21 มิ.ย. เวลา 11:24 • ความคิดเห็น
แม้ว่าสังคมปัจจุบันจะก้าวหน้าแค่ไหนก็ตาม เรื่องราวแบบนี้ยังหลงเหลืออยู่ และก็ยังมีคนทำแบบนี้อยู่ เราจะสังเกตเห็นพฤติกรรมเหล่านี้จากสถานที่ขนส่งต่างจังหวัด สถานีรถไฟ สถานที่สาธารณะ ร้านอาหารที่มีลูกค้าหน้าใหม่ๆจากการเดินทาง
พฤติกรรมลักษณะนี้ ให้สันนิษฐานไว้เลยว่าอาจจะเป็นบุคคลที่หาเงินด้วยวิธีการสร้างความสงสาร การสร้างเรื่อง เช่น อยากกลับบ้าน ไม่ได้กินข้าว จะมีเหตุอ้างสารพัด จงอย่าเชื่อ การช่วยเหลือต้องมีเหตุผล การให้ทานจะเกิดประโยชน์แก่ผู้ให้แน่นอน อย่าเพิ่งรีบควักเงิน
วิธีแก้ปัญหาที่จะเช็คว่า คนที่มาขอเงินเดือดร้อนจริง หรือเป็นแค่บุคคลที่ต้องการหาเงินด้วยวิธีนี้
ให้ถามคนที่ขอเงิน ว่าจะเอาเงินไปทำอะไร เช่น ถ้าเขาบอกว่าหิวข้าว เราก็ถามเขาไปว่า งั้น..เราเลี้ยงข้าวเอาไหม ดูปฏิกิริยาเขา ว่าเขาอยากกินข้าวจริงๆไหม ถ้าเขาไม่กิน แต่จะเอาเงินอย่างเดียว แสดงว่าเขาโกหก ถ้าเขาขอเงินกลับบ้าน ให้ถามเขาว่าบ้านอยู่ที่ไหน เดี๋ยวจะช่วยแจ้งตำรวจให้ ดูปฏิกิริยาของเขา ถ้าเขาเดินหนี ก็แสดงว่าโกหก ให้สำรวจแบบนี้ไม่เว้นแม้แต่คนแก่ การแก้ปัญหาก็จะถูกจุด และเราก็จะได้ไม่โดนมิจฉาชีพหลอกลวง ที่ใช้ความสงสารเป็นเหยื่อล่อในการหาเงิน
ถ้าเป็นคนที่เดือดร้อน หรือเป็นของจริง คนที่นอนตามสถานที่ขนส่งเป็นประจำ เขาก็จะมาขอเงินเหมือนกัน แต่ถ้าเราเลี้ยงข้าว เขาก็จะกิน เขาจะเอาหมดแม้ว่าอิ่มแล้ว เขาจะเอาเก็บไว้กินต่อ ไม่มีการต่อรองเป็นเงินทั้งนั้น ไม่ว่าจะให้เงินเขากี่บาทเขาก็เอา และคนในพื้นที่จะต้องรู้จักและคุ้นหน้าบุคคลนี้เป็นอย่างดี เพราะเขาจะทำทุกวัน แบบนี้ไม่ใช่มิจฉาชีพ ถ้าเป็นคนที่เดือดร้อนหาเงินกลับบ้าน เขาจะอยู่รอ ไม่ว่าคุณจะแจ้งตำรวจหรือไม่ก็ตาม
ลักษณะแบบนี้ ในยุคสมัยนี้ ก็ยังมีแบบนี้อยู่
โฆษณา