Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อ่านอีกครั้งก็ยังชอบ
•
ติดตาม
19 มิ.ย. เวลา 09:25 • หนังสือ
ส้ ม สี ม่ ว ง
หากปราศจากความฝัน ชีวิตมนุษย์จะหมดคุณค่า
ผู้อ่านเคยสังเกตไหมว่าหลายครั้งเราเลือกซื้อหนังสือจากปกที่สวยงามถูกใจ และก็อีกหลายครั้งที่เราซื้อหนังสือเพราะชื่อเรื่องสะดุดใจ แอดซื้อ #วรรณกรรมเยาวชนแนวแฟนตาซี เรื่อง "ส้มสีม่วง" ผลงานของ ดาวกระจาย ก็เพราะชื่ิิอเรื่องที่ดูแปลกและสงสัยว่าทำไมส้มต้องสีม่วงค่ะ :)) เรื่องนี้ยังได้รับรางวัลนายอินทร์อวอร์ดในปี พ.ศ. ๒๕๔๔
.
จำได้ว่าเมื่อเริ่มอ่านหนังสือเรื่องนี้บทแรกๆ ก็วางไม่ลงเลยค่ะ วันนี้แม้อายุของแอดจะเลยวัยเยาวชนมาไกลโขก็ตามกลับมาอ่านใหม่ก็ยังประทับใจ ผู้เขียนสร้างพล็อตเรื่องเกี่ยวกับความสำคัญของจินตนาการและความฝันสำหรับเด็กๆโดยมีจ้อย เด็กชายวัย ๑๐ ขวบที่มีความคิดสร้างสรรค์ และรักการอ่านหนังสือเป็นตัวละครหลัก
.
จ้อยเคยวาดรูปผลส้มที่มีสีม่วงเมื่ออยู่ชั้น ป.๑ และถูกทำโทษ ครูบอกว่าให้เปลี่ยนสีระบายผลส้มเป็นสีส้มหรือออกเขียวหน่อยๆ เหตุผลก็เพราะว่าไม่มีส้มที่ไหนสีม่วง!!
.
ครอบครัวจ้อยเพิ่งย้ายบ้านใหม่มาอยู่ติดกับบ้านที่ดูรกร้าง ซึ่งก็คือบ้านนักเขียนคนหนึ่งที่หายไปจากวงการหนังสือมานาน เขาคือ ลุงเทิด ผู้เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์แมลงเต่าทองอีกด้วย จ้อยตื่นเต้นมากที่รู้ว่านี่คือบ้านของนักเขียนคนโปรดของเขา
.
วันแรกๆ ที่มาถึงบ้านใหม่จ้อยก็เจอปริศนากระดาษ ๑๒ แผ่นปลิวลอยมาตกในสนามข้างรั้ว บางแผ่นก็ฉีกขาด จ้อยต้องอึ้งเมื่อพบว่า ข้อความในกระดาษสี่แผ่นแรกช่างคล้ายกับเรื่องราวของกองทัพปราปฝันที่จ้อยก็มีอยู่เล่มหนึ่งในห้อง กระดาษเหล่านี้มาจากไหน?
.
ลุงเทิดเป็นนักเขียนรางวัลวรรณกรรมเยาวชนนาน ๒๕ปี มีแฟนนักอ่านมากมาย แต่เขาไม่ชอบพบปะผู้คน เก็บตัวเงียบ แม้จะได้รับรางวัลยอดเยี่ยม ผู้สื่อข่าวก็มารายงานข่าวได้เพียงหน้าบ้านเขาเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าลุงเทิดเก็บตัวเงียบเพราะอะไร บ้างก็ร่ำลือกันว่าเขาเสียสติ
.
หนังสือเล่มล่าสุดของลุงเทิดที่จ้อยอ่านคือเรื่อง "กองทัพปราบฝัน" ซึ่งเอ่ยถึงอาณาจักรแห่งหนึ่ง ที่มีผู้นำคือ นายพลชื่อ 'ขี้เกียจ ตัวเป็นขน' และผู้ร่วมอุดมการณ์ในทีมที่ล้วนแต่ต้องการทำลายฝันของเด็กๆ และผู้ใหญ่ทั้งสิ้น เช่นผู้อาวุโสชื่อ 'อย่าเสี่ยง ไม่มีวันเปลี่ยน' และญาติห่างๆ ในตระกูลที่ชื่อว่า 'ไม่มีทางเลือก'
.
"กองทัพปราบฝัน" มีลูกสมุนของนายพล 'ขี้เกียจ ตัวเป็นขน' อึกมากมาย ในกองทัพนี้ดูจากชื่อก็เห็นตัวตนนักรบที่พร้อมจะทำลายความฝันและจินตนาการของเด็กๆ เช่น
- ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไร,
- ผัดวันประกันพรุ่ง,
- หงุดหงิด งุ่นง่าน (มีหัวเป็น ง งู สี่หัว),
- เสียดสี แดกดัน,
- พึมพำ กระปอดกระแปด,
- เยาะเย้ย ถากถาง,
- ขี้เกียจคิด ขี้เกียจฝัน,
- อิจฉา ริษยา,
- เกลียดผัก ฯลฯ
.
จ้อยหาทางมุดรั้วเข้าไปในบ้านข้างๆ จนไปเจอลุงเทิด ซึ่งเล่าให้ฟังว่าเรื่องราวที่เขียนไว้ในวรรณกรรมเรื่อง "กองทัพปราบฝัน" เป็นเรื่องจริง คนในกองทัพก็มีอยู่จริงใกล้ตัวเรา แต่ลุงเทิดก็ไม่รู้ว่าอาณาจักรที่ลึกลับนี้ซ่อนอยู่ที่ไหน เขาดีใจมากที่จ้อยเอาต้นฉบับเรื่องใหม่ที่หายไปอีกแปดหน้ามาคืนใหั ครั้งก่อนต้นฉบับหายไปสี่หน้าเขาก็ดั้นด้นเขียนจนจบพิมพ์ออกมาให้เด็กๆ อ่านทันเวลา
.
ตอนนี้พวกนักรบปราบฝันก็พยายามหาหนทางจัองเล่นงานลุงเทิดด้วยการขโมยต้นฉบับเรื่องใหม่ต่อจากเรืีอง "กองทัพปราบฝัน" ไป ซึ่งมันก็คือกระดาษอีกแปดแผ่นที่จ้อยเจอนั่นเอง มันจงใจแกล้งให้ลุงเทิดเขียนต่อไม่ได้ และปิดต้นฉบับไม่ทันส่งพิมพ์ตามกำหนด ลุงเทิดดีใจมากที่เจอต้นฉบับแล้ว
.
นักรบในกองทัพนี้กล้าหาญและมุ่งมั่นจะหาทางขโมยหรือดูดหรือกำจัดความฝันต่างๆ ไปจากเด็กๆ เมื่อพวกเขาเหล่านี้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็จะคิดอะไรไม่เป็น ขาดความฝันและจินตนาการ ไม่กระตือรือร้น ท้อแท้หมดหวัง จนกลายเป็นคนขี้เกียจและใช้ชีวิตไปวันๆ โดยไร้จุดหมาย แล้วในที่สุดชีวิตก็จะหมดคุณค่า
.
นักรบชื่อ อย่าเสี่ยง ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง พูดอย่างอัดอั้นตันใจกับงานเขียนของลุงเทิดว่า
".. ทำไมนะ ทำไม ข้าไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมมนุษย์ถึงได้ชอบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอนะ จะคิดจะฝันอะไรกันไปถึงไหน อยู่อย่างนี้แหละดีที่สุดแล้ว... แล้วคิดอยู่คนเดียวไม่ได้ ทำไมต้องเขียนออกมาเป็นหนังสือให้เด็กๆ คอยอ่ายด้วยนะอึ๋ย... ย... ย แค่คิดถึงเด็กๆ ข้าก็รู้สึกสยองขวัญเหลือเกิน" (น.๘๗)
เหล่านักรบและนายพล 'ขี้เกียจ ตัวเป็นขน' เห็นด้วย ฟังแล้วรู้สึกวิตกกังวลไปด้วย นักรบช่างมันเถอะเสริมว่า "... เด็กๆ เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดกลัวเหลือเกิน พวกเด็กๆ ไม่เคยปล่อยปละละเลยอะไรสักเรื่องเดียว มันเป็นเรื่องยากแสนเข็ญสำหรับนักรบเผ่าของข้าทีเดียวที่จะทำให้เด็กสักคนพูดคำว่า ช่างเถอะ" (น. ๘๘)
นายพลขี้เกียจ ตัวเป็นขน เอ่ยอย่างเซ็งๆ เศร้าๆ ว่า "ทำงานกับพวกผู้ใหญ่ง่ายกว่าเป็นร้อยเป็นสิบเท่า"
นักรบอย่าเสี่ยงเอ่ยสนับสนุนว่า " ข้าเองก็รู้สึกเศร้าไม่น้อยกว่าท่านนะ คิดดูสิเด็กกี่ยุคกี่สมัยมาแล้วที่ไม่เคยเกรงกลัวอะไรเลย พวกเขาชอบเสี่ยง ชอบการเปลี่ยนแปลง ชอบทำอะไรที่ข้าไม่ทำ"
"พวกเด็กผู้หญิงขี้กลัวไงล่ะ ท่านอย่าเสี่ยง" นักรบเสียดสี แดกดันบอกอย่างเย้ยหยัน (น.๘๘) แต่ในความเป็นจริงนั้น เด็กผู้หญิงก็กล้าเสี่ยง บ้างก็เล่นกระโดดหนังยางสูงๆ บ้างชอบปีนต้นไม้ และบ้างก็คิดฝันทำโน่นทำนี่กันอย่างสร้างสรรค์ตามวัย กองทัพปราปฝันจึงหนักใจในภาระกิจที่ดูจะยากถ้าอยากจะทำลายความฝันของเด็กๆ ทั้งหลาย
.
โชคดีที่จ้อยบังเอิญได้เจอแก้ม ซึ่งช่วยพ่อขายหมูปิ้งอยู่ในซอยใกล้บ้าน แก้มก็ชอบอ่านงานของลุงเทิด และหาวิธีที่จะช่วยเหลือลุงเทิด เธอเองก็เจอต้นฉบับเรื่องใหม่ที่ถูกขยำทิ้งลงในเตาปิ้งโดยบังเอิญ จึงนำมาคืนลุงเทิด ลุงเทิดเชื่อว่าพวกนักรบอยู่ใกล้ๆ บ้านเขานี่แหละ
.
ลุงเทิดทำงานหามรุ่งหามค่ำเขียนต้นฉบับเรื่องที่สองให้ทันเวลาจนล้มป่วย แต่เขาก็ยังบอกจ้อยว่า "... เด็กๆ น่ะต้องดื้อสักคนละนิดคนละหน่อยถึงจะดีเพราะว่าแค่ก.... แค่ก... เชื้อดื้อนี่ล่ะ เป็นบ่อเกิดแสนวิเศษของความคิดฝัน" (น.๑๒๐)
.
ทั้งจ้อย และแก้มอยากช่วยกันค้นหาอาณาจักรกองทัพปราบฝันและกำจัดพวกมันไปเพื่อช่วยลุงเทิด ท้ายที่สุดเด็กทั้งสองคนก็ค้นหาอาณาจักรของกองทัพปราบฝันเจอที่ก้านส้มเขียวหวานนั่นเอง และต่อรองโดยมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนกันเพื่อช่วยให้ลุงเทิดจะเขียนตอนจบของวรรณกรรมเล่มใหม่ทันส่งโรงพิมพ์ เงื่อนไขนั้นคืออะไร
.
ดาวกระจายแต่งเรื่อง "ส้มสีม่วง" อย่างสร้างสรรค์และน่าตะมีอารมณ์ขันด้วย เรื่องนี้เหมาะสมกับรางวัลที่ได้รับ แม้แต่ผู้ใหญ่ก็อ่านได้อย่างเพลิดเพลินค่ะ
.
เมื่ออ่านเรื่องนี้แล้วเราจะมีจินตนาการร่วมไปกับจ้อยที่ทั้งตื่นเต้น ตกใจ และเริ่มสงสัยว่าเหล่านักรบพวกนี้มีตัวตนจริงไหม แล้วทำไมลุงเทิดต้องเก็บตัวเพื่อพยายามเขียนหนังสือเรื่องใหม่ให้จบ ชื่อของนักรบแต่ละคนก็สื่อถึงพฤติกรรมด้านลบของมนุษย์ที่เราสัมผัสได้แม้ในตัวเราเองและคนทั่วไป แอดชื่นขมผู้แต่งที่เลือกใช้คำศัพท์ต่างๆ ในภาษาไทยได้อย่างหลากหลายและสร้างสรรค์มาก
.
ดาวกระจายเป็นนามปากกาของคุณขวัญใจ เอมใจ อดีตนักเขียนนิตยสาร "สารคดี" นอกจากเรื่อง "ส้มสีม่วง" แล้วดาวกระจายยังเขียนเรื่อง "เด็กหญิงนางฟ้า" ซึ่งได้รับรางวัลนายอินทร์อวอร์ดสำหรับวรรณกรรมเยาวชนในปีเดียวกัน ผู้เขียนยังใช้นามปากกาว่า "ดวงตะวัน" เพื่อเขียนนวนิยาย ผลงานเล่มแรกคือ 'ภูแสนดาว' ก็ได้รับรางวัลหนังสือดีเด่นในงานประกวดหนังสือแห่งชาติประจำปี ๒๕๔๕ และตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาก็แต่งนวนิยายอีกจำนวนมากด้วย
.
"ส้มสีม่วง" เหมาะกับผู้อ่านทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่อาจจะเลิกฝันและไม่ปรารถนาการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะสังคมยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงเกือบทุกสิ่ง เราจึงหยุดนิ่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ หากใครยังไม่้เคยวรรณกรรมเรื่องนี้ แอดขอแนะนำอย่างยิ่งค่ะ
หมายเหตุ
- บทความวิจารณ์หนังสือเล่มนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของทีมแอดมินเพจ
- หนังสือนี้มิได้รับแจกเป็นบรรณาการจากสำนักพิมพ์ และเพจมิได้รับค่าตอบแทนในบทวิจารณ์แต่อย่างใด
#อ่านอีกครั้งก็ยังชอบ #ส้มสีม่วง #ดาวกระจาย#แพรวเยาวชน #ขวัญใจเอมใจ #ความสำคัญของจินตนาการ #วรรณกรรมแนวแฟนตาซี #จินตนาการและความฝัน #อย่าหยุดฝัน
การศึกษา
รีวิวหนังสือ
พัฒนาตัวเอง
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย