เที่ยวญี่ปุ่น 2024 : ไปอีกแล้วหรอญี่ปุ่นเนี่ย? / EP.1 : OK Go.

เลือกรูปอยู่นานเหมือนกันเลยนะครับว่าจะเอารูปอะไรเป็นรูปปกดี แต่เมื่อเราก็กำลังจะบินด้วยเครื่องบินสุดสวย ก็ต้องเอารูปเขามาลงสิถึงจะถูก เนอะ!
ครับ รอบนี้เราเดินทาด้วยสายการบินสุดมีชื่อเสียงครับ
ZIPAIR ครับ
พอมาเห็นลำจริงแล้วก็ตกใจนะ เพราะใหญ่กว่าที่คิดอีก หรือว่าตอนไปครั้งแรกที่บินด้วยเครื่อง Philipins Airline ไม่ได้สังเกตก็ไม่รู้นะ ฮ่าๆๆ
ปะ ไปขึ้นเครื่องกันเถอะ
เครื่องนี้ตอบโจทย์คนต้องมีอะไรดูบนเครื่องแบบเราเลยครับ เพราะเราก็โหลดวีดีโอออฟไลน์ยูถูบ(รู้นิสัยเลย แหะๆ)มาไว้ดูตอนบินนี่แหละครับ
แต่ว่า ZIPAIR มีไวไฟให้บริการ, ช่องชาร์จแบตพร้อมอย่างดีเลยครับ และเบาะที่มีหมอนหนุนหัวแบบดีงามไว้ให้บริการด้วย
ดีจริงๆ x3
(เครื่องอื่นๆ ก็น่าจะมีเหมือนกันนะครับ ไม่รู้เลย แต่แค่อันนี้มันใหม่เอี่ยมดีครับ)
ถ่ายมาได้ประมาณนี้ครับ ที่นั่งไม่ได้ชิดเกิน แต่เราได้ที่นั่งท้ายเครื่องเลยนะ / ครั้งแรกเลยที่ได้ที่นั่งสุดหางแบบนี้
นี่ครับ ที่นั่งเรา / ตอนเขาสาธิตวิธีการใช้งาน เขาจริงจังมากๆ นะครับ ดีครับดี
และที่เหลือก็ให้เครื่องบินนั้นนำพาเราไปสู่สนามบินนาริตะกัน...
ซึ่งก่อนจะถึงอะ.......
อาจจะเพราะด้วยห้องน้ำมันอยู่ข้างหลังเรานี่เองครับ แล้วคนก็เดินมาเข้ากันเรื่อยๆ แหละ
ไม่แปลกหรอก
ไอ้ที่แปลกคือ ชั้นก็เก็บเท้าอยู่ ไม่ขวางทางเดินแล้วนะ แต่ทำไมมีแต่คนเตะเท้าชั้นวะ....เลยหลับๆ ตื่นๆ ตลอดทางเลยครับ
เริ่มต้นเดินทางก็คอนเทนท์แล้ววุ้ย ฮ่าๆๆ
จริงๆ ได้ลองไวไฟแล้วทดสอบไวไฟด้วยครับ ด้วยการกดแชร์พิกัดจากบนเครื่อง และก็ลงพิมพ์ข้อความแบบนี้เลยครับ แต่สุดท้ายคือมันอัพไม่ได้เลย / แหงดิ อยู่กลางอากาศขนาดนี้....
ถึงแล้ว!!!
เมื่อถึงสนามบินนาริตะ ความรู้สึกแปลกตามันก็เข้ามาก่อนเลยครับ
เหมือนจะจำได้ลางๆ ว่า ไอ้ครั้งก่อนที่เคยมา ออกมามันไม่ใช่แบบนี้นี่!!
เรามาเจออาคารขาวๆ สวยๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน!
แต่ที่แน่ๆ คนเยอะเหมือนเดิมครับ
และครั้งนี้ ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง(ต่อไปจะเรียก ตม.) ก็คิวยาวเป็นงูโนเกียเช่นเคยครับ แต่มีเรื่องประหลาดใจจนต้องเล่าให้ฟังให้ได้ครับ
***ตรงที่ต่อแถว ตม. ไม่สามารถถ่ายรูปได้เลยนะครับ ไม่งั้นคงโดนหิ้วปีกเข้าห้องเย็นแน่ๆ เลยไม่มีรูปประกอบในช่วงนี้ครับ***
ช่วงโซนที่เราต่อคิวยาวๆ กันเนี่ย ตรงกลางมีเครื่องสแกนใบหน้าและสแกนนิ้วแบบขั้นต้นอยู่ครับ เดาว่าน่าจะเป็นการลดเวลา
และตรงนี้ครับ มีคุณลุงคุณป้าที่มาทำงานอยู่ตรจุดนี้สักสองสามคน
และมีลุงคนนึงที่เขาพูดภาษาไทยได้อย่างชัดเจนครับ
ไม่ใช่แค่นั้นนะ ภาษาอังกฤษก็ชัดแจ๋วด้วย และที่สำคัญคือลุงเขายิ้มแย้มและมีความสุขที่ได้คุยกับเราด้วยแหละ
เป็นความประทับใจเริ่มต้นทริปที่ดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ
และแน่นอนครับ เราผ่านมาได้อย่างฉลุยเลยครับ สบายใจ(แต่จริงๆ คือใจเต้นโครมครามมาก)
...ว่าก็ว่าเถอะ ครั้งแรกที่มา เจอแบบนี้หรือเปล่านะ จำไม่ได้แล้วครับ
ที่ทางออกหลังจากผ่านด่านอรหันต์มาได้ ก็มาเจอป้ายงานนี้ครับ น่าจะเป็นอีเวนท์ประจำชาติแหละมั้งครับ เพราะตอนขึ้นรถไฟก็เห็นวีดีโอของลุง Pikotaro มาโฆษณาให้อยู่ครับ
ถึงกับต้องไปหามาให้ดู เผื่อคนไม่รู้หรือจำไม่ได้ว่าลุงแกชื่ออะไร ฮ่าๆๆ
ถัดมาก็ดำเนินการส่งกระเป๋าไปที่มัทสึโมโตะครับ
แคปมาจากช่อง Youtube : Pursuer MA ครับ
เนื่องจากทริปวันแรกและวันสองนั้น ไม่สะดวกที่จะเอากระเป๋าล้อลากไปด้วย เนื่องจากการไปเที่ยวเขาแล้วไม่มีตู้ฝากของ มันลำบากครับ เลยต้องส่งไปที่โรงแรมที่พักล่วงหน้าก่อนเลย
เลยต้องมาบอกกันว่า หากท่านใดที่จะใช้บริการ ขอเตือนว่าให้เลือกของที่จะเอาไว้กับเรา แล้วส่งไปกับกระเป๋า แบบดีๆ กันนะครับ ใช้เวลากับมันให้ดี
จะได้ไม่ต้องเปิดแล้วเปิดอีกถึงสี่ครั้งเหมือนผม....
หลังจากต้องแยกทางกับกระเป๋าเดินทางกันชั่วคราว ก็ได้เวลาเดินทางไปยังสถานที่ยอดนิยมในการหลงทางกันดีกว่าครับ
"สถานีรถไฟชินจูกุ" นั่นเองครับ(รอบนี้ขอละเว้น "ชินจู้กรุ๊ก" ไว้นะครับ เพราะรอบนี้พูดชื่อถูกตลอดทริป ฮ่าๆ)
เป้าหมายแรกที่จะต้องไปในการเที่ยวครั้งนี้ อยู่ที่จังหวัดนากาโนะครับ
ซึ่งนั่นก็คือ "ฮาคุบะ" นั่นเองครับ
เราต้องเริ่มที่สถานีรถไฟชินจูกุ แต่ว่าครั้งนี้เราจะเดินทางด้วยรถบัสครับ
แคปมาจากช่อง Youtube : Pursuer MA ครับ
รอที่ประตูนี้ครับ
....อ่า ใช่ครับ รถ บขส. อะไรเทือกนั้นแหละ
ซึ่งเป็นการเดินทางที่วิวข้างทางสวยจริงๆ นะครับ
ส่วนมากจะหลับบนรถครับ รูปเลยไม่เยอะเท่าไหร่ / และนี่ก็คือภาพที่มองเห็นจากบนรถครับ ของจริงนี่สวยเลยนะครับ / รถบรรทุกนี่ถ่ายมาเพื่อให้ดูความเงาวิ้งวับของรถเขาครับ ซึ่งไม่สามารถรู้ได้จริงๆ ว่าทำไมต้องเงาวับขนาดนี้ ฮ่าๆ
มีแวะเข้าที่พักรถข้างทางด้วยครับ ชอบมากครับ บรรยากาศดี / เคยดูจากอนิเมะตั้งแต่เด็กๆ ว่าอยากจะเห็นอะไรแบบนี้บ้าง พอมาเจอของจริงก็ชอบมากครับ
จริงๆ แล้วรูปแรกที่ถ่ายเมื่อมาถึงที่พักรถก็คือนี่แหละครับ นี่เป็นงานที่ติดอยู่หน้าห้องน้ำชายเลยครับ / น่ารักดีครับ / เพิ่งมารู้สึกเมื่อกี้เลยครับว่าทันจิโร่นั้น ตาเป็นชินจังใช่มั้ย?
รถบัสขึ้นทางด่วนและขับด้วยความเร็วตามกฎหมายเลยครับ แต่ก็ไม่ได้มีคันไหนตีนผีนะจากที่มองๆ มา
และทางด่วนที่มอเตอร์ไซค์ขึ้นมาได้ด้วยนี่ ได้เห็นกับตาตัวเองซะทีนะครับ เพราะส่วนตัวเคยดูคนญี่ปุ่นขี่มอเตอร์ไซค์ไปแคมป์ขึ้นทางด่วนยังงี้นี่แหละ เท่ดีครับ
ระหว่างทางก็มีปิดถนนแบบนี้ประปรายครับ ที่น่าประหลาดใจก็คงจะเป็น จุดที่เริ่มตั้งป้าย และจุดที่ทำ มันไกลกันมากเลยครับ อย่างน้อยก็ดีที่แจ้งล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ ครับ
ใกล้แล้วๆ
ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 4 ชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงแล้วครับ จังหวัดนากาโนะ
เหมือนจงใจจะถ่ายป้ายโฆษณานะ แต่จริงๆ คือถ่ายอุณหภูมิบนป้ายนั่นอีกทีครับ
ถึงแล้ววววววววววว / รูปนี้นี่คือสถานีรถไฟนากาโนะครับ
ฝั่งตรงข้ามรูปเมื่อกี้เป็นนี่เลยครับ / Don Quijote ครับ (แค่เห็นชื่อเพลงก็ดังขึ้นมาในหัวแล้ว...ทำไมกัน)
ภาพในเมืองเล็กๆ น้อยๆ ก่อนครับ ขอเข้าที่พักก่อน ไม่ไหวแร้ววววววว
เดินต่อมาอีกนิดเดียวก็ถึงแล้วครับ ที่พักของเราวันนี้ Sotetsu Fresa Inn / รูปในห้องและวิวนอกห้องครับ
หลังจากที่เข้าที่พักเพื่อเปลี่ยนรองเท้าและกางเกงแล้ว ยังพอมีเวลาเหลือที่จะ "เดิน" เที่ยวกันนิดหน่อยครับ เลยเลือกเป้าหมายไว้ที่ "วัดเซนโคจิ" ครับ(ชื่อดันไปคล้ายวัดเซนโซจิเฉยเลย ระวังดูผิด(จังหวัด)(?)กันด้วยนะครับ)
ระหว่างทางไปวัด 1 : (กล้อง)ตั้งแต่หน้าที่พัก ออกมาถ่ายนั่นนี่ไปเรื่อยๆ ครับ
ระหว่างทางไปวัด 2 : (มือถือเรา)ชั้นถ่ายแต่อะไรมาเนี่ย / เจอร้านอาหารไทยโดยคนไทยด้วยครับ พี่เขาออกมารับที่หน้าร้านด้วยภาษาไทยเลย
แล้วก็ไม่รู้สภาพเส้นทางสักเท่าไหร่ เลยเพิ่งมารู้ตัวว่าวัดนี้มันขึ้นเนินนี่หว่า....
แล้วเราก็ "เดิน" กันไปยาวๆ เลยครับ โดนถนนหลอก เหนื่อยกว่าเดิมอีก
โอ้พระพุทธเจ้า
ภาพตอนก่อนถึงวัดไม่ค่อยมีแล้วครับ เพราะแบตจะหมดกัน แต่ถ่ายร้านนี้ทัน / อันนี้คือร้านราเมงที่มองข้างในแล้วโคตรสวยเลยครับ แต่ต้องไปวัดก่อนนะ ขากลับค่อยแวะมากินละกัน
ถึงซะที(โว้ย)คร.....อะไรนะ ยังไม่ใช่ นี่แค่ประตูทางเข้างั้นเรอะ!!!
นู่น! วัดอยู่ข้างหน้านู่นแหน่ะไอ้หนุ่มและสาวน้อย / เห็นพื้นมั้ยครับ มันเดินขึ้นไปยังงี้ตลอดทางอะครับ แฮ่กๆ
ที่ไหนที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างดี ก็ต้องมีเขาสิ! Starbuck สาขานี้ ภายในสวยด้วยนะครับ
มีร้านขายของฝากแบบนี้ด้วยครับ แวะพอหอมปากหอมคอ
กว่าจะถึงที่วัดก็ใช้เวลาพอสมควรครับ
ถึงจริงๆ แล้วนะ แฮ่กๆ ฮืดฮาดๆ(หอบ)
และเมื่อไปถึงวัดก็ได้พบเจอกับความสงบสวยงามของวัดแห่งนี้
....วัดปิดครับ
ไม่ใช่ปิดแบบ "อ๋อ มาช้าไปนะ วัดปิดเวลานี้ นี้ นี้"
แต่นี่คือ "ไปถึงแล้ววัดกำลังปิดประตูใส่พอดีเลย"
...ความรู้สึกตอนนั้น หน้าตามันเป็นยังงี้ครับ
Arona จากเกม Blue Archive ครับ / เซฟมาเยอะจนไม่รู้ที่มาครับ แต่เหมือนจะเอามาจากเฟซบุคครับ
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าชีวิตตัวเองจะมีเรื่องชวนหัวเราะแบบนี้อยู่เรื่อยๆ
มันก็สนุกดีนะครับ แต่เหนื่อยโว้ยยยยยยยยยย ฮ่าๆๆๆ
หัวหน้าทัวร์ถึงกับพูดออกมาทันทีว่า "ขากลับนั่งรถเมล์นะ"
กลับด้วยรถเมล์ มาหาร้านข้าวมื้อเย็นเติมพลังชดเชยกับการเดินไปวัดเมื่อกี้
เลือกร้านกันตั้งนาน หวยมาลงที่ Saizeriya เจ้าเดิมครับ
อาหารเกือบเดิมๆ เลยครับ เนื่องจากคิดถึงเมนูเหล่านี้มากกว่าครับ อื่นๆ ใดๆ ไม่ได้อยากกินสักเท่าไหร่ แหะๆ / จริงๆ ได้ดื่มไวน์ด้วยนะครับ แต่ลงไม่ได้แหละเนอะ
จากนั้นก็เข้าที่พัก ชาร์จแบตให้เรียบร้อย ให้วันพรุ่งนี้ไปเที่ยวอย่างนักท่องเที่ยวสุขภาพดีกัน....
เพราะมันเป็นวันที่สนุกสุดๆ วันหนึ่งเลยครับ
พื้นที่โฆษณา
ผมและหัวหน้าทัวร์(แฟน)ได้ทำช่องยูถูบบันทึกการเดินทาง, รีวิวโรงแรม และท่องเที่ยวนู่นนี่ด้วยกันครับ
และมีเพจเฟซบุ๊คให้ได้คุยกันด้วยนะครับ เผื่อเราจะได้พูดคุย แนะนำ และสนับสนุน(?)กันได้ง่ายขึ้นนะครับ
ฝากกดเข้าเยี่ยมชม กดติดตาม พูดคุยกัน แลละเป็นกำลังใจให้กันทั้งสองช่องทางนี้ด้วยนะครับ
โฆษณา