่ยาก หรือเสียหายน้อยมาก ควรจะตัดสินใจด้วยคนแค่คนเดียวหรือเป็นทีมเล็กๆ ก็พอ เพื่อให้ได้ลองเร็ว แก้เร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ส่วนแบบสองที่เปิดประตูแล้วย้อนกลับไม่ได้ ต้องใช้เวลานาน ต้องค่อยๆ คิดอย่างรอบคอบ ต้องให้ผู้บริหารระดับสูงช่วยกันดู ทำวิเคราะห์ทุกมุมเท่าที่จะทำได้ เจฟเล่นมุกด้วยว่าตอนเขาเป็นซีอีโอ เคยมีฉายาว่า Chief slow down officer ด้วยซ้ำเพราะเขาจะระมัดระวังในการตัดสินใจแบบที่สองมาก
การตัดสินใจแบบแรกการตัดสินใจแบบที่สองนั้นแยกได้จากต้นทุนในการเปลี่ยนกลับ เวลาที่ใช้ไป ความเสี่ยงหรือผลกระทบต่อชื่อเสียง ถ้าไม่ได้มากอะไรก็คือเป็นการตัดสินใจแบบแรก การลองเทสต์บริการใหม่ๆ เร็วๆ ก็น่าจะอยู่ในแบบนี้
1
แบบที่สองส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ไม่ได้เซกซี่อะไรแต่สำคัญ ทำแล้วเปลี่ยนยากมาก บางเรื่องเป็นเรื่องยุทธศาสตร์ใหญ่ แต่บางเรื่องก็อาจจะเป็นเรื่องแทคติคแต่ตัดสินใจแล้วแก้ยากก็ได้ เช่นการคิดว่าจะสร้าง warehouse ว่าจะใช้ความสูงมาตรฐานเท่าไหร่ เพราะถ้ากำหนดและสร้างไปแล้วจะรื้อทำใหม่ทั้งประเทศไม่ได้
เจฟยังบอกด้วยว่า ผู้นำนั้นตัดสินใจดีๆในเรื่องต่างๆสามเรื่องต่อวันก็เยอะแล้ว เพราะการตัดสินใจที่ดีโดยเฉพาะแบบสองนั้นใช้ความคิดและพลังเยอะมาก แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบหนึ่งหรือแบบสอง
1
สิ่งที่เจฟเกลียดที่สุดในการตัดสินใจก็คือการที่ทั้งห้องพยายามประนีประนอม (compromise) เพื่อรักษาน้ำใจกัน เอาไอเดียของคนโน้นคนนี้มาหารสอง เป็นการตัดสินใจที่แย่ที่สุดเพราะไม่ได้โฟกัสที่ผลลัพธ์แต่เป็นการตัดสินใจแบบการเมืองมากกว่า
2
ผมเคยได้ยินเรื่องเล่าจากมหาเศรษฐีคนหนึ่งเล่าเรื่องการตัดสินใจที่เด็ดขาดในฐานะผู้นำไว้ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ผู้ใหญ่ท่านนั้นเล่าเพื่อให้เห็นภาพภาวะผู้นำ เรื่องมีอยู่ว่า ในช่วงที่เรแกนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ และกำลังต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในการเปิดสงครามกับผู้นำอีกประเทศหนึ่ง
ในตอนนั้นที่ปรึกษาและรัฐมนตรีเสียงแตกเป็นสองข้าง หลังจากฟังความเห็นทุกคนแล้ว เรแกนเลยให้โหวต ผลปรากฏว่าผลโหวตออกมาทางไม่ให้บุก แต่เรแกนก็ตัดสินใจบุกอยู่ดี คนในคณะก็เลยถามว่าทำไมไม่ทำตามเสียงข้างมากในห้อง
เรแกนก็เลยตอบว่า ประชาชนเลือกผมมาให้ตัดสินใจ ไม่ได้ให้มาทำหน้าที่นับโหวต….
ผู้ใหญ่ท่านนั้นเล่าหลังจากตอบคำถามผู้ถามว่าการตัดสินใจของผู้นำในเรื่องวิกฤตคืออะไร เป็นคำตอบที่ชวนให้คิดกันต่อไปกันนะครับ…
โฆษณา