23 มิ.ย. เวลา 15:30 • ท่องเที่ยว

โรงเตี๊ยมถ้ำง้อบ อร่อยนี้ มีที่มา

หากใครมีโอกาสที่ผ่านไปแถวหมู่บ้านอรุโณทัย อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ แล้วอยากสัมผัสกับอาหารรสชาติอร่อย คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นไอของประวัติศาสตร์ ความเป็นมาอันยาวนาน ด้วยที่ตั้งอันเงียบสงบ รายล้อมไปด้วยหมู่บ้านชาวจีนยูนนาน ที่ยังคงวัฒนธรรมเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่มีที่ไหนเลยที่เหมาะสมไปกว่า "โรงเตี๊ยมถ้ำง้อบ" หนึ่งในร้านอาหารที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่นที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ที่ผมภูมิใจนำเสนอที่สุดอีกที่หนึ่ง
แต่ก่อนที่เราจะได้บรรยายถึงอาหารแสนอร่อย สิ่งที่อร่อยไม่แพ้อาหารเลย คือเรื่องราวของโรงเตี๊ยมที่สัมพันธ์กับเหตุการณ์ใหญ่ระดับโลกเลยทีเดียว
เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองได้สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1945 บรรยากาศทางการเมืองภายในจีนกลับมาระอุอีกครั้ง พรรคก๊กมินตั๋งใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการกวาดล้างอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในหลายพื้นที่ แต่จากยุทธศาสตร์การดึงใจประชาชนและหลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงกับกองกำลังคณะชาติของก๊กมินตั๊ง
ประกอบกับนโยบายของพรรคก๊กมินตั๋งที่นำโดยจอมพลเจียง ไคเช็ค พยายามกวาดล้างคอมมิวนิสต์จนกระทบกับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยที่ตัวท่านผู้นำไม่ได้สนใจข้อเท็จจริงดังกล่าว ทำให้ท้ายที่สุดเป็นฝ่ายจีนคณะชาติที่ค่อยๆอ่อนแอ ในขณะที่กองทัพปลดปล่อยประชาชนของเหมา เจ๋อตุง มีกำลังกล้าแข็งเพิ่มขึ้นจากการสนับสนุนของประชาชน และรุกคืบได้มากขึ้น
จนท้ายที่สุด นายพล เจียง ไค เช็ค จำเป็นต้องถอยไปตั้งรัฐบาลใหม่ยังเกาะฟอร์โมซา (ประเทศไต้หวันในปัจจุบัน) เจียง ไค เช็คได้วางกำลังไว้ที่มณฑลยูนนาน 2 กองทัพด้วยกันคือ กองทัพที่ 8 และกองทัพที่ 26 ซึ่งแต่ละกองทัพประกอบด้วย 2 กองพล โดยที่กองพล 93 เป็นหน่วยหนึ่งที่ขึ้นตรงต่อกองทัพที่ 26 เพื่อทำหน้าที่ดูแลพื้นที่ดังกล่าวไว้เพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังของอีกฝ่ายไล่ตามกองกำลังที่เคลื่อนย้ายไปยังเกาะฟอร์โมซาได้ทัน
ในเวลาต่อมากองทัพที่ 8 และกองทัพที่ 26 ก็ถูกกองทัพของฝ่ายพรรคคอมมิวนิสต์ตีแตกพ่ายและถอยลงมายังพื้นที่พม่าตอนบนใกล้กับพรมแดนมณฑลยูนนานของจีน
กองทัพที่ 26 ได้ถูกกองกำลังของจีนคอมมิวนิสต์ตีแตกพ่ายอีกครั้งและได้ถอยร่นไปยังลาวและเวียดนาม อีกส่วนก็ถอยเข้ามายังรัฐฉานของประเทศพม่า ผ่านทางรัฐฉานด้านเมืองเชียงตุง แล้วผ่านมาทางขี้เหล็กของประเทศไทย โดยมีกำลังประมาณ 1,700 คน จำนวนทหารที่อยู่ในส่วนนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นกำลังพลที่มาจากหน่วยกองพล 93
ในปี พ.ศ. 2493 เป็นต้นมา พม่าได้ทำการผลักดันกองกำลังของกองทัพที่ 26 ออกจากประเทศพม่า และส่วนหนึ่งเข้ามายังชายแดนไทย ประกอบกับสหรัฐอเมริกาเกิดความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การแพร่กระจายของคอมมิวนิสต์ จึงทำให้มีการสร้างแนวยับยั้งคอมมิวนิสต์จากธิเบตถึงประเทศไทย และในขณะเดียวกันก็สนับสนุนทหารจีนคณะชาติในการบุกคืนสู่จีน ทำให้ทุกฝ่ายรับรองการเข้ามาของกองพลคณะชาติที่ 93 เข้าสู่ทางตอนเหนือของไทย
กองพล 93 ใหม่นี้ เกิดขึ้นภายใต้การนิยามโดยนายพล หลี่ เหวิน ฝาน ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวนี้ว่า
"...กองพล 93 นั้นเป็นชื่อของกองพลหนึ่งในกองทัพแห่งชาติของจีน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ... เมื่อเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 กองพล 93 ถูกถอนกลับหมด ... ข้าพเจ้าไม่เคยเป็นทหารประจำการอาชีพ แต่พวกข้าพเจ้าเป็นเพียงอาสาสมัคร เพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตน..."
นายพล หลี่ เหวิน ฝาน
ทางรัฐบาลไทยในช่วงปี พ.ศ. 2515 ได้เล็งเห็นว่าควรให้กองทัพไทยควบคุมผู้อพยพแทน โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด และการกำหนดที่อยู่ ตลอดจนถึงเรื่องของอาชีพที่สามารถเลี้ยงตนเองได้ ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2515 รัฐบาลได้มีคำสั่งฝ่ายรักษาความมั่นคงแห่งชาติเรื่องการกำหนดที่อยู่ การพัฒนาอาชีพของกองทหารจีนคณะชาติอพยพ และครอบครัว รวมถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับหมู่บ้าน
และในเวลาต่อมากองทหารจีนคณะชาติดังกล่าวได้แปรสภาพกลายเป็นพลเรือนและจัดตั้งหมู่บ้านจำนวน 13 หมู่บ้านด้วยกัน ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ต่อมาพื้นที่ตั้งของกองพลที่ 93 ภายใต้กองทัพที่ 3 ของนายพลหลี่ อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ถูกปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ด้วยความสมบูรณ์ของสิ่งปลูกสร้างภายในบ้านถ้ำง้อบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอาคารเดิมที่สร้างจากใบจาก ผ่านกรรมวิธีที่ชาวจีนยูนนานเรียกว่า “ทู่จี” หรือบ้านดิน
ที่แม้ปัจจุบันจะเปลี่ยนเป็นหลังคามุงสังกะสีแล้วก็ตาม รวมถึงโรงเก็บข้าวสารที่สร้างจากไม้ทั้งหลัง คุกไม้ และคุกใต้ดิน ลูกของนายพลหลี่ จึงเห็นพ้องกันให้เปิดสถานที่นี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ใช้ชื่อ “โรงเตี๊ยมถ้ำง้อบ” และเปิดให้บริการที่พัก ร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน
โรงเตี๊ยมถ้ำง้อบ ตั้งอยู่เชิงดอยอ่างขาง พื้นที่อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่
ด้วยเสน่ห์ของอาหารจีนยูนนานขนานแท้ ทั้งไก่ดำตุ๋นตังกวย ขาหมูตุ๋น กระดูกอ่อนตุ๋นเห็ดหอม หมูพันปี ยำสามสี หมั่นโถว หยกดำ และยำโอซุ่น นอกจากอาหารแล้วยังมีบริการห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งห้องพักเป็นโรงนอนของทหารเก่านำมาปรับปรุง โดยมีทั้งห้องพักสำหรับ 2 คน, สำหรับ 3-4 คน และสำหรับ 6-10 คน ค่าใช้จ่ายสำหรับห้องพักคนละ 200-250 บาทรวมอาหารเช้า(ตอนที่ผมไปมีทราบว่ามีด้วย เพิ่งทราบตอนหาข้อมูลทีหลัง)
เขียนไปหิวไป
ผมและคณะมีโอกาสได้ลิ้มลองอาหารจีนยูนนานขนานแท้จากโรงเตี๊ยมถ้ำง้อบ บอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่หาจากไหนไม่ได้จริงๆ โดยเฉพาะเมนูหมูหมักพันปี คนอื่นอร่อยไหมไม่รู้ แต่ผมถึงกับต้องขอเพิ่ม 555 คนอื่นในทีมบอกว่ารสชาติเฝื่อนๆ แต่ผมดันชอบซะอย่างงั้น หมั่นโถวที่สั่งมาก็อร่อย เนื้อหวานแบบไม่มีใครเหมือน ไก่ทอดก็ดี โดยรวมอาหารถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเลย สำหรับใครที่ลองครั้งแรกอาจจะรู้สึกไม่ชิน อยากให้ลองเปิดใจและลิ้มรสชาติอาหารจีนยูนนานที่โรงเตี๊ยมถ้ำง้อบแห่งนี้ รับรองจะเป็นประสบการณ์ใหม่ให้คุณได้ไม่ยากแน่นอน
ถ่ายไว้ก่อน เดี๋ยวถ่ายไม่ทัน
Snap of the trip
ก่อนจะไปเรื่องบรรยากาศ ขอพูดถึงพนักงานต้อนรับหน้าขนอย่างบรรดาน้องแมว
ที่จะออกมาเพิ่มอรรถรส(AKA ก่อกวน) ในการรับประทานอาหารของคุณ คือน้องน่ารักมากๆๆๆ(x ล้านตัว) ขี้อ้อน ขยันคุยกับลูกค้า คุยได้คุยดี เหมียวๆๆ ตลอดเวลา แถมชอบเล่นกล้องลูกค้าด้วย ต้องคอยจับ ไม่งั้นคงไม่ได้รูปมาเขียนบล็อกนี้แน่นอน ใครที่เป็นสายแมว เป็นทาสแมวอยู่แล้ว บอกเลยว่าน้องๆที่นี่ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
นอกจากอาหารถูกปาก น้องแมวถูกจริตแล้ว บรรยากาศและจุดถ่ายรูปในโรงเตี๊ยมถ้ำง้อบก็น่าประทับใจไม่น้อยเลย ถึงจะไม่ได้เยอะเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ(ก็เขาเน้นทำเป็นร้านอาหาร) แต่บอกเลยว่าในประเทศนี้ มีน้อยที่มากๆที่จะให้ธีมภาพถ่ายฟีลจีนยูนนานแท้ๆแบบนี้ได้
ทั้งบริเวณที่พักของนายพลลี ซุ้มประตู บริเวณโดยรอบของร้าน ล้วนแต่มีบรรยากาศร่มรื่น พักผ่อนก็ได้ ถ่ายรูปก็ดี หลังโรงเตี๊ยมเป็นวิวที่บรรยากาศร่มรื่น หน้าโรงเตี๊ยมก็มีร้านค้า และบ้านของชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าวเป็นบรรยากาศที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของชาวจีนยูนนานไว้ได้เป็นอย่างดี
โดยรวมแล้วโรงเตี๊ยมถ้ำง้อบเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่เหมือนใคร ความน่าสนใจไม่ได้มีแค่เรื่องที่สัมผัสได้อย่างอาหาร บรรยากาศ(และแมว) แต่ยังมีเรื่องของประวัติความเป็นมา เรื่องราวสุด epic ทราบซึ้งและน่าประทับใจ ใครที่เป็นสายประวัติศาสตร์ มีความรู้เรื่องบริบทภูมิรัฐศาสตร์โลกยุคหลังสงครามโลกต่อต้นสงครามเย็นอยู่บ้าง คุณจะฟินสุดๆแบบที่ผมรู้สึกได้ไม่อยากอย่างแน่นอน พี่ๆพนักงานให้การต้อนรับดีมาก ถึงจะเดินทางลำบากนิดนึง แต่บอกเลยว่าคุ้มค่าน้ำมันทุกบาททุกสตางค์อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น ขอแนะนำให้ท่านไปสัมผัสสถานที่เที่ยวที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งที่เชิงดอยอ่างขางแห่งนี้ ขอแนะนำวันธรรมดา คนไม่เยอะมาก มีเวลาเดินสำรวจได้เต็มที่ แล้วก็ควรจะโทรถามก่อน เพราะที่นี่หยุดค่อนข้างบ่อย โดยเฉพาะเทศกาลสำคัญของชาวจีน ใครจะไปให้วางแผนการเดินทางดีๆด้วย
อ้างอิง
กาญจนะ ประกาศวุฒิสาร, พ.อ., ก๊กมินตั๋ง ทหารจีนคณะชาติตกค้างภาคเหนือประเทศไทย (เชียงใหม่: สยามรัตน พริ้นติ้ง, 2546)
โฆษณา