22 มิ.ย. เวลา 03:15 • การศึกษา
ประเทศไทย

กระทรวงศึกษาธิการ ชวนทุกภาคส่วนร่วมปฏิวัติการศึกษา แก้ปัญหาประเทศ

พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงนโยบายแก้ปัญหาระบบการศึกษาไทย ภายใต้นโยบายเรียนดีมีความสุข ตั้งเป้าลดความเหลื่อมล้ำ ทำอย่างเร่งด่วนแต่ไม่ใช่หน้าที่กระทรวงศึกษาฝ่ายเดียว แต่เป็นเรื่องของทุกคน
ประเด็นถกเถียง เรื่องคุณภาพการศึกษาไทย ถูกพูดถึงมาอย่างยาวนาน มีการวิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานาว่าการศึกษาไทยล้าหลังลงคลอง ไม่ทันสมัย กว่าจะปรับหลักสูตรก็ใช้เวลานาน ขณะที่ความเหลื่อมล้ำก็มีมากขึ้น แต่ละปีมีเด็กที่ตกหล่นจากระบบการศึกษาไม่น้อยซึ่งมาจากหลายปัจจัยโดยเฉพาะปัจจัยทางการเงิน ความยากจน
นับเป็นความกดดันของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักดูแลเด็กและเยาวชน ดูแลหลักสูตรการศึกษา ตลอดจนบุคลากรการศึกษา ที่มักจะถูกตั้งคำถามมากมายว่าวันนี้ระบบการศึกษาเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน
นโยบายเรียนดีมีความสุข
พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ชี้แจงกล่าวในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (วาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ) ณ อาคารรัฐสภา ว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีนโยบาย ‘เรียนดี มีความสุข’ โดยแบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ฝั่ง คือ 1.การศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และ 2.การศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต ซึ่งเป้าหมายหลักในการจะมีความสุขได้ก็คือการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงลดภาระของนักเรียนและผู้ปกครอง
ทั้งนี้จากนโยบายที่ได้เคยแถลงไปและดำเนินการไปแล้ว ศธ. ยังมีการดำเนินการนโยบายเพิ่มเติมที่น่าสนใจ เช่น การยกเลิกครูเวร การจัดจ้างนักการภารโรง การปรับลดภาระงานที่ไม่จำเป็นหรือซ้ำซ้อน ดำเนินการจ้างครูผู้ช่วยเป็นกรณีพิเศษ เป็นต้น
ส่วนทางด้านนักเรียน ศธ.ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งได้รับมติเห็นชอบในการจัดหาอาหารกลางวันให้กับโรงเรียนขยายโอกาส รวมทั้งเห็นชอบและอนุมัติเรื่องศูนย์การเรียนสำหรับเด็กในโรงพยาบาล โดย ศธ.ได้จัดทำคำของบประมาณมาในร่าง พ.ร.บ.รายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 นี้ด้วยเช่นกัน
ขณะที่ในส่วนของ ศธ.ได้ขับเคลื่อนโครงการ “สุขาดีมีความสุข” โดยเบื้องต้นได้ดำเนินการสนับสนุนโรงเรียนขนาดเล็กไปก่อน รวมทั้งดำเนินแนวทางนโยบายการยกเว้นหรือผ่อนผันการแต่งเครื่องแบบนักเรียน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำไปพลางก่อน โดยในคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 จะมีการจัดทำเรื่องงบอุดหนุนที่จำเป็นในเรื่องของเครื่องแบบ ให้เป็นไปตามอัตรามติของ ครม. คือ อัตราร้อยละ 2 ร้อยละ 4 และปีนี้เป็นอัตราที่ร้อยละ 16 ก็จะมาขึ้นอยู่ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568
การศึกษาเด็กปฐมวัย ความท้าทายวันนี้
 
พลตำรวจเอกเพิ่มพูน กล่าวต่อว่า ความท้าทายสำคัญของการศึกษาที่เราทำอยู่คือเรื่องการศึกษาของเด็กปฐมวัย ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในการขับเคลื่อน ซึ่งมีการปรับรูปแบบให้หน่วยงานที่ขับเคลื่อนหลักเป็น ศธ. โดยให้ศึกษาธิการจังหวัดเป็นเลขาคณะทำงานในการขับเคลื่อนทุกจังหวัด ดังนั้นงบประมาณจึงต้องมาอยู่ใน ศธ. ด้วย
เด็กหลุดจากระบบการศึกษา
ปัญหาความเหลื่อมล้ำ
สำหรับเรื่องเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษา และกลุ่มเด็กเปราะบาง ทำอย่างไรให้การศึกษาไร้รอยต่อ โดย ศธ.จะทำงานร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อสแกนหาเด็กกลุ่มต่าง ๆ ที่หลุดจากระบบไป นำเขากลับเข้ามาในระบบให้ได้
ขณะที่ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษานั้น ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล โรงเรียนที่ผู้ปกครองนักเรียนมีฐานะยากจน เราจำเป็นต้องมาหาวิธีลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งกลไกหลักที่จะมาตอบรับคือ การศึกษา Anywhere Anytime และการสอบเทียบต่าง ๆ จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนงบประมาณ โดยมีในคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 แล้วส่วนหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีความท้าทายด้านกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การเข้ามามีบทบาทของระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะมีส่วนช่วยในการดำเนินการศึกษา โดย ศธ.พยายามที่จะพัฒนาครูให้มีคุณภาพในการจัดการเรียนการสอน นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน และเป็นส่วนหนึ่งของการขอประเมินวิทยฐานะ
เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ครูได้มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ตอบโจทย์การพัฒนาผู้เรียนที่เปลี่ยนแปลงไปให้ก้าวทันโลก ตลอดจนมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม DLTV ซึ่งหากชำรุดก็ต้องซ่อมแซมบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยความจำกัดด้านงบประมาณแต่เมื่อพิจารณาความจำเป็นแล้ว ศธ.จะพยายามบริหารงบประมาณอย่างจำกัดในการทำงานให้ได้ดีที่สุด
ติดตามอ่านทั้งหมดได้ที่ลิงก์
#ESGUNIVERSE
#กระทรวงศึกษาธิการ
#งบประมาณ
#การศึกษา
#ความเหลื่อมล้ำ
#เด็กเยาวชน
#คุณภาพการศึกษา
โฆษณา