20 มิ.ย. เวลา 04:11 • ปรัชญา
วัดป่านาบุญ

พระอริยบุคคล หรือ บุคคลที่บรรลุธรรมแล้ว4จำพวก(โสดาบัน,สกิทาคามี,อนาคามี,อรหันต์)มีในศาสนาอื่นไหม?

สำหรับคำถามนี้ จะขอตอบว่า "มี" และ "ไม่มี" ครับ ถามว่าทำไมถึงตอบแบบนี้ ก็ต้องเฉลยก่อนว่า จริงๆแล้วคำตอบที่ถูกที่สุดคือ "ไม่มี" แต่ที่ตอบว่ามีทั้งมีและไม่มีนั่นก็เพราะ มีคนในบางศาสนา นับถือพระเจ้าด้วยว่าเป็นผู้มีเมตตา พาให้เขากระทำความดี แต่พอได้ยินได้ฟังธรรมวินัยก็เห็นคุณค่าและปฏิบัติตามอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ทั้งๆที่ยังนับถือพระเจ้าอยู่แต่วางความนับถือไว้ในกรอบที่ว่า "พระเจ้าเป็นบุคคลที่มีสัมมาทิฏฐิ มีเมตตากรุณา และเป็นเทวดา" ส่วนมรรคมีองค์๘นั้นคือทางพ้นทุกข์ จึงเดินตามเส้นทางนั้น
บุคคลที่มีความประพฤตดังกล่าว แม้จะได้ชื่อว่าเป็นศาสนิกชนอื่น แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือ เป็นผู้เจริญภาวนา เชื่อถือในความจริงที่พระตถาคตทรงค้นพบ เคารพพระตถาคตว่าเป็นครูผู้ประเสริฐ โดยแยกการนับถือพระเป็นเจ้าว่าเป็น "เทวดาผู้ประเสริฐ" และ "มองพระเป็นเจ้าเป็นพลังงานหนึ่งที่ก่อให้เกิดโลกธาตุ" ตีความเนื้อหาในพระคัมภีร์เป็น "อสังขัตตะธัมม์" โดยเข้าใจอย่างถูกต้องว่าพระคัมภีร์อธิบายเรื่องของพระเจ้าไว้ในเชิงปรัชญาให้วิญญูชนนำไปขบคิดตกผลึก เมื่อตกผลึกแล้วดันตรงกันกับพระธรรม
เพราะฉะนั้น ผู้ที่เห็นถูก เห็นธรรมชาติระดับสูงแท้ ต่อให้ยังนับถือในศาสดาและศาสนาอื่น แต่ถ้าน้อมรับสดับพระธรรมและนำไปปฏิบัติ(เช่น สมาธิ และภาวนา) ก็ย่อมบรรลุธรรมได้เพราะวางใจได้ลงล็อกกับหลักธรรมพอดีโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งการจะหาบุคคลในศาสนาอื่นที่เป็นในลักษณะดังที่กล่าวข้างต้น เป็นเรื่องยากยิ่งเหมือนการงมเข็มในบึง แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มี เพราะมีชาวคริสต์ในนิกายต่างๆ บางคนก็เป็นคนรู้จักของผู้เขียน โดยเฉพาะชาวโปรแตสแตนท์บางกลุ่ม ก็รับหลักการภาวนาเจริญสติไปใช้ จนในที่สุดก็ตีความในเรื่องของ ดินแดนของพระเจ้า ได้ถูกต้องว่าเป็นเพียงภพภูมิหนึ่งในทิพยโลกเท่านั้น แต่เป็นดินแดนที่มีอายุยาวนานเป็นล้านปีมนุษย์ จึงมีการตีความว่าเปรียบเสมือนดินแดนอมตะนิรันดรนั่นเอง
ดังนั้น ถ้าถามว่า มีความเป็นไปได้ไหมที่จะมีพระอริยบุคคล หรือบุคคลที่บรรลุธรรมแล้ว4จำพวก(โสดาบัน,สกิทาคามี,อนาคามี,อรหันต์)อยู่ในศาสนาอื่นบ้างไหม? ครับ คำตอบแบบมีเงื่อนไข คือ "มี" แต่ คำตอบแบบไม่มีเงื่อนไขคือ "ไม่มี"ครับ
ดังจะเห็นได้จากเนื้อความเรื่อง "ปัจฉิมสักขิสาวกสูตร" ใน "พระธัมมปิฎก" ของคัมภีร์พระไตรปิฎก มีหลักฐานที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้กับ "พระสุภทท" ซึ่งมีใจความดังนี้ครับ
สุภัททะ ปัจฉิมสิกขิสาวก (พระสงฆ์สาวกผู้ทันเห็นพระพุทธเจ้าองค์เป็นๆ เป็นรูปสุดท้าย) ของพระพุทธเจ้า เรียกสั้นๆ ว่า ปัจฉิมสาวก
เดิมเป็นพราหมณ์ตระกูลใหญ่ ต่อมาออกบวชเป็นปริพาชก อยู่ในเมืองกุสินารา ในวันที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน
สุภัททปริพาชกได้ยินข่าวแล้ว คิดว่าตนมีข้อสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง อยากจะขอให้พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเพื่อแก้ข้อสงสัยนั้นเสียก่อนที่จะปรินิพพาน จึงเดินทางไปยังสาลวัน ตรงไปหาพระอานนท์ แจ้งความประสงค์ขอเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา พระอานนท์ได้ห้ามไว้ เพราะเกรงว่าพระองค์เหน็ดเหนื่อยอยู่แล้ว จะเป็นการรบกวนให้ทรงลำบาก สุภัททปริพาชกก็คะยั้นคะยอจะขอเข้าเฝ้าให้ได้
พระอานนท์ก็ยืนกรานห้ามอยู่ถึง ๓ วาระ จนพระผู้มีพระภาคทรงได้ยินเสียงโต้ตอบกันนั้น จึงตรัสสั่งพระอานนท์ว่า สุภัททะมุ่งหาความรู้ มิใช่ประสงค์จะเบียดเบียนพระองค์ ขอให้ปล่อยให้เขาเข้าเฝ้าเถิด สุภัททปริพาชกเข้าเฝ้าแล้ว ทูลถามว่า สมณพราหมณ์เจ้าลัทธิที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย คือ เหล่าครูทั้ง ๖ นั้น ล้วนได้ตรัสรู้จริงทั้งหมดตามที่ตนปฏิญญา หรือได้ตรัสรู้เพียงบางท่านหรือไม่มีใครตรัสรู้จริงเลย
พระพุทธเจ้าทรงห้ามเสียและตรัสว่าจะทรงแสดงธรรม คือ หลักการหรือหลักความจริงให้ฟัง แล้วตรัสว่า
อริยมรรคมีองค์ ๘ หาไม่ได้ในธรรมวินัยใด สมณะ (คืออริยบุคคลทั้ง ๔) ก็หาไม่ได้ในธรรมวินัยนั้น
อริยมรรคมีองค์ ๘ หาได้ในธรรมวินัยใด สมณะก็หาได้ในธรรมวินัยนั้น
อริยมรรคมีองค์ ๘ หาได้ในธรรมวินัยนี้ สมณะทั้ง ๔ จึงมีในธรรมวินัยนี้
ลัทธิอื่นๆ ว่างจากสมณะ
และตรัสสรุปว่า
ถ้าภิกษุทั้งหลายเป็นอยู่โดยชอบ โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย
เมื่อจบพระธรรมเทศนา สุภัททปริพาชกเลื่อมใสทูลขอบรรพชาอุปสมบท
พระพุทธเจ้าตรัสสั่งพระอานนท์ให้บวชสุภัททะในสำนักของพระองค์ โดยประทานพุทธานุญาตพิเศษให้ยกเว้นไม่ต้องอยู่ติตถิยปริวาส
ท่านสุภัททะบวชแล้วไม่นาน (อรรถกถาว่าในวันนั้นเอง) ก็ได้บรรลุอรหัตตผล
นับเป็นพุทธปัจฉิมสักขิสาวก
เห็นข้อความด้านล่างนี้ไหมครับ นี่คือหลักฐานที่บอกว่าไม่มีพระอริยะนอกศาสนาพุทธครับ
"อริยมรรคมีองค์ ๘ หาไม่ได้ในธรรมวินัยใด สมณะ (คืออริยบุคคลทั้ง ๔) ก็หาไม่ได้ในธรรมวินัยนั้น
อริยมรรคมีองค์ ๘ หาได้ในธรรมวินัยใด สมณะก็หาได้ในธรรมวินัยนั้น
อริยมรรคมีองค์ ๘ หาได้ในธรรมวินัยนี้ สมณะทั้ง ๔ จึงมีในธรรมวินัยนี้ ลัทธิอื่นๆ ว่างจากสมณะ"
และตรัสสรุปว่า
"ถ้าภิกษุทั้งหลายเป็นอยู่โดยชอบ โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย"
คำว่า "ธรรมวินัย" ก็คือคำเรียกศาสนาพุทธในเวลานั้น
{บทความนี้เรียบเรียงโดย แอดอันโดรเมดา แห่งเพจเฟ๊ซบุ๊ค ธรรมะแฟนตาซี}
โฆษณา