20 มิ.ย. เวลา 05:30 • ธุรกิจ

“3 ต้นทุนแฝงแปรผกผัน” ที่คนซื้อรถ EV มักมองข้าม

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมากระแสภายในตลาดรถ EV (Electric Vehicle) ภายในประเทศไทยนั้นกำลังได้รับการพูดถึง รวมถึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในปี 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยสนับสนุนหลายประการ อาทิ ราคาของรถยนต์นั่ง EV ที่มีราคาถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปในกลุ่มเดียวกัน
ยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายในการใช้งานและบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า จากปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งไฟฟ้าในปี 2566 เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 75,700 คัน หรือเติบโตกว่า 690% เมื่อเทียบกับปี 2565
1
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาสัดส่วนยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งไฟฟ้าเทียบกับรถยนต์นั่งทั้งหมดในปี 2566 พบว่าอยู่ที่ 11.6% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 18.4% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งนับเป็นสัดส่วนที่สูงมาก โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่ารถยนต์นั่งไฟฟ้ายังไม่ได้มีการทำการตลาดครอบคลุมรถยนต์นั่งในหลายกลุ่ม
กล่าวคือ การเติบโตของตลาดรถยนต์นั่งไฟฟ้าในประเทศไทยแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งมีแนวโน้มให้ความสนใจกับยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ทั้งในแง่ของราคาที่จับต้องได้ ค่าใช้จ่ายในการใช้งาน และประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะปรับตัวและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
เหรียญอีกด้านของรถ EV
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดคือ ต้นทุนพลังงานในการใช้งานที่ต่ำกว่ารถยนต์สันดาปถึง 59-67% อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาต้นทุนการใช้งานรถยนต์อย่างรอบด้านนั้น ยังมีค่าใช้จ่ายแฝงบางประการที่ควรนำมาประกอบการตัดสินใจเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า ที่หากใครก็ตามที่ต้องการจะเป็นเจ้าของรถ EV ควรนำมาพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง
2
โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics มีมุมมองว่าในการพิจารณาการใช้รถยนต์ไฟฟ้านั้น ควรคำนึงถึงต้นทุนผันแปรทางอ้อม และต้นทุนคงที่เฉลี่ยต่อการใช้งานด้วย แม้ว่าความคุ้มค่าของรถยนต์ไฟฟ้าจะเกิดขึ้นในส่วนของต้นทุนพลังงานที่ต่ำกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป แต่ต้นทุนผันแปรทางอ้อมและต้นทุนประกันภัยเฉลี่ยยังคงเป็นปัจจัยที่อาจลดทอนความคุ้มค่าในการใช้งาน
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของเศรษฐศาสตร์ ความคุ้มค่าอาจไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมดที่ใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ผู้บริโภคยังอาจพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น ความชื่นชอบส่วนบุคคล ความสะดวกสบาย การรักษาสิ่งแวดล้อม และภาพลักษณ์ทางสังคม ดังนั้น การตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจึงขึ้นอยู่กับการประเมินคุณค่าของปัจจัยต่างๆ รวมถึงการให้ความสำคัญกับแต่ละปัจจัยของผู้บริโภคแต่ละราย
2
ทั้งนี้ ttb analytics เสนอว่าผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าควรพิจารณาต้นทุนและปัจจัยต่างๆ อย่างรอบด้าน เพื่อประเมินความเหมาะสมและความคุ้มค่าสำหรับตนเองให้ดีที่สุด ก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ประเภทใดประเภทหนึ่ง โดยพิจารณาจากต้นทุนการใช้งานจริงเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปในกลุ่มเซกเมนต์เดียวกัน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม ดังนี้
1
“ต้นทุนแฝงแปรผกผัน” ที่มองไม่เห็นของรถ EV
1
1. ต้นทุนผันแปรทางตรง (ค่าพลังงาน) : รถยนต์ไฟฟ้ามีต้นทุนค่าพลังงานเฉลี่ยอยู่ที่ 0.72-0.95 บาทต่อกิโลเมตร ซึ่งต่ำกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปที่มีต้นทุนอยู่ที่ 1.82-2.72 บาทต่อกิโลเมตร โดยเฉลี่ยแล้วรถยนต์ไฟฟ้าจะมีต้นทุนต่ำกว่า 1.21-1.82 บาทต่อกิโลเมตร แต่ต้นทุนนี้อาจเปลี่ยนแปลงตามราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้า
4
2. ต้นทุนผันแปรทางอ้อม (ค่าสึกหรอยางรถยนต์) : รถยนต์ไฟฟ้ามีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาป 18.9%-36.1% ต้องใช้ยางขนาดใหญ่ขึ้นและมีโฟมดูดซับเสียงเพิ่มเติม ประกอบกับแรงบิดที่สูงกว่าส่งผลให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าราว 20% ดังนั้นต้นทุนยางรถยนต์ไฟฟ้าจึงสูงกว่า 0.30-0.93 บาทต่อกิโลเมตร
6
3. ต้นทุนคงที่ (ภาษีและประกันภัย) : รถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่ม D-Segment เสียภาษีประจำปี 330-380 บาท ขณะที่รถยนต์สันดาป 2,487 ซีซี เสียภาษีถึง 4,848 บาท แต่ต้นทุนนี้จะผันแปรตามระยะทางการใช้งาน เช่น ที่ 10,000 กม./ปี ต้นทุนภาษีอยู่ที่ 0.48 บาท/กม. แต่ที่ 20,000 กม./ปี จะลดเหลือ 0.24 บาท/กม. ส่วนค่าเบี้ยประกันรถไฟฟ้าจะสูงกว่าราว 30% หากวิ่งต่ำกว่า 10,000 กม. ต้นทุนประกันอาจสูงกว่า 1 บาท/กม.
3
หากสรุปให้เข้าใจง่าย ข้อดีที่ไม่อาจปฏิเสธของรถยนต์ไฟฟ้าคือมีต้นทุนค่าพลังงานที่ต่ำกว่ามาก อย่างไรก็ดี รถยนต์ไฟฟ้าเองมีต้นทุนยางรถยนต์ ภาษี และประกันภัยที่สูงกว่า ซึ่งความคุ้มค่าโดยรวมจะขึ้นอยู่กับระยะทางการใช้งานและปัจจัยอื่นๆ ที่ผู้ใช้ให้ความสำคัญ ผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจึงควรพิจารณาอย่างรอบด้านเพื่อประเมินความเหมาะสมและคุ้มค่าสำหรับตนเองให้ดีที่สุด
อย่างไรก็ดี การตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันควรเป็นเรื่องของการพิจารณาส่วนบุคคล โดยคำนึงถึงพฤติกรรมการใช้งาน ความชอบ และความสะดวกที่แตกต่างกันไปของแต่ละบุคคล ซึ่งอาจส่งผลให้การตัดสินใจมีความหลากหลายและไม่เหมือนกัน แม้จะมีข้อมูลความคุ้มค่าทางการเงินเป็นพื้นฐานเดียวกันก็ตาม
1
การวิเคราะห์นี้ชี้ให้เห็นว่า การส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอาจต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากความคุ้มค่าทางการเงิน เช่น การสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้ทั่วถึงและสะดวกยิ่งขึ้น เพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นในอนาคต
ที่มา:
- ttb analytics มองการใช้รถยนต์ไฟฟ้าควรคำนึงถึงต้นทุนผันแปรทางอ้อม และต้นทุนคงที่เฉลี่ยต่อการใช้งาน, ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ, ttbbank - https://bit.ly/3RyeR5g
#trend
#EV
#รถยนต์ไฟฟ้า
#ลงทุน
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
โฆษณา