Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
BallFessor
•
ติดตาม
20 มิ.ย. เวลา 13:10 • กีฬา
ย้อนรอยผลงานในอดีตของ 10 ตัวเต็งแชมป์ฟุตบอลยูโร EP.5 ทีมชาติอิตาลี่
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ฟุตบอลยูโร 2024 ในคืนนี้มีคู่บิ๊กแมตช์ระหว่าง ทีมแชมป์เก่า ทีมชาตอิตาลี่ เจอกับ ทีมแชมป์ยูโรมากที่สุด ทีมชาติสเปน ซึ่งในแมตช์แรกพวกเขาเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ทั้งคู่ สเปนเอาชนะโครเอเชียไปขาดลอย 3-0 ส่วนอิตาลี่แม้จะโดนยิงนำก่อนแต่พลิกกลับมาชนะแอลเบเนียได้ 2-1 ในคืนนี้ถ้าทีมหนึ่งทีมใดชนะแทบจะการันตีการเข้ารอบต่อไปแบบ 100% ก็ว่าได้ โดยที่ทั้ง 2 ชาตินี้ได้ฟาดแข้งกันเองมาติดต่อกันถึง 5 ยูโรแล้ว นับตั้งแต่ยูโร 2008
อิตาลี่เปิดตัวด้วยจากเอาชนะแอลเบเนีย 2-1
ในซีรีส์ย้อนรอยผลงานในอดีตของ 10 ตัวเต็งแชมป์ฟุตบอลยูโรของพวกเรา ในตอนที่ 5 นี้เราเลยจะพามาย้อนรอยมาดูผลงานของทัพอัซซูรี่ อิตาลี่ ทีมแชมป์เก่าของการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งนี้กันครับ
ทีมชาติอิตาลี่เป็นทีมที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้มากที่สุดของทวีปยุโรป อิตาลี่คว้าแชมป์โลกได้ทั้งหมด 4 สมัยเท่ากับเยอรมนี นอกจากนี้พวกเขายังได้แชมป์ฟุตบอลยูโรอีก 2 สมัย รวมถึงเป็นแชมป์เก่าในฟุตบอลยูโรครั้งที่ผ่านมา โดยในฟุตบอลยูโร 2024 นี้ อิตาลี่อยู่ในกลุ่มที่หลายคนเห็นตรงกันว่าเป็น Group Of Death โดยเพื่อนร่วมกลุ่มคือ โครเอเชีย สเปน และแอลเบเนีย ซึ่งทัพอัซซูรี่แชมป์เก่าถูกจัดให้เป็นเต็ง 6 ของรายการอยู่
วันนี้เราจะพามาดูผลงานจากการแข่งขันฟุตบอลยูโรทั้ง 16 ครั้งที่ผ่านมาของอิตาลี่กันนะครับ
(หมายเหตุ สาเหตุที่ช่วงปี 1960 - 1976 ชาติใหญ่หลายชาติไม่ผ่านการคัดเลือก เนื่องจากฟุตบอลยูโร 1960 - 1976 รอบสุดท้าย จะแข่งขันกันเพียงแค่ 4 ทีม)
ยูโร 1960 ไม่ได้เข้าร่วม
ยูโร 1964 ไม่ผ่านการคัดเลือก
ยูโร 1968 เป็นการผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลยูโรรอบสุดท้ายครั้งแรกของทัพอัซซูรี่ โดยพวกเขาเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ รอบรองชนะเลิศพวกเขาเจอกับสหภาพโซเวียตแชมป์เก่าฟุตบอลยูโร 1960โดยในเวลา 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษทั้ง 2 ทีมยังทำประตูกันไม่ได้ ในขณะนั้นยังไม่มีการดวลจุดโทษตัดสิน จึงต้องโยนเหรียญหาผู้ชนะและเป็นอิตาลี่ที่เป็นฝ่ายชนะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับยูโกสลาเวีย
ในรอบชิงชนะเลิศระหว่างอิตาลี่และยูโกสลาเวีย ในแมตช์แรกทั้ง 2 ทีมเสมอกัน 1-1 จึงต้องทำการรีแมตช์ใหม่ โดยที่อิตาลี่เป็นฝ่ายเอาชนะไป 2-0 จากการทำประตูของ ลุยจิ ริว่า และ ปิเอโตร อนาสตาซี คว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรสมัยแรกมาครอบครองได้สำเร็จ
อิตาลี่กับแชมป์ฟุตบอลยูโร 1968
ยูโร 1972-1976 ไม่ผ่านการคัดเลือก
ยูโร 1980 หลังจากที่ไม่ผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโรถึง 2 ครั้งติด โดยในครั้งนี้อิตาลี่อยู่กลุ่มเดียวกับสเปน อังกฤษ และเบลเยี่ยม ในแมตช์แรกพวกเขาเสมอกับสเปน 0-0 ก่อนที่จะเฉือนชนะอังกฤษ 1-0 และเสมอเบลเยี่ยม 0-0 ในแมตช์สุดท้าย น่าเสียดายที่พวกเขาจบด้วยอันดับ 2 ของกลุ่ม 1 โดยที่อิตาลี่มีแต้มเท่ากับเบลเยี่ยมแต่ลูกได้เสียแย่กว่า อิตาลี่จึงต้องไปเข้าชิงที่ 3 กับเชโกสโลวาเกียที่เป็นอันดับของกลุ่ม 1 ซึ่งพวกเขาแพ้การดวลจุดโทษต่อเชโกสโลวาเกียหลังจากที่เสมอกันในเวลา 1-1 จบรายการด้วยการเป็นอันดับที่ 4
ยูโร 1984 ไม่ผ่านการคัดเลือก
ยูโร 1988 หลังจากที่ตกรอบคัดเลือกในยูโร 1984 ในครั้งนี้อิตาลี่ต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกับ เยอรมันตะวันตก สเปน และเดนมาร์ก ในแมตช์แรกอิตาลี่เสมอกับเยอรมันตะวันตก 1-1 ก่อนที่จะเฉือนชนะสเปน 1-0 ในแมตช์ถัดมา และเอาชนะเดนมาร์ก 2-0 ในแมตช์สุดท้าย อิตาลี่เข้ารอบรอบด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มไปพบกับสหภาพโซเวียต แต่ทว่าทัพอัซซูรี่ต้านทานทัพหมีขาวไม่ไหว อิตาลี่แพ้โซเวียตไป 0-2 จบรายการที่รอบรองชนะเลิศ
อิตาลี่เจอกับสหภาพโซเวียต
ยูโร 1992 ไม่ผ่านการคัดเลือก
ยูโร 1996 แม้ว่าอิตาลี่จะตกรอบคัดเลือกยูโร 1992 แต่พวกเขาทำผลงานได้ดีในฟุตบอลโลกพวกเขาได้เข้าชิงฟุตบอลโลก 1994 อิตาลี่อยู่กลุ่มเดียวกับ รัสเซีย เช็ก และเยอรมนี ในแมตช์แรกทัพอัซซูรี่เฉือนชนะรัสเซียไป 2-1 ก่อนที่จะมาแพ้เช็ก 1-2 และเสมอเยอรมนีไร้สกอร์ในแมตช์สุดท้าย 0-0 แม้ว่าอิตาลี่จะเก็บได้ 4 แต้มเท่าเช็ก แต่ทว่า Head to Head พวกเขาแพ้เช็กไป 1-2 ทำให้ทีมอัซซูรี่ตกรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม ตกรอบอย่างน่าเสียดาย
ยูโร 2000 อิตาลี่อยู่กลุ่มเดียวกับตุรกี เบลเยี่ยม และสวีเดน ในแมตช์แรกอิตาลี่เอาชนะตุรกีไป 2-1 ก่อนที่จะชนะเจ้าภาพ เบลเยี่ยม 2-0 ในแมตช์ถัดมา และเอาชนะสวีเดน 2-1 ในแมตช์สุดท้าย อิตาลี่ฟอร์มสวยหรูในรอบแบ่งกลุ่ม เก็บได้ 9 แต้มเต็มเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ผ่านเข้ารอบก่อนรองไปพบกับทีมผีดิบ โรมาเนีย ก่อนอิตาลี่จะเอาชนะไปได้ 2-0 จากการทำประตูของ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ และ ฟิลิปโป้ อินซากี้
หลังจากนั้น อิตาลี่มาพบกับ เนเธอร์แลนด์ เจ้าภาพร่วมในรอบรอง และเป็นอิตาลี่ที่เอาชนะการดวลจุดโทษ หลังจากที่เสมอกันไร้สกอร์ในเวลาปกติ ผ่านเข้ารอบชิงไปพบกับ ฝรั่งเศส แชมป์ฟุตบอลโลก 1998 ที่เคยเขี่ยพวกเขาตกรอบทีมก่อนคว้าแชมป์โลก 1998 มาครอง โดยในแมตช์นี้อิตาลี่เป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 1-0 จาก มาร์โก เดลเวคคิโอ แต่พวกเขาถูกฝรั่งเศสมาตีเสมอในช่วงทดเจ็บครึ่งหลังจากซิลแว็ง วิลตอร์ เกมจบในเวลา 90 นาทีเสมอกันที่ 1-1
และเป็นฝรั่งเศสที่มาได้ประตูชัย 2-1 เป็นประตู Golden Goal จาก ดาวิด เทรเซเกต์ ทีมตราไก่ย้ำแค้นทีมอัซซูรี่สำเร็จ อิตาลี่ต้องจบรายการยูโร 2000 ด้วยการเป็นรองแชมป์
อิตาลี่หลังจากการดวลจุดโทษเอาชนะเนเธอร์แลนด์ในรอบรอง
ยูโร 2004 ทัพอัซซูรี่อยู่กลุ่มเดียวกับเดนมาร์ก สวีเดน และบัลแกเรีย ในแมตช์แรกพวกเขาเสมอกับเดนมาร์กแบบไร้สกอร์ และเสมอกับสวีเดน 1-1 ในแมตช์ถัดมา และเฉือนชนะบัลแกเรีย 2-1 ในแมตช์สุดท้าย แม้อิตาลี่จะไม่แพ้ใครเลย แต่ทว่าทั้ง 3 ทีมอิตาลี, เดนมาร์ก และสวีเดน เก็บได้ 5 แต้มเท่ากันแต่อิตาลี่มีประตูได้เสียเพียง +1 ซึ่งแย่ที่สุดใน 3 ทีม ทำให้พวกเขาจบอันดับ 3 ของกลุ่มตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
ยูโร 2008 หลังจากที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ในยูโรครั้งนี้พวกเขาเจอศึกหนักมาอยู่กลุ่มที่แฟนบอลเรียกว่าเป็น Group Of Death ของยูโรครั้งนี้ ทัพอัซซูรี่อยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับ โรมาเนีย เนเธอร์แลนด์ และ ฝรั่งเศส ในแมตช์แรกพวกเขาแพ้เนเธอร์ไปขาดลอย 0-3 ก่อนที่จะเสมอโรมาเนีย 1-1 ในแมตช์ถัดมา ในแมตช์สุดท้ายพวกเขาต้องเจอทีมคู่ชิงฟุตบอลโลก 2006 ของพวกเขา ซึ่งอิตาลี่เป็นผู้ย้ำแค้นเอาชนะไป 2-0 ทีมอัซซูรี่เก็บได้ 4 แต้มเข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม พบกับสเปนทีมเต็ง 1 ของรายการในรอบก่อนรอง
ในรอบก่อนรองระหว่างอิตาลี่และสเปน ในเวลา 90 นาทีและช่วงต่อเวลาพิเศษทั้งคู่ทำอะไรกันไม่ได้ ต้องมาดวลจุดโทษ ซึ่งเป็นทีมกระทิงดุที่เป็นฝ่ายเอาชนะการดวลจุดโทษทีมอัซซูรี่ไป ทำให้อิตาลี่จบรายการยูโร 2008 ที่รอบก่อนรอง
ยูโร 2012 หลังจากที่ตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2010 ไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ในยูโรครั้งนี้ อิตาลี่ อยู่ร่วมกลุ่มกับสเปน โครเอเชีย และไอร์แลนด์ ในแมตช์แรกพวกเขาเสมอกับแชมป์เก่าสเปนไป 1-1 ก่อนที่จะเสมอกับโครเอเชีย 1-1 ในแมตช์ถัดมา และเอาชนะไอร์แลนด์ 2-0 ในแมตช์สุดท้าย อิตาลี่เก็บได้ 5 แต้ม ผ่านเข้ารอบด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม
ในรอบก่อนรองพวกเขาต้องมาเจอกับอังกฤษ โดยเกมในเวลา 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ ทั้งคู่เสมอกันแบบไร้สกอร์ก่อนที่ ก่อนที่ทีมอัซซูรี่จะเป็นฝ่ายดวลจุดโทษเอาชนะไป อิตาลี่ผ่านเข้ารอบรองมาพบกับเยอรมนี โดยทีมอัซซูรี่เอาชนะทีมอินทรีเหล็กไป 2-1 จากการเหมา 2 ประตู ของมาริโอ บาโลเตลลี่ ผ่านเข้าไปชิงแชมป์กับสเปน อดีตเพื่อนร่วมกลุ่มในยูโรครั้งนี้ แต่ทว่าพวกเขาต้านทานทีมชาติสเปนยุคครองโลกลูกหนังไม่ไหว พ่ายแพ้ไปขาดลอยถึง 0-4 จบรายการด้วยการเป็นรองแชมป์
ทีมชาติอิตาลี่ชุดรองแชมป์ฟุตบอลยูโร 2012
ยูโร 2016 ทัพอัซซูรี่อยู่กลุ่มเดียวกับเบลเยี่ยม สวีเดน และไอร์แลนด์ ในแมตช์แรกพวกเขาเอาชนะเบลเยี่ยม หนึ่งในทีมเต็งยูโรครั้งนี้ไป 2-0 ก่อนที่จะเอาชนะสวีเดน 1-0 ในแมตช์ถัดมา แต่มาพลิกล็อคพ่ายไอร์แลนด์ 0-1 ในแมตช์สุดท้าย แต่ไม่เป็นไรเพราะอิตาลี่เก็บได้ 6 แต้ม ยังผ่านเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม
อิตาลี่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมไปพบกับสเปนทีมที่ไล่ถล่มพวกเขาไปในนัดชิงยูโร 2012 ก่อนที่พวกเขาจะแก้แค้นสำเร็จทัพอัซซูรี่เอาชนะทัพกระทิงดุไป 2-0 ผ่านเข้ารอบก่อนรองไปพบกับเยอรมนี เกมในเวลา 90 นาทีทั้งคู่เสมอกับ 1-1 และในช่วงต่อเวลาพิเศษทั้งคู่ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ ต้องมาดวลจุดโทษก่อนที่จะเป็นฝ่ายเยอรมนีเอาชนะการดวลจุดโทษไป อิตาลี่จบเส้นทางที่รอบก่อนรอง
ยูโร 2020 หลังจากที่ตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 ไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ในสายตาแฟนบอลหลายคน สถานะอิตาลี่ในยูโรครั้งนี้พวกเขาไม่ใช่ทีมเต็ง โดยในยูโร 2020 ที่มาเตะปี 2021 นี้ อิตาลี่เป็นหนึ่งในเจ้าภาพร่วม โดยอิตาลี่เป็นเจ้าภาพของรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาอยู่กลุ่มเดียวกับ ตุรกี สวิตเซอร์แลนด์ และเวลส์ ในแมตช์แรกพวกเขาชนะตุรกีไปขาดลอย 3-0 ก่อนที่จะชนะสวิสด้วยสกอร์เดิมในแมตช์ถัดมา และเฉือนชนะเวลส์ 1-0 ในแมตช์สุดท้าย อิตาลี่เก็บได้ 9 แต้มเต็ม และไม่เสียประตูเลยผ่านเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม
จากเดิมไม่ใช่ทีมเต็งแชมป์ของยูโร 2020 แต่ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มนั้นทำให้หลายคนมองพวกเขากลายเป็นหนึ่งในทีมเต็งอย่างเต็มตัว
ในรอบ 16 ทีม พวกเขาต้องมาเจอกับออสเตรีย โดยเกมในเวลา 90 นาทีเสมอกัน 0-0 ต้องมาต่อเวลาพิเศษ ก่อนที่อิตาลี่จะเป็นฝ่ายชนะไป 2-1 จากเฟเดริโก้ เคียซ่า และ มัตเตโอ เปสซิน่า อิตาลี่ผ่านเข้ารอบก่อนรองไปพบกับเบลเยี่ยม ซี่งทัพอัซซูรี่เฉือนเอาชนะไป 2-1 จากนิโคโล่ บาเรลล่า และ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ อิตาลี่ผ่านเข้ารอบรองไปพบกับสเปน และนี่เป็นการพบกับ 4 ยูโรติดต่อกันของทั้งคู่ อิตาลี่ออกนำไปก่อน 1-0 จาก เฟเดริโก้ เคียซ่า ก่อนที่สเปนจะมาตีเสมอ 1-1 ได้จาก อัลบาโร่ โมราต้า
เกมในเวลาที่เหลือและช่วงต่อเวลาพิเศษก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ต้องมาดวลจุดโทษ และเป็นทีมอัซซูรี่ที่เอาชนะการดวลจุดโทษไป
จานลุยจิ ดอนนารุมม่า นักเตะยอดเยี่ยมฟุตบอลยูโร 2020
อิตาลีผ่านเข้าไปชิงแชมป์กับอังกฤษ ในแมตช์นี้อังกฤษยังกุมความได้เปรียบเนื่องจากนัดชิงจัดขึ้นที่เวมบลี่ย์ สนามเหย้าของพวกเขา ในแมตช์อังกฤษขึ้นนำอย่างรวดเร็วไปก่อนก่อนลุค ชอว์ ก่อนที่อิตาลี่จะตีเสมอ 1-1 ได้จากเลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ เกมในเวลา 90 นาที จบที่ 1-1 และช่วงต่อเวลาพิเศษทั้งคู่ทำประตูเพิ่มไม่ได้ เกมยื้อไปถึงการดวลจุดโทษ และก็เป็นทัพอัซซูรี่ที่เอาชนะการดวลจุดโทษทัพสิงโตคำรามไป อิตาลี่คว้าแชมป์ยูโรสมัยที่ 2 มาครองได้สำเร็จ สิ้นสุดการรอคอยยาวนาน 53 ปี
อิตาลี่คว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ
แน่นอนว่าในค่ำคืนนี้สายตาทุกคู่ของแฟนบอลน่าจะจับจ้องไปที่การพบกันของอิตาลี่ และ สเปน อย่างแน่นอน โดยในยูโร 4 ครั้งก่อนหนัาที่พบกัน สเปนเอาชนะไปในยูโร 2008 และ 2012 ส่วนอิตาลี่เอาชนะไปในยูโร 2016 และ 2020 ซี่งถ้าหากในคืนนี้ทีมใดสามารถเก็บชัยชนะได้แทบจะการันตีการเข้ารอบต่อไป เราต้องมาลุ้นว่าคืนนี้อิตาลี่จะชนะสเปนได้หรือไม่ แล้วทัพอัซซูรี่จะป้องกันแชมป์ฟุตบอลยูโรเอาไว้ได้หรือไม่ ต้องมาลุ้นกันครับ
เฟเดริโก้ เคียซ่า Man Of The Match นัดพบแอลเบเนีย
ขอบคุณรูปภาพ Photo Credit
Official Facebook Page UEFA Euro 2024
Official Facebook Page Nazionale Italiana di Calcio
Official Website
UEFA.Com
ข่าวรอบโลก
ฟุตบอล
ข่าวฟุตบอล
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ย้อนรอยผลงานในอดีต 10 ทีมเต็งแชมป์ฟุตบอลยูโร 2024
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย