สมัยคุณอาเรียนมัธยม เอาซักราวปี'37 ราคาก๋วยเตี๋ยวต่อชาม 20 บาท ทองคำก็ตกบาทละไม่เกิน 5,000 บาท แต่ตอนนี้ปี'67 เวลาผ่านไป 30 ปี ราคาทองคำตกบาทละประมาณ 40,000 บาท และก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม ราคาประมาณ 50 บาท? ถ้าคุณแม่หนูซื้อทองคำแท่งเก็บไว้ตั้งแต่ปี'37 คุณแม่เอาออกมาขายตอนนี้ ก็จะได้กำไรส่วนต่างถึง 35,000 หนูลองตอบคุณอาได้ไหมคะ ว่าคุณแม่รับกำไรไปกี่เปอร์เซ็นต์? แล้วหนูก็ลองคำนวณกลับไปแบบถัวเฉลี่ย 30 ปีว่า คุณแม่ได้กำไรเฉลี่ยปีละกี่เปอร์เซ็นต์? ทั้งหมดนี้คือเศรษฐกิจค่ะ
จากการเล่าประวัติศาสตร์ชาวบ้านธรรมดาให้หนูได้ทราบ และลองตอบคำถามคุณอา หนูก็จะเห็นได้ว่า หากเราผูกค่าเงินไว้กับราคาทองคำ/ก๋วยเตี๋ยว มันย่อมบอกเป็นนัยได้ 2 อย่าง คือ "เงินอ่อนค่าลง" เพราะต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อจะซื้อทองคำ/ก๋วยเตี๋ยว หรือไม่ก็ "ราคาทองคำ/ราคาก๋วยเตี๋ยวแพงขึ้น" ทำให้เราต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อจะซื้อทองคำ/ก๋วยเตี๋ยว เฉพาะส่วนนี้เราเรียกกันว่า "เงินเฟ้อ/เงินฝืด" ทั้้งหมดนี้คือเศรษฐกิจ
สังเกตว่า เราจำเป็นต้องเอาเงินไปผูกหรือยึดโยงไว้กับอะไรสักอย่าง เพื่อจะได้เป็นดัชนีเทียบให้เรารู้ว่า เราจะใช้ชีวิตกันลำบากมากน้อยขนาดไหนในอนาคต เราต้องวางแผนและสำรองเงินให้พอใช้ในอนาคตมากเท่าใด ทั้งหมดนี้คือเศรษฐกิจ
แต่จากคำถามที่หนูตั้งกระทู้ไว้ว่า "ค่าเงินอ่อนสูง ขึ้นอยู๋กับปัจจัยอะไร " หนูไม่ได้ถามเฉพาะอ่อน หนูยังถามสูงด้วย ดังนั้น เราก็ใช้หลักการเดียวกันกับข้างต้น ในการค่อยๆทำความเข้าใจคือ หากเงินจะอ่อน (อ่อนค่า) หรือเงินจะสูง (แข็งค่า) แสดงว่าเราเอาเงินไปผูกหรือยึดโยงกับอะไรสักอย่างเข้าล่ะสิ! และสิ่งนี้ก็คือ ปฐมบทของคำว่า "อัตราแลกเปลี่ยน" ค่ะ เรื่องนี้ก็คือเศรษฐกิจที่จะยิ่งซับซ้อน ปวดหัวเพิ่มขึ้นอีกค่ะ
หนูคงต้องขึ้นกระทู้เรื่องอัตราแลกเปลี่ยน
เพราะเรื่องราว จะมันส์หยดกว่านี้เยอะค่ะ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
