19 มิ.ย. 2024 เวลา 03:57 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร สุพรรณบุรี

วิญญาณ แท้จริงแล้วไม่ได้หมายถึงพลังงานที่เราคิดกันไปเองว่ามันออกจากร่างคนตายไปเกิดใหม่ชาติหน้า

“วิญญาณ”
นิยามของคำ ว่า วิญญาณ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายถึง สิ่งที่เชื่อกันว่ามีอยู่ในกายเมื่อมีชีวิต เมื่อตายจะออกจากกายล่องลอยไปหาที่เกิดใหม่; โดยปริยายหมายถึงจิตใจ เช่น มีวิญญาณนักสู้ มีวิญญาณศิลปิน นั่นคือความหมายที่เราเข้าใจและใช้กันในภาษาไทยทั่วไป
ส่วนนิยามตามพจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายตามรูปศัพท์ ว่า การรู้แจ้งหรือรู้ชัด ในคำสอนของพระพุทธศาสนา หมายถึง การรับรู้ที่เกิดขึ้นเมื่ออายตนะภายใน ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
สัมผัสสิ่งที่เป็นวิสัยของตนซึ่งเรียกว่า อายตนะภายนอก ๖ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สิ่งกระทบกาย) และธรรมารมณ์ (สิ่งที่รับรู้ทางใจโดยตรง) ตรงกับนิยามอีกนัยหนึ่งตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ที่กล่าวว่า วิญญาณ คือความรับรู้ เช่น โสตวิญญาณ เป็น ๑ ในขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ความสนุกสนานเกิดจากวิญญาณรับผัสสะเข้ามา วิญญาณแท้จริงคือองค์ประกอบทางสัมผัสทั้ง6 ได้แก่ สัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกายและใจ โดยมีตัวเร้าคือ ภาพ เสียง กลิ่น รส การสัมผัสทางผิวหนังเรือนร่าง และ การนึกคิดรับรู้ในใจ(สมอง)
คำว่า อายตนะภายใน เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ทวาร หมายถึง ประตูให้อายตนะภายนอกหรืออารมณ์ผ่านเข้ามา ซึ่งความรับรู้หรือวิญญาณมี ๖ อย่าง คือ ๑. จักขุวิญญาณ การรับรู้อารมณ์ทางตา คือการเห็นรูป ๒. โสตวิญญาณ การรับรู้อารมณ์ทางหู คือการได้ยินเสียง ๓. ฆานวิญญาณ การรับรู้อารมณ์ทางจมูก คือการได้กลิ่น
๔. ชิวหาวิญญาณ การรับรู้อารมณ์ทางลิ้น คือการรับรู้รส ๕. กายวิญญาณ การรับรู้อารมณ์ทางกาย คือการรู้สึกสัมผัสทางกาย ๖. มโนวิญญาณ การรับรู้อารมณ์ทางใจ คือการรับรู้หรือการคิดถึงสิ่งที่เป็นอารมณ์ทางจิต โดยไม่ต้องผ่านอายตนะภายในอื่น ๆ ในขณะรับรู้
หากคนตายมาให้เห็นในลักษณะนี้ ไม่ควรเรียกเขาว่าวิญญาณ แต่ควรใช้คำว่าโอปปาติกะ จะถูกต้องกว่า เพราะถือว่าเขาได้กำเนิดเป็นสัตว์โลกในอีกรูปแบบหนึ่งแล้ว คือกายละเอียดในจำพวกสัมภเวสิภูต พวกนี้อาจมีชีวิตอยู่หลายร้อยพันปีมนุษย์ก็ได้ มาไวไปไวเกิดแล้วตายแค่ภายในไม่กี่วันก็ได้ ขึ้นอยู่กับบุญธรรมกรรมแต่ง คนไทยมักเรียกติดปากว่า สัมภเวสี(ผู้ล่องลอย,ผู้หาที่เกิด)
จะเห็นว่า “อารมณ์” ในคำสอนทางพระพุทธศาสนา หมายถึง สิ่งที่จิตรับรู้ซึ่งได้แก่อายตนะภายนอก ๖ อย่าง แตกต่างกับ “ความรู้สึกทางใจ” ส่วน “วิญญาณ” ในภาษาไทยทั่วไปที่หมายถึงตัวตนหรืออัตตา (soul) ที่เที่ยง ไม่แตกดับ แม้คนหรือสัตว์ตายไป วิญญาณจะไม่ตายไปด้วย แต่จะออกจากร่างเก่าไปเกิดใหม่ ตามคำสอนของพระพุทธศาสนา วิญญาณลักษณะเที่ยงเช่นนี้ไม่มีอยู่จริงค่ะ.
เขียนโดย นักวิชาการนิรุกติศาสตร์และอภิธรรม รัตติกาล ศรีอำไพ
โฆษณา