Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน
•
ติดตาม
19 มิ.ย. เวลา 08:05 • การศึกษา
วิธีทำใจให้เป็นสุข ตอน ๒
.
บทความนี้เราว่า โคตรดี ใครเห็นแล้วไม่อ่านอย่างตั้งใจ ก็ถือว่า พลาดโอกาสที่จะได้เรียนรู้ศึกษาธรรมปฏิบัติ เวลาเราเขียนธรรมะ ธรรมจะไหลออกมาเอง ไม่ได้มานั่งนึกนั่งคิดนั่งมโนเอาเองหรอกนะ และไม่เคยคิดเอาใจคนอ่านว่า ต้องเขียนให้ถูกใจเขา ต้องเขียนให้สั้น ๆ อย่าให้ยาวเกินไปนัก เพราะคนไม่ชอบอ่านบทความยาว ๆ
.
เราก็ไม่ได้สนใจคนประเภทนั้นนัก ถ้าใครไม่อยากอ่านก็ให้ข้ามไป เราเขียนให้คนที่ตั้งใจนำธรรมไปปฏิบัติจริง ๆ เท่านั้นแหละ ผู้เช่นนั้น เนื้อธรรมจะยาวจะสั้น เขาก็ตั้งใจอ่านด้วยความเคารพในธรรม เราจะเขียนธรรมตามสมควรแก่ธรรม จะยาวจะสั้นก็ให้เป็นเรื่องของธรรมจะเป็นเอง
.
บางคนก็สักแต่ว่าอ่านธรรมะแบบลวก ๆ พอมีความรู้สึกว่าดี ก็กดแชร์ไปให้ผู้อื่น ไม่ได้ใส่ใจที่จะพิจารณาใคร่ครวญให้ตนเองเกิดความเข้าใจในธรรมอย่างลึกซึ้ง เพียงเข้าใจธรรมในระดับตื้น ๆ คือเข้าใจไปตามภาษาสมมติเท่านั้น ไม่พิจารณาให้จิตหยั่งลงถึงกระแสธรรมในหลักธรรมชาติ อันเป็นเนื้อแท้ของธรรมที่ถูกสมมติปกปิดเอาไว้
.
การแชร์ธรรมะเป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่ไม่ดี แต่เมื่อแชร์แล้วตนเองต้องพิจารณาให้เข้าใจในธรรมนั้นอย่างถ่องแท้เสียด้วย ไม่ใช่เอาแต่แชร์ธรรมอย่างเดียว แต่ธรรมที่แชร์นั้น จะผิดหรือถูกอย่างไรก็ไม่รู้ แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไร จากการได้ฟังธรรมนั้น ๆ
.
ถ้าเราศึกษาธรรมะแล้ว แต่ไม่สามารถนำธรรมมาประพฤติปฏิบัติดัดแปลงการกระทำทางกาย วาจา ใจ ของเรา ให้เป็นไปตามธรรมท่านสอน ก็เท่ากับว่า เราไม่ได้รับประโยชน์อันใด จากการฟังธรรมเลย และไม่ได้ชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติธรรมแม้แต่น้อย
.
เวลานี้พวกเราฟังธรรมกันมามากเท่าไหร่แล้ว ยุคนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสารเฟื่องฟู ธรรมะแชร์กันในโลกออนไลน์เกลื่อนกลาด แต่จะมีคนอ่านธรรม และนำธรรมไปประพฤติปฏิบัติจริง ๆ จะมีสักกี่คน กี่เปอร์เซ็นต์ของชาวพุทธ อันนี้ไม่แน่ใจนัก
.
ลองสังเกตใจตัวเองสิ!! เป็นอย่างไรบ้าง ปฏิบัติธรรมมาคนละกี่ปี อ่านธรรมะมากี่เล่มแล้ว ฟังเทศน์มาคนละกี่กัณฑ์แล้วจิตใจมันแปรเปลี่ยนไปในทางสูงส่งดีงามมากขึ้นแค่ไหน
.
รักษาศีลด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ได้บ้างไหม คือมีจิตเมตตาอยากจะช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์อย่างจริงใจบ้างหรือไม่ ยังอยากจะเอาทุกข์ไปยัดเยียดให้คนอื่นอยู่อีก ยังขี้อิจฉาริษยาอยู่เหมือนเดิมไหม
.
ทำจิตใจให้สงบมีสมาธิตั้งมั่นได้แค่ไหน คือ มีจิตใจที่หนักแน่นไม่หวั่นไหวไปกับอารมณ์ที่น่ารักใคร่น่าพึงพอใจ ปฏิบัติธรรมมา กี่วัน กี่เดือน กี่ปีแล้ว นั่งสมาธิสักแค่ ๒ ชั่วโมง ก็ยังคงร้องหาพ่อหาแม่จนขี้เยี่ยวจะแตกอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า
.
ปัญญาที่จะแก้ไขปรับปรุงตัวเองให้ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้นไป มีปรากฏขึ้นมากี่มากน้อย
.
หรือยังภาคภูมิใจอยู่ว่า ตัวเองเป็นนักปฏิบัติธรรมดีเยี่ยมไม่แพ้ใคร ถูกกิเลสมันกล่อมให้เพลิดเพลินไปอีก แล้วก็ไปคุยโม้โอ้อวดแข่งกัน ไปภาวนาที่โน่นดีนะ ที่นั่นไม่ค่อยจะดีนัก ครูบาอาจารย์องค์นั้นดีเทศน์เก่ง องค์นั้นดูไม่ค่อยดี วัดนั้นดีสงบเงียบ วัดนั้นคนเยอะพลุกพล่านไม่ค่อยสงบ หาติเตียนเขาไปทั่วทิศทั่วแดน
.
แต่ไม่ย้อนมาดูความปฏิบัติของตนเองบ้างว่า มีอะไรดีขึ้นมาบ้าง นี่คือโมฆะมนุษย์แท้ ๆ หายุ่งอยู่แต่กับเรื่องของชาวบ้าน เรื่องของตัวเองอยู่ใกล้ชิดติดพลันอยู่ตลอดเวลา กลับมองไม่เห็น
.
ความสงบหรือไม่สงบ มันก็อยู่ที่ใจเจ้าของ ต่อให้ไปอยู่ในป่าเขาสงบสงัด แต่ใจเจ้าของมัวแต่คิดฟุ้งซ่านวุ่นวายอยู่ มันก็หาความสงบไม่ได้
.
จะอยู่ในบ้าน หรือจะทำภารกิจการงานอันใดอยู่ก็ตาม ถ้าใจระลึก “พุทโธ” ได้ ความสงบก็มาปรากฏทันที ยิ่งระลึก “พุทโธ” ได้มากเท่าไหร่ ความสงบก็ยิ่งมีมากเท่านั้น จนจิตอยูกับ “พุทโธ” แน่แน่ว ก็สามารถหยั่งจิตลงถึงความสงบอันแนบแน่นได้
.
นักปฏิบัติธรรมแท้ไม่สนใจอยากไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นหรอก มันเสียเวลา เสียสติ จงรู้เอาไว้ ใครมันจะดีจะชั่ว มันก็เรื่องของเขา ไปยุ่งเรื่องของเขาทำไม ตัวเราเองมันดีหรือชั่ว นี่!ต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าที่ควรจะรู้ แต่ดันทะลึ่งไม่รู้ ตบกระโหลกตัวเองเข้าไปบ้าง บ้องหูเข้าไปสักสองสามที พร้อมสำทับลงไป เอ็งอย่าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น สอนตัวเองด่าตัวเองเจ็บ ๆ ไม่เป็นไร แต่อย่าไปด่าคนอื่นก็แล้วกัน ด่าคนอื่นเป็นกิเลส ด่ากิเลสเป็นธรรม ให้รู้ไว้!!
.
จะปฏิบัติธรรม ก็ทำให้มันจริง รักษาศีลก็รักษาให้จริง เอาตายเข้าว่า ยอมตายก็ไม่ยอมทำให้ศีลขาด เอาไหม?
.
ทำสมาธิก็เอาตายเข้าว่า จะนั่งสมาธิสู้ทุกข์ให้ได้ ๒ ชั่วโมง ถ้าไม่ได้ให้ตายคาที่นั่ง เอาไหม?
.
จะคิดทางด้านปัญญาก็เอาตายเข้าว่า อันใดที่ปัญญาเห็นว่า “ชั่ว” แล้ว ยอมตายก็ไม่ยอมทำ “ชั่ว” นั้น เด็ดขาด!! เอาไหม?
.
อย่างนี้ จึงได้ชื่อว่า คนจริง ปฏิบัติจริง และหวังผลจริง มันจึงจะเห็นธรรมเกิดขึ้นที่ใจบ้าง
.
ไม่ใช่ทำแบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำสักแต่ว่าทำ พอให้ได้ชื่อว่าทำ แล้วเอาไปคุยอวดกัน ศีลก็ยังขาด ๆ วิ่น ๆ อยู่ สมาธิก็ง่อน ๆ แง่น ๆ ปัญญาก็คด ๆ งอ ๆ แต่พูดธรรมะสูงทะลุเมฆ นั่นมัน ไอ้ขี้โม้ ถ้าเจอคนประเภทนี้ ก็เดินหนีให้ห่างไกล
.
การปฏิบัติธรรมไม่ใช่อย่างนั้น ผู้รู้ธรรมจริงแท้ คือผู้ฆ่ากิเลสได้ ตั้งแต่บางส่วน ไปจนถึงหมดเกลี้ยงอย่างสิ้นเชิง การคิด การพูด การทำ ของผู้เช่นนั้น ย่อมเต็มเปี่ยมไปด้วยเหตุผล และเหมาะแก่กาลสถานที่และบุคคล อีกทั้งการแสดงธรรมก็เป็นไปอย่างสมควรแก่ธรรม
.
ผู้ปฏิบัติธรรมจริง จึงจะเข้าถึงธรรมของจริง ผู้เช่นนั้นย่อมไม่มีเวลาไปเที่ยวพูดคุยสั่งสอนคนอื่นหรอก เว้นไว้แต่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ เพราะตราบใดที่ยังสอนตัวเองยังไม่ได้ จะเอาธรรมอะไรไปสอนเขา ในเมื่อตัวเองยังไม่รู้ไม่เห็น
.
ฝึกตนเองดีแล้วจึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่า ทำตามพระพุทธเจ้า ดังนั้น จงตั้งใจปฏิบัติไปเถิด ไม่ต้องไปยุ่งกับใคร จะได้ผลมากหรือได้ผลน้อย หรือยังไม่เห็นผล ก็ตั้งใจปฏิบัติไปเรื่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ อย่างสม่ำเสมอ อย่าท้อถอย และไม่ต้องไปอวดใคร การพูดอวดธรรม นี่คือ จุดตายของนักปฏิบัติ
.
ขอเพียงเราตั้งใจปฏิบัติให้จริง ก็ได้ชื่อว่า ปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้า เป็นบุญมหันต์อยู่แล้ว ถึงไม่ปรารถนาบุญ ก็ต้องเป็นบุญอยู่วันยังค่ำ เพราะบุญก็คือใจที่มีธรรม มีสติ มีปัญญานั่นเอง
.
แต่ถ้าเราปฏิบัติไม่จริง ก็เหมือนโกหกตัวเอง จะปฏิบัติไปจนตาย ก็ไม่มีทางจะได้เห็นธรรม อย่าว่าแต่จะเห็นธรรมเลย แม้แต่เงาของธรรมก็ยังยากที่จะได้เห็น
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๗_๐๕
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย