23 มิ.ย. เวลา 06:03 • ประวัติศาสตร์
ถนน สวนพลู

ถ่วงดุลย์ทางความคิดด้วย "สามก๊กฉบับนายทุน โจโฉนายกตลอดกาล" ของท่าน มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช

"ขอเล่าถึงชีวิตคน ๆ หนึ่ง ซึ่งถูกประนามว่าเป็นคนใจร้าย อำมหิตมาเป็นเวลาพันกว่าปี โจโฉ เป็นคนธรรมดาสามัญ ย่อมประกอบไปด้วยความโกรธ โลภ หลง และความปรารถนา กิเลสต่าง ๆ ทำให้โจโฉปฏิบัติการผิดพลาดไปบ้าง เหตุที่ความผิดของโจโฉมีผู้ถือมาเป็นเรื่องใหญ่ ก็เพราะโจโฉอยู่ในตำแหน่งใหญ่ เจตนาดีของโจโฉที่มีต่อบ้านเมืองนั้น จึงถูกบดบังไปด้วยข้อครหาของฝ่ายปรปักษ์" (เขียนปีพ.ศ.2493)
บางท่านที่เคยอ่าน งานโจโฉ นายกตลอดกาล นี้ ก็อาจจะชอบโจโฉขึ้นมาบ้าง ท่านนายกคึกฤทธิ์แกเอาสามก๊กมาเล่าใหม่ เพราะสามก๊กที่อ่านๆกันนั้น เข้าข้างเล่าปี่ซะเหลือเกิน ท่านก็เลยเขียนในมุมของฝ่ายที่เข้าด้วยโจโฉดูบ้าง เพื่อเป็นการถ่วงดุลทางความคิด
ก็เลยเป็นสามก๊กในมุมมองใหม่ ที่ทั้งสนุกและน่าสนใจ
ไม่น่าเชื่อนะครับ ตอนนี้ปี พ.ศ.2567 แล้วเรื่องราวที่เขียนในนั้น ยังมีความร่วมสมัยอยู่เลย ท่านอาจารย์หม่อม คึกฤทธิ์ บอกเล่าว่าโจโฉ เป็นมหาเสณาบดี(นายกฯ) ในสมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้ และครองตำแหน่งจนสิ้นอายุขัย จึงถือเป็นนายกฯตลอดกาล ในหนังสือเป็นการวิเคระห์ตัวะคร ในเรื่องสามก๊ก ผ่าน โจโฉ ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ วิจารณ์ ความคิดและการกระทำ(พร้อมทั้งเสริมความคิดเห็นส่วนตัวประกอบได้อย่างเฉียบคม) เป็นโวหารในสมัยท่านที่เปรียบเปรย เปรียบเทียบ และเหน็บแนม ได้อย่างคมคาย แต่ก็ยังทันสมัยมาถึงทุกวันนี้
อ.ชัชวนันท์ สันธิเดช สุดยอดแฟนพันธ์แท้ สามก๊ก และ Fan Of The Year 2008 แกว่าใครชอบ โจโฉ น่าจะมีอุปนิสัยทะเยอทะยาน ใฝ่หาความสำเร็จรักการแข่งขัน มีความเป้นผู้นำ มีเพื่อนฝุงมากมายติดจะเจ้าชู้ คนรักมาก คนเกลียดเยอะ นิยามความสำเร็จเป็นทรัพย์สินเงินทอง ลาภยศ อำนาจ และสาว ๆ (ไม่รู้จริงป่าวนะ แต่ก็ตรงหลายดอก 555++)
Leadership ของโจโฉ
โจโฉ แสดงความเป็นผู้นำในระดับ Strategic Level ในหลายกรรมหลายวาระ(ขอยกตัวอย่างที่ว่าแจ๋วสุด ได้แก่แมชต์แจ้งเกิดของกวนอู - อุ่นสุราฆ่าฮัวหยง)
ตอนที่โจโฉ และสามพี่น้องสวนท้อ ยังอยู่ในทัพอ้วนเสี้ยว(ทัพพันธมิตรประชาชน 18 หัวเมือง) ด้วยกัน ตอนนั้น ฝ่ายตรงข้ามมีนักรบสุดยอดชื่อ "ฮัวหยง" ตั้งรับอยู่ ฮัวหยงเป็นขุนพลที่มีฝืมือการต่อสู้เก่งมากจะเป็นรองก็ลิโป้เท่านั้น ในการตั้งทัพรอที่ด่านสามารถสังหารขุนพลพันธมิตรระหว่างประลอง ไปหลายคน
กวนอู จะขอออกไปรบ อ้วนเสี้ยว(คงอารมณ์ประมาณ ปูติน นั่นแหละ)ปรี๊ดแตก จะลงโทษกวนอูในฐานะทหารเลวที่เจือกอาสาออกไปรบ แต่โจโฉ Lecture สั้น ๆ แต่เจ๋งว่า "เฮีย ๆ ผมว่านะ สงครามและสนามรบตัดสินทหารกล้าหน้าศึก ด้วยฝีมือการรบ เอะอะเชี่ยไร เฮียจะลงโทษลูกทีม ตะพึด ในค่ายบัญชาการเนี่ย เฮียควรใช้หมอง ถ้าเราให้ไอ้ตี๋หน้าแดงนี้ออกรบ เฮียเสียอะไร ไอ้ตี๋นี่สิหากพลาดพลั้ง ก็เสียหัวให้ไอ้ฮัวหยง แม้ไอ้ตี๋มันแพ้หนีรอดกลับค่าย เฮียก็เล่นมันอยู่ดี Win-Win น่า เผื่อ ตีน้อย มันอาจจะได้หัวฮัวหยงมา นะนะ ตะเอ๊ง"
ผลคือฮัวหยงถูกสังหารโดยกวนอู ในชั่วเวลาที่สุรายังไม่หายอุ่น
(ท่านคึกฤทธิ์ บอก จะบร้าเหรอค๊าบบบ แค่ขี่ม้าไปกลับมันก็เย็นแล้วแล้วใครล่ะ อุ่นสุรา และรินสุราฉลองชัย ให้ให้กวนอู ถ้าไม่ใช่โจโฉ)
โจโฉในฐานะนักการเมือง
ท่านอาจารย์หม่อมเทียบกับพฤติกรรมของนักการเมือง ในยุคของท่าน(น่าจะยังใช้ได้ในปัจจุบัน) อ่านแล้ว พวกเราจะได้รู้จักนักการเมืองดีขึ้น เวลาที่นักการเมืองพูด หรือสัญญาอะไรไว้ จะได้ไม่ปักในเชื่อจนหมด ถึงขนาดต้องทะเลาะตีกันเอง จากการไปเชื่อพวกเขาอย่างหัวปักหัวปำ
“...สิ่งที่เป็นยอดปรารถนาของนักการเมืองก็คืออำนาจ แต่นักการเมืองทุกคนจะไม่ยอมรับในข้อนี้ แต่ละคนจะต้องอ้างว่า ตัวบำเพ็ญกรณีเพื่อประโยชน์สุขของคนทั้งปวง หรือเพื่อแผ่นดิน หรือเพื่อประชาธิปไตย ความจริงนั้น อำนาจเป็นสิ่งที่นักการเมืองต้องการมากที่สุด และเพราะความปรารถนาอำนาจนั่นเองที่ทำให้บุคคลยอมสละความสุขส่วนตัวทรัพย์สมบัติตลอดชีวิต เพื่อที่จะได้เป็นนักการเมือง
เมื่ออำนาจเป็นยอดปรารถนาอย่างนี้แล้ว อำนาจจึงเป็นสิ่งที่กำหนดการกระทำของนักการเมืองในทุกกรณี ความรัก ความโกรธ หรือคุณโทษ และความกตัญญู หรือความพยาบาทกันเป็นส่วนตัวนั้น ไม่มีอิทธิพลมาบังคับการกระทำของนักการเมืองเลย เพราะความรู้สึกส่วนตัวเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาของสามัญชน มิใช่เรื่องของนักการเมือง
ฉะนั้นเราจะเห็นว่า นักการเมืองที่เป็นศัตรูกันอยู่ในวันนี้ อาจเป็นมิตรที่สนิทสนมกันในวันพรุ่งนี้ และอาจเชือดคอกันเองในวันมะรืนนี้ก็ได้ ทั้งนี้เป็นวิสัยของนักการเมือง คนใดที่ไม่มีวิสัยเช่นนี้ หรือมิได้ใฝ่แสวงหาอำนาจ หากแต่เจตนาดีต่อบ้านเมืองจริงๆ และมีใจรักราษฎรจริงๆอย่างโจโฉในตอนนี้ คนนั้นมิใช่นักการเมืองที่แท้จริง ถ้าพลัดเข้าไปในหมู่นักการเมือง ก็ประดุจกาหลงฝูง ย่อมถูกรุมจิกรุมตีอย่างที่โจโฉจะต้องโดนในที่สุด จะให้นักการเมืองที่แท้จริงนั้นนับถือเลื่อมใส ย่อมเป็นไปไม่ได้
ก็เพราะเหตุใดเล่า อำนาจจึงทำให้คนเปลี่ยนวิสัยจากคนไปเป็นนักการเมือง เพราะเหตุใดเล่า อำนาจจึงทำให้คนประพฤติตนคล้ายๆกับว่าไม่มีเหตุผล ทั้งนี้ เพราะว่า ความใฝ่อำนาจหรือใฝ่สูงนั้น เป็นสัญชาตญาณของบรรดาสรรพสัตว์ทั้งปวง สัตว์ทุกชนิดย่อมปรารถนาเป็นจ่าฝูง ถ้าหากมีกำลังความสามารถ ก็จะต่อสู้กับจ่าฝูงเดิมจนพ่ายแพ้ลงไป เพราะเหตุฉะนี้ ไก่หนุ่มจึงต้องไล่ตีไก่แก่ ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าเล้ามาก่อน
เพราะเหตุนี้ทรพีควายหนุ่มจึงต้องต่อสู้กับทรพาผู้เป็นพ่อ สัญชาตญาณอันนี้ฝังอยู่ลึกซึ้งในหัวใจมนุษย์ เพราะมนุษย์ก็เป็นเพียงสัตว์โลกชนิดหนึ่ง แต่สัตว์ต่างๆนั้นแย่งอำนาจกันด้วยกำลังกาย ส่วนมนุษย์นั้นมีสติปัญญาเหนือบรรดาสัตว์ทั้งหลาย จึงแย่งอำนาจกันด้วยกำลังสติปัญญา
อนึ่ง อำนาจนั้นเหมือนยาเสพติด ถ้าได้มาแล้วก็ย่อมวางไม่ลง และย่อมจะต้องการเพิ่มเติมอยู่เสมอไม่มีวันพอได้ ฉะนั้นเราจะเห็นว่า นักการเมืองโดยทั่วไปบำเพ็ญกรณีเพื่อแสวงหาอำนาจ เมื่อได้มาแล้วก็อยากได้ต่อไปอีก ในที่สุดอำนาจนั้นก็ทำลายตนเองลงไป เช่น ยาเสพติดย่อมทำลายผู้เสพฉันใดก็ฉันนั้น...”
ดาราบางดวงเปล่งประกายในห้วงนภาแห่งประวัติศาสตร์
หนึ่งความฮึกเหิมเยี่ยงวีรบุรุษยังควบตะบึงไปในโลกหล้า
สามก๊กฉบับนักกลยุทธ์
โฆษณา