21 มิ.ย. เวลา 13:05 • นิยาย เรื่องสั้น

เห็นสัจธรรม

ยุคสมัยนี้อะไรอะไรๆก็ไม่แน่นอน ซึ่งเข้ากฎของไตรลักษณ์ ทุกขังอนิจจังอนัตตาเป็นความเจ็บปวดลึกๆในห้องหัวใจของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ดีไพร่หรือเศรษฐี มหาเศรษฐี อาจารย์ ฯลฯ ทำให้นึกขึ้นได้ว่าไม่มีอะไรแน่นอน คิดถึงพุทธพจน์เตือนใจที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม เดินตามคำสอนนี้ชั่วกัลปวสาร
ยังคงเป็นอมตะอยู่เสมอ ในเรื่องของสัจจะ มีเรื่องเล่าสู่กันฟังเป็นคติเตือนใจในยุคที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้เห็นผลประโยชน์แต่ฝ่ายเดียว ไม่นึกถึงความจริงของสัจธรรมของตัวอันเป็นมนุษย์ ปีกของเรามีอยู่แต่ก็บินไม่ได้ เท้าทั้งสองของเรามีอยู่แต่ก็เดินไม่ได้ มารดาและบิดาของเราออกไปหาอาหาร ดูก่อนไฟป่าท่านจงถอยกลับไปเถอะวัฏกะชาดก
ผู้มีปัญญาควรรับฟังเพื่อเตือนใจ สัจจะคือความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย เป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันเราให้พ้นจากภยันตรายต่างๆได้ และเป็นคุณธรรมอันดีเลิศในการส่งผลอบรมตนเป็นคนจริง ดังเรื่องในสมัยพุทธกาล ครั้งที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปในแคว้นแห่งหนึ่ง หลังจากพระองค์บิณฑบาตและเสวยพระกระยาหารแล้ว
มีภิกษุแวดล้อม ได้สำเร็จดำเนินไปสู่หนทางในระหว่างทาง เกิดไฟป่าไหม้ลูกลามขึ้น เมื่อภิกษูทั้งหลายเห็นไฟเป็นกลุ่มใหญ่ มีเปลวสูงถึงยอดไม้ กำลังลุกลามทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ทำให้ภิกษุที่เป็นปุถุชนต่างหวาดกลัวต่อมรณะภัย จึงพูดขึ้นว่าพวกเราจะจุดไฟเพื่อตัดทางไฟ เหล่าภิกษุนำหินเหล็กไฟออกมาจุดไฟ ฝ่ายภิกษุอีกพวกหนึ่งกล่าวว่า
ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พวกท่านทำอะไรกัน พวกท่านไม่เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เลิศด้วยปัญญาในโลกกับเทวโลกหรือ ผู้เสด็จมาพร้อมกับพวกท่านทั้งหลาย พวกท่านเสมือนผู้ไม่เห็นดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่ในท้องฟ้า ไม่เห็นพระอาทิตย์รุ่งเรืองด้วยรัศมีอันมีกำลังตั้งขึ้นทางทิศตะวันออก เหมือนคนที่ยืนอยู่ในริมฝั่งทะเลแต่มองไม่เห็นฝั่งทะเลฉะนั้น พวกภิกษุต่างพากันกล่าวว่า
พวกเราจะจุดไฟเพื่อตัดทางไฟ ภิกษุผู้ขีณาสพจึงกล่าวขึ้นว่า ขึ้นชื่อพระกำลังของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีประมาณ พวกท่านไม่รู้เหรอ ไปเถิดท่าน ไปที่สำนักของพระบรมศาสดา พระภิกษุต่างพากันไปเฝ้าพระบรมศาสดา ซึ่งประทับอยู่ในสถานที่แห่งนั้น ซึ่งขณะนั้นไฟป่ากำลังส่งเสียงดังใกล้เข้ามาทุกขณะ เหมือนจะเผา
ไหม้สถานที่แห่งนั้นให้ละลายในพริบตา ครั้นไฟป่ารุกรานมาถึงสถานที่พระพุทธองค์ทรงประทับยืนดูในระยะประมาณ 16 กรีส ( ประมาณ 1000 เมตร ) ไฟป่าก็ดับสนิทในทันทีเสมือนดุ้นไฟที่จมลงในน้ำฉะนั้น เหล่าภิษุเห็นเช่นนั้น ต่างพากันกล่าวสรรเสริญคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า น่าอัศจรรย์จริง ชื่อว่าอานุภาพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไฟยังไม่
ไหม้สถานที่ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ได้ ย่อมดับเสมือนคบเพลิงหญ้าดับด้วยน้ำฉะนั้น น่าอัศจรรย์จริงๆ ชื่อว่าพระอานุภาพของพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่มีประมาณ เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสดับถ้อยคำของภิกษุเหล่านั้นแล้ว จึงกล่าวว่าดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ไฟป่าไม่ผ่านมานี้ ไม่มาถึงประเทศนี้แล้วกลับไป เป็นกำลังของเราบัดนี้เท่านั้นก็หาไม่
ข้อนี้เป็นกำลังแห่งสัจจะที่มีในกาลก่อนของเรา ไฟป่าจึงไม่ไหม้ตลอดกัลป์นี้ นี้ชื่อว่าปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอยู่ตลอดกัลป์ ขณะนั้นพระอานนท์เถระเตรียมผ้าลาด 4 ชั้นทำเป็นสถานที่สำหรับประทับนั่งของพระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงนั่งขัดสมาธิ
มีภิกษุสงฆ์นั่งแวดล้อม ทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัสว่า ในอดีตกาลพระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในกำเนิดนกคุ้ม และสถานที่แห่งนี้เมื่อพระโพธิสัตว์ได้ทำลายกระเปาะฟองไข่ออกมาดูโลกได้ไม่นาน วันนั้นมารดาบิดาได้ออกไปหาอาหาร ปล่อยทิ้งพระโพธิสัตว์ที่ไม่มีกำลังแม้จะเหยียดปีกบินไปในอากาศ ไม่มีแม้กำลังจะยกเท้าเดินได้
ปกติเมื่อถึงฤดูร้อนของทุกปี ไฟป่ามักจะเผาไหม้สถานที่แห่งนี้เป็นประจำ ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูร้อนพอดี และเป็นความพอดีอีกเช่นกันที่ไฟป่ากำลังไหม้ลุกลามส่งเสียงดังลั่นไปเข้ามาทุกขณะ หมู่นกรีบบินออกจากรังของตน เพราะต่างกลัวต่อมรณภัย พากันบินออกจากรังกันจ้าระหวั่น พากันหนีไป แม้แต่บิดามารดาของพระโพธิสัตว์ ก็กลัวต่อมรณภัย
พากันทอดทิ้งรัง รีบบินไปสถานที่อื่น เช่นกันพระโพธิสัตว์ตัวนอนอยู่ในรังของตนได้แต่เงื้อคอมองไฟป่าไหม้ลุกลามมาทุกขณะ ความคิดว่าหากเรามีกำลัง กลางปีกก็จะบินไปยังที่อื่น หากเรามีกำลังจะยกเท้าหนีไปได้เราก็จะไปย่างก้าวหนีไปยังสถานที่อื่นเสีย ส่วนมารดาบิดาของเราต่างตัวมรณะใครพากัน
ทิ้งเราไว้แต่ผู้เดียว บัดนี้ที่พึ่งอื่นของเราไม่มี ที่ต้านทานก็ไม่มี วันนี้เราจะทำอย่างไรดีหนอ ขณะนั้นพระโพธิสัตว์ก็เกิดความคิดขึ้นว่าเชื่อว่าคุณแห่งศีลมีอยู่ในโลก ชื่อว่าคุณแห่งสัจจะก็ต้องมี ในอดีตกาลพระพุทธเจ้าผู้บำเพ็ญบารมีเต็มเปี่ยมแล้วทั้งหลายได้ทรงประทับนั่งใต้ต้นโพธิ์ตรัสรู้
ด้วยตนเองพระองค์ทรงสมบรูณ์ศีลสมาธิและปัญญา วิมุติและวิมุตติญาณทัศนะ ทรงประกอบด้วยสัจจะ คุณธรรมทั้งหลายที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมแจ่มแจ้งอยู่แก่พระองค์แล้ว เพราะฉะนั้นเราจะนึกถึงพระพุทธเจ้าทั้งหลายและคุณธรรมที่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญมาแจ้งแล้ว พระโพธิสัตว์ทรงระลึกถึงคุณธรรมและสัจธรรม ความดีความงามที่ได้กระทำ มาเปล่งสัจจอธิฐาน ให้ไปป่าจงถอยกลับไปเพื่อกระทำความปลอดภัยแก่ตนและหมู่นกที่เหลือ ที่ไม่สามารถเอาตัวรอดไปได้ด้วยการทำสัจจะว่า คุณแห่งศีลมีอยู่ในโลกนี้ ความสัตย์ ความสะอาดและ
ความเอ็นดูมีอยู่ในโลกนี้ ด้วยความสัตย์นี้ ข้าพเจ้าขอทำสัจจะอันยอดเยี่ยม ข้าพเจ้าระลึกถึงพระจันทร์อันตั้งเด่นในปางก่อน อาศัยกำลังสัจจะนี้ข้าพเจ้าขอทำสัจจะกริยาเมื่อพระโพธิสัตว์ระลึกถึงคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้วและคุณที่มีอยู่ในตน
จึงกล่าวอีกว่า ปีกนี้ของเรามีอยู่แต่ก็บินไม่ได้ เท้าทั้ง 2 ของเรามีอยู่แต่ก็เดินไม่ได้มารดาและบิดาของเราต่างออกไปหากิน ดูก่อนไฟป่าท่านจงถอยกลับไปเสียเถิด ด้วยอานุภาพแห่งสัจจะบารมีของพระโพธิสัตว์ ไฟป่าก็ไม่สามารถเผาไหม้บริเวณนั้นประมาณ 16 กรีส
พระพุทธองค์ตรัสต่อไปอีกว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่ไฟไม่ไหม้ ด้วยกำลังของเราในบัดนี้ก็หาไม่ แต่เป็นกำลังเก่าเป็นอานุภาพของเราในสมัยที่เรา เสวยชาติเป็นนกคุ้ม ครั้นตรัสจบแล้ว พระภิกษุบางพวกเป็นพระโสดาบัน บางพวกเป็นพระอนาคามี บางพวกเป็นพระอรหันต์
จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า การมีสัจจธรรม เป็นคุณธรรมอันสูงส่ง มีอานุภาพมากมายมหาศาลและเป็นหนึ่งในบารมี 30 ทัศน์ ที่พระองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญมาแล้วในสมัยที่เสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์ได้บำเพ็ญบารมีเหล่านั้นอย่างเต็มที่ตลอดเวลา ดังนั้นพวกเราพากันมาสร้างบารมี
ควรยึดเอาคุณธรรมสัจธรรมให้ดี เพราะการมีสัจจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เป็นคนดีหรือไม่ เป็นความจริงที่เราต้องทำอย่างสม่ำเสมอ รักษาศีลเจริญภาวนาให้เกิดปัญญา เราจะได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปได้และหาทางพ้นจากวัฏฏะเสียที ขอให้โชคดีค่ะ
คำแปล
คุณแห่งศีลมีอยู่ในโลก ความสัตย์จริง ความสะอาดกายใจและความเอ็นดูมีอยู่ในโลก ด้วยคำสัตย์จริงนั้น ข้าพเจ้าจักกระทำสัจจกิริยาอันยอดเยี่ยม ไม่สัจจะอื่นเทียบได้ ข้าพเจ้าได้พิจารณาถึงกำลังแห่งธรรม และระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ชนะทั้งหลายในปางก่อน เพราะได้อาศัยกำลังแห่งสัจจะ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอกระทำสัจจกิริยา ว่าดังนี้ .-
"ปีกทั้งหลายของข้ามีอยู่ แต่บินไม่ได้ เท้าทั้งหลายของข้ามีอยู่ แต่เดินไม่ได้ มารดาและบิดาของข้าออกไปหาอาหาร ดูก่อนไฟป่า ขอท่านจงหลีกไป"
เมื่อเราทำสัจจกิริยาอย่างนี้แล้ว ไฟที่มีเปลวรุ่งเรืองใหญ่ถึง ๑๖ กรีสนั้น ก็ได้หลีกเว้นไป ประดุจดังเปลวไฟนั้นตกลงไปในน้ำฉะนั้นแล ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะเสมอด้วยสัจจะของเรา นี้เป็นสัจจบารมีของเราแล ฯ.
โฆษณา