22 มิ.ย. เวลา 03:24 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เรื่องที่เราอยากเข้าใจในสิ่งแวดล้อมที่เราพบเจอนั้น มันเป็นอารมณ์อยาก แฝงด้วยตัวทะเยอทะยาน เป็นตัวที่อยากรู้อยากเห็น มันเป็นอารมณ์ ไปเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้ เข้ามาคิดมานึก ว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันเหมือนจืตเราเป็นลูกข่างที่ที่ถูกปั่นตลอดเวลา จิตมันก็เหนื่อยล้า อ่อนเปลี้ย ไม่มีกำลัง แกว่งไปมา ตามอารมณ์เดี๋ยวเรื่อง เดี๋ยวเรื่องนี้
นั้นก็คือ จิตของเราไม่เคยหยุดนิ่งเลย ที่ไปนำอารมณ์นั้นอารมณ์นี้ เข้ามาแบกทับถมเรือนกาย กายก็หนัก จิตก็หนัก ด้วยอารมณ์กดทับจิต จิตมาแบกของหนักมันก็ตกลง ต่ำลงไปๆ ที่จริงคำว่า จิตตกมันเหมือน มีของหนักของเสีย ดูดจิตไปอยู่ในสิ่งที่มืดห้องมืดๆมองไม่เห็นอะไร ..ยิ่งมีอารมณ์อะไรมาดวน มันก็กลายเป็นตัวฟุ้งซ่านต่อไปอีก
เพราะฉะนั้น เราก็ต้องดูแล เรื่องกายเรื่องอารมณ์เรื่องจิต ของเราให้เป็น ตัวตนของเราก็คือ จิต ที่อาศัยอยู่ในเรือนกาย จิตของเรา ล้วนถูกห้อมล้อมด้วยอารมณ์ เป็นจิตน้อยๆ อาศัยในเรือนกาย ที่มีเจ้านาย เป็นอารมณ์นึกคิด ส่งเสียงอารมณ์นึกคิดต่างๆเกิดขึ้นในเรือนกาย มีอารมณ์นานชนิดเกิดขึ้นทีกาย เป็นตัวรักโลภโกรธหลง อิจฉาริษยา เกลียดชัง ราคะตัณหาต่างๆมากมายก่ายกอง ที่สลับสับเปลี่ยน เกิดขึ้นที่กาย ที่กายก็ไม่อยู่คงที่ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ของการใช้ชีวิตในแต่ละวัน
หากสังเกตดู ก็มีเรื่องราวต่างๆ มันไม่เหมือนกันเลย เป็นไปตามอารมณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งที่เราไม่รู้ เรื่องหนึ่ง ..นั่นก็คือ การสะสมกรรม ในสิ่งที่เราใช้วิญญาณทั้งหก ไปสัมผัสไปยึดเรื่องราวต่างที่ห้อมล้อมกาย ห้อมล้อมวิญญาณทั้งหก มันมีการนำเข้ามาสู่กาย เป็นเหมือนการสะสม ทาสีดำๆ ทาทับไปทับมาบนพื้น นานวันสีดำนั้นก็หนาขึ้นๆ ร่างกายก็แบกแต่กรรม จิตที่อาศัยกายก็ต้องแบกกรรมไปด้วย แล้วจิตน้อย เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้ เข้ามามันจะไหวหรือ จิตไม่ตกหรือ
สิ่งที่จะแก้ไขได้ ก็ต้องนำกายมาฝึกหัด พักกายพักจิตเสียบ้าง ส่วนวิธีไหน ก็ศึกษาดูน่ะ
โฆษณา