20 มิ.ย. เวลา 14:00 • นิยาย เรื่องสั้น

กรุ่นกลิ่นดอกไม้ ตอนที่ 51

"เมื่อไหร่คุณแม่กับน้องสาวนายจะพากันมาที่นี่อีก?"
หมอนพรัตน์ถามหมอพิธานระหว่างที่นั่งอยู่ในห้องพักแพทย์ หลังจากที่ตรวจเยี่ยมคนไข้ช่วงบ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว
"ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนี้ยัยพิมเขางานยุ่งมาก"
ตั้งแต่กลับไปครั้งก่อนพิมลก็ไม่มีเวลาว่างยาวพอที่จะปลีกตัวมาที่นี่ได้เลย เพราะว่าเธอติดงานต้องเข้าร่วมประชุมร่วมเดินทางไปทำคดีความที่ต่างจังหวัดกับทีมงานอยู่บ่อย ๆ
"หลายเดือนแล้วนะที่คุณแม่กับน้องพิมไม่ได้มาที่นี่" หมอนพรัตน์พึมพำ
"ใช่ ตอนนี้ยัยพิมต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย  เขาคงเหนื่อย และคงหาวันหยุดยาว ๆ ไม่ได้"
"อืม เรานัดกันไว้ว่าจะไปดูดอกไม้ช่วงหน้าหนาวด้วยกัน" หมอนพรัตน์พึมพำพร้อมกับทำหน้าเศร้า เขาคิดถึงพิมลอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยความเกรงใจไม่กล้าที่จะโทรไปหา กลัวว่าจะเป็นการไปรบกวนการทำงานของเธอเข้า
ช่วงหน้าฝนปีก่อนพิมลได้นัดหมายกับหมอนพรัตน์เอาไว้ว่าจะไปดูดอกเทียนนกแก้วด้วยกัน แต่เพราะเธอติดคดีความสำคัญอยู่หลายคดีจึงทำให้ไม่สามารถเดินทางมาที่นี่ได้
"คงต้องเป็นหน้าหนาวปีนี้แล้วล่ะ" หมอพิธานพูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไร เพราะตอนนี้พิมลได้กลายเป็นทนายความที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เนื่องจากเธอได้เข้าร่วมทำคดีฉ้อโกงแชร์ลูกโซ่ที่เกี่ยวข้องกับเหล่าดารานักร้องคนในแวดวงบันเทิงจนต้องออกสื่อสาธารณะอยู่บ่อย ๆ และดูเหมือนว่าจะมีอีกหลายคดีที่ต้องการให้สำนักงานกฎหมายที่เธอทำงานอยู่รับทำคดีให้
“อืม” หมอนพรัตน์รับคำ
“คิดถึงก็โทรไปคุยซี” หมอพิธานเปิดทาง
“ฉันไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของเขา” หมอนพรัตน์บอกกับหมอพิธานด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ช่วงหลังมานี้เขารู้สึกเหงา รู้สึกว้าเหว่มากกว่าปกติที่เคยเป็น ตั้งแต่ได้มารู้จักกับแม่และน้องสาวของหมอพิธาน หมอนพรัตน์ก็รู้สึกว่าตนเองมีญาติ มีครอบครัวไม่ต่างกับตอนที่คุณแม่กับคุณย่าของเขายังอยู่ ทุกครั้งที่แม่กับน้องสาวของหมอพิธานกลับกรุงเทพฯ หมอนพรัตน์ก็จะตั้งหน้าตั้งตารอวันที่พวกเขาจะมาที่นี่อีก ในความรู้สึกลึก ๆ ของหมอนพรัตน์เขาคิดว่าตนเองคือหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของหมอพิธานไปแล้วด้วย
“คิดถึงนายก็โทรไปคุย” หมอพิธานเดินเข้ามาตบไหล่ของหมอนพรัตน์เบา ๆ ก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งดูชาร์จคนไข้ที่โต๊ะ
“อืม เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะลองโทรไป” หมอนพรัตน์ตอบรับพร้อมกับก้มดูชาร์จคนไข้ในมือ
……….
“ขอบใจมากนะไพลิน วิสาด้วย ไว้คราวหน้าฉันให้นิดาโทรไปบอกนะ”
“ค่ะคุณกอล”
“ค่ะคุณกอล ขอบคุณมากนะคะ”
จัดเก็บข้าวของเสร็จสรรพหญิงสาวเจ้าของผลิตภัณฑ์กับพนักงานของเธอก็แยกย้ายกันกลับ โดยมีพลคนขับรถของพ่อเลี้ยงอนันต์กับสุชลมาช่วยขนย้ายข้าวของ
“ผมกับสุชลขับล่วงหน้าไปก่อนนะครับคุณกอล”
“ค่ะน้าพล เดี๋ยวกอลกับนิดาตามไปค่ะ”
ตอบรับคนขับรถคุณพ่อของเธอแล้วหญิงสาวกับนิดาก็พากันขึ้นรถเพื่อกลับไปที่นัสรินฟลาวเวอร์ฟาร์ม
“เหนื่อยมากไหมนิดา?” หญิงสาวถามพนักงานของเธอด้วยความห่วงใย
“ค่ะคุณกอล ครั้งนี้หนูยอมรับเลยค่ะว่าเหนื่อย” นิดาตอบไปตามความเป็นจริง
งานแสดงสินค้าครั้งนี้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์แบรนด์นัสรินขายดีมาก ลูกค้าล้นบูธทุกวัน ทำเอาจนพนักงานแทบจะไม่ได้พักกันเลย
“พรุ่งนี้นิดาหยุดพักก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณกอล หนูนัดกับลูกเพจเอาไว้ว่าจะไลฟ์สดพรุ่งนี้ตอนบ่ายค่ะ”
“งั้นเหรอ นิดาจะไหวเหรอ?”
“ไหวค่ะคุณกอล”
นิดารีบตอบทันทีทันใด เพราะเธอต้องการทำยอดขายให้ทะลุเป้าหมายที่หญิงสาวเจ้าของผลิตภัณฑ์ได้ตั้งเอาไว้ให้
“โอเค ไหวก็ไหว” เจ้าของผลิตภัณฑ์กับนักขายออนไลน์มืออาชีพพากันคุยระหว่างที่เดินทาง
……….
“ใครโทรมาตอนสี่ทุ่ม?” พิมลที่กำลังนั่งดูเอกสารอยู่ที่โต๊ะทํางานพึมพำก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาดู
“คุณหมอนพรัตน์ เอ๊ะ คุณหมอโทรมาทำไมตอนนี้ เกิดอะไรขึ้น พี่พิธเป็นอะไรหรือเปล่า!?” หญิงสาวรู้สึกใจคอไม่ดีรีบวางปากกาที่อยู่ในมือ ก่อนที่จะสื่อสารออกไป
"สวัสดีค่ะคุณหมอ เกิดอะไรขึ้นกับพี่พิธหรือเปล่าคะ!?" เธอถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เริ่มมีความวิตกกังวล เพราะร้อยวันพันปีหมอนพรัตน์ไม่เคยโทรหาเธอ
"เปล่าครับน้องพิม หมอพิธไม่ได้เป็นอะไรครับ เอ่อ เอ่อ เอ่อ..." หมอนพรัตน์อ้อยอิงร่ำไรอยู่นานสองนานก่อนที่จะพูดต่อ "พี่เห็นว่าน้องพิมกับคุณแม่เงียบหายไปนานก็เลยจะโทรถามไถ่ดูครับว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง”
“งั้นเหรอคะ? จู่ ๆ คุณหมอก็โทรมาตอนสี่ทุ่ม ทำให้พิมตกใจแทบแย่”
“พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้ว่าน้องพิมว่างตอนไหน แต่พี่คิดว่าน้องพิมคงยังไม่นอนตอนนี้ก็เลยลองโทรมาดูครับ”
“ค่ะ พิมยังนั่งทำงานอยู่ ช่วงนี้งานพิมยุ่งมากค่ะคุณหมอ ต้องนั่งดูสำนวนจนดึกดื่นเที่ยงคืนเป็นประจำค่ะ”
“เหรอครับ งั้นพี่ไม่รบกวนแล้วนะ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ” หมอนพรัตน์รีบพูดแล้วก็รีบกดตัดสาย
“อะไรของคุณหมอ โทรมาทำไม? ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรก็ตัดสายไปละ” พิมลพึมพำก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาดูเอกสารต่อ
……….
“พรุ่งนี้เจอกันนะนิดา”
“ค่ะคุณกอล คุณกอลขับรถดี ๆ นะคะ”
ส่งนิดาที่บ้านของเขาเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็รีบบึ่งรถกลับมาที่นัสรินฟลาวเวอร์ฟาร์ม
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่” หญิงสาวสวัสดีทักทายสองสามีภรรยาที่นั่งรอเธออยู่อย่างใจจดใจจ่อ
“กินอะไรมายังลูก?” นฤมลรีบถามบุตรสาวคนเดียวของเธอ
“กินมาเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“กินมาเรียบร้อยแล้วก็ไปอาบน้ําอาบท่านอนพักผ่อนก่อนดีกว่า ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะลูก พ่อกับแม่ก็จะไปนอนแล้ว”
“ค่ะคุณพ่อ ราตรีสวัสดิ์นะคะคุณแม่” บอกลาสองสามีภรรยาแล้วหญิงสาวก็รีบเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อที่จะอาบน้ําให้สบายตัวและก็นอนให้เต็มอิ่ม เธอตั้งใจไว้ว่าพรุ่งนี้จะตื่นนอนตอนสาย ๆ เพื่อที่จะพักร่างกายให้ได้รู้สึกผ่อนคลาย
“สดชื่นดีจัง” หญิงสาวพึมพำหลังจากหยิบผ้าขนหนูผืนหนามาคลุมร่าง เธอเปิดประตูห้องน้ําแล้วเดินออกมานั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนที่จะลงมือประทินผิวด้วยผลิตภัณฑ์สกินแคร์ชนิดต่าง ๆ จนครบสูตร แล้วจึงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบชุดนอนมาสวมใส่
“จุดเทียนหอมสักหน่อยดีกว่า” ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เดินไปหยิบกล่องไม้ขีดเพื่อที่จะจุดเทียนหอมกลิ่นอโรมาที่วางอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียง
"หอมดีจริง"
จุดเทียนหอมเสร็จเธอก็เดินมาล้มตัวลงนอนบนฟูกหนา หญิงสาวเชื่อว่าการนอนอยู่ท่ามกลางกลิ่นหอมอบอวลจะทำให้เธอหลับสบายและฝันดีตลอดทั้งคืน
……….
“เธอนอนแล้วยังนะ?” หมอหนุ่มตั้งคำถาม เขานั่งครุ่นคิดอยู่ในใจสักพักใหญ่ ๆ ก่อนที่จะกดโทรศัพท์
“ต้องเป็นคุณหมอแน่ จะเที่ยงคืนแล้วยังจะโทรมาอีก…” หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาดูหน้าจอก่อนที่จะสื่อสารออกไป
“สวัสดีค่ะ คุณอยู่เวรเหรอคะถึงได้โทรมาตอนจะเที่ยงคืน?”
“ครับคุณ คุณกลับถึงบ้านนานแล้วยังครับ”
“สักพักใหญ่แล้วล่ะค่ะ กำลังเตรียมตัวจะนอนแล้วด้วยค่ะ”
“อ่อ ครับ งั้นก็นอนเถอะครับ หลับฝันดีนะครับ” หมอหนุ่มคิดว่าวันนี้หญิงสาวคงจะเหนื่อยมาก เพราะต้องขับรถกลับบ้านกลางดึกกลางดื่นตั้งสองสามชั่วโมง
“ค่ะคุณ ราตรีสวัสดิ์นะคะ”
👉🏻 ตามกันต่อในตอนที่ 52 นะคะ
โฆษณา