19 มิ.ย. เวลา 10:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

กลุ่ม Lightnet -Hiwell Global พับแผนลงทุนใน SABUY เหตุหุ้นร่วงต่อเนื่อง

กลุ่ม Lightnet ของ "ชัชวาลย์ เจียรวนนท์" พับแผนเพิ่มทุนPP 42.39% ใน SABUY อ้างภาวะตลาดผันผวน ราคาหุ้นร่วงต่อเนื่องกระทบราคาเสนอขาย แต่ยังคงความร่วมมือทางธุรกิจที่ดีร่วมกัน
นายวิรัช มรกตกาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าตามที่คณะกรรมการบริษัท ได้มีมติให้มีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 24 มิถุนายน 2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนรวม 1,300 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายมูลค่าหุ้นละ 2.30 บาท
และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ครั้งที่ 3 (SABUY-W3) ครั้งที่ 4 (SABUY-W4) และครั้งที่5 (SABUY-W5) รวมจำนวน 1,210 ล้านหน่วย ให้แก่บุคคลในวงจำกัด และพิจารณาอนุมัติการขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการโดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น (Whitewash) รวมถึงวาระอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
1
โดยมีรายละเอียดปรากฎตามหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และหนังสือของบริษัทฯ เลขที่SABUY 034/2567 เรื่อง แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท และกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่1/2567 ฉบับลงวันที่ 10 เมษายน 2567 ตลอดจนสิ่งที่ส่งมาด้วย (ตามที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (“แผนการเพิ่มทุนเดิม”)
จากการที่ภาวะตลาดปัจจุบันมีความผันผวนซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทฯ ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ผ่านมาและกระทบต่อความเหมาะสมของราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด ดังที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้อย่างมีนัยสำคัญ และทำให้ที่ผ่านมาบริษัทฯ และบุคคลในวงจำกัดได้มีการหารือร่วมกันถึงความเป็นไปได้ในการเข้าทำรายการตามแผนการเพิ่มทุนเดิม เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเดินหน้าตามแผนการเพิ่มทุนเดิมได้
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากบุคคลในวงจำกัดซึ่งได้แก่ Lightnet Pte. Ltd. (“Lightnet”) และนายอานนท์ชัย วีระประวัติ รวมถึง Hiwell Global Co., Ltd. ว่าบุคคลในวงจำกัดดังกล่าว มีความประสงค์ที่จะยกเลิกการเข้าลงทุนตามแผนการเพิ่มทุนเดิมเนื่องจากความผันผวนของภาวะตลาดซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทฯ ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ผ่านมาและกระทบต่อความเหมาะสมของราคาในการเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องของบุคคลในวงจำกัดแต่ละราย
อย่างไรก็ดี ทั้งบริษัทฯ และ Lightnet ยังคงมีความร่วมมือทางธุรกิจที่ดีร่วมกันต่อไป เนื่องจาก Lightnet ยังคงเล็งเห็นถึงศักยภาพของธุรกิจ และ Ecosystem ของ SABUY และมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนให้ SABUY กลับมาแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในการหาพันธมิตรที่มีศักยภาพในการเข้าลงทุนในบริษัทฯ ต่อไป โดยหากมีความชัดเจนหรือความคืบหน้าประการใด ทางบริษัทฯ จะแจ้งให้แก่ผู้ถือหุ้นทราบและจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 SABUY แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวนไม่เกิน 2,510,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 2,061,370,366 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 4,571,370,366 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 2,510,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท แบ่งเป็น
1.จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 1,300,000,000 หุ้น เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement : PP ) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.30 บาท คิดเป็นสัดส่วนรวมทังสิ้นไม่เกินร้อยละ 42.39 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ ให้แก่
  • Lightnet Pte. Ltd จำนวน 1,200,000,000 หุ้น คิดเป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ 40.38 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท
  • นายอานนท์ชัย วีรประวัติ จำนวน 100,000,000 หุ้น
2.รองรับการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะชื่อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ครั้งที่ 3 (SABUY-W3) จำนวนไม่เกิน 1,210,000,000 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่าการเสนอขาย (ราคาเสนอขายต่อหน่วยเท่ากับ 0 บาท) ซึ่งคิดเป็นหุ้นสามัญที่จัดสรรไว้เพือรองรับการใช้สิทธิจำนวนไม่เกิน 1,210,000,000 หุ้น (ร้อยละ 68.50 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท) เพื่อจัดสรรให้แก่ PP มีอัตราการการใช้สิทธิ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญ
ราคาหุ้น SABUY ร่วงต่อเนื่อง
ราคาหุ้น SABUY ปิดซื้อขายวันที่ 18 มิ.ย.67 ที่ 0.91 บาท ปรับลดลง 4.21% หรือลบ 0.04 บาท และนับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเพิ่มทุน PP ( 9 มิ.ย.67 ) ราคาปิดที่ 2.22 บาท ถึงปัจจุบัน หุ้น SABUY ปรับลดลงแล้วถึง 59% และร่วงลง 82% นับจากต้นปี 67 ( YTD ) ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ (มาร์เก็ตแคป) ของบริษัทฯ จากสิ้นปี 2566 ที่ 8,921 ล้านบาท ปัจจุบัน ( 18 มิ.ย.67 ) เหลือเพียง 1,608 ล้านบาท
1
โฆษณา