23 มิ.ย. เวลา 12:53

โลกของธุรกิจ ต้องคำนึงถึง ใจเขาใจเรา โลภมากลาภหาย

เรื่องที่1
หลายปีก่อน ผมเคยไปขอเช่าตึกนึง
ตั้งใจเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว
เห็นว่างมาหลายปีเลยไปติดต่อขอเช่า
เจ้าของบอกเดือนละ15,000บาท
แป๊ะเจี๊ยะ50,000
ผมต่อรองค่าเช่าขอเดือนละ12,000ได้มั้ย?
เจ้าของบอกได้15,000
จากวันนั้นจนวันนี้ผ่านไปเกือบ10ปี
ยังไม่มีใครมาเช่าแม้แต่รายเดียว
ผมอดคิดไม่ได้ว่า
ถ้าให้เช่าเดือนละ12,000
10ปี เขาก็ได้ค่าเช่าไปแล้ว 1,440,000บาท
แต่เขายืนยันที่15,000 ตลอด10ปี
ไม่ได้เงินเลยสักบาทเพราะไม่มีใครมาเช่าเลย
เรื่องที่2
ตึกแถวแห่งนึงที่บ้านผม
ติดกัน20ห้อง คิดค่าเช่า
เดือนละ10,000บาทมาตลอด7-8ปี
พ่อเจ้าของตึกตายลงไป
ลูกชายมาดูแลกิจการต่อ
อยู่ๆขึ้นค่าเช่าเป็น15,000บาท
ปรากฎว่าจากมีคนเช่าเต็ม20หัอง
ตอนนี้เหลือ3ห้อง อีก17ห้องย้ายหนีหมด
ตั้งแต่ขึ้นค่าเช่ามา
ไม่มีใครไปเช่าเลย นานนับปีๆ
ถ้าคิดเดือนละ10,000บาท
17ห้อง เดือนนึงก็ได้170,000
แต่คิด15,000ทำให้เหลือแค่3ห้อง
กลายเป็นมีรายได้แต่45,000บาท
ทั้งสองเรื่องนี้
มันไปตรงกับคำสั่งสอนที่ครูอาจารย์ผมสอนมา
ทำธุรกิจหรือดำเนินชีวิตต้อง...ใจเขาใจเรา!
โลภมากลาภหาย!
อยากได้มากสุดท้ายจะไม่ได้อะไรเลย
ผมเดาเอาเองว่า
เจ้าของตึกคงไม่ซีเรียสอะไรมาก
เอ็งไม่อยู่ เดี๋ยวคนอื่นก็มาอยู่
อันนี้เข้าใจว่าไม่เดือดร้อน
แต่สุดท้ายเมื่อเราสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น
คนที่เดือดร้อนก็เป็นเราอยู่ดี
อย่างน้อยมึงก็ได้รายได้น้อยกว่าเก่าหล่ะว่ะ!
คนเช่าอยู่ไม่ได้เขาจะเอาเงินไหนจ่ายค่าตึก?
ใจเขาใจเรา ทำงานแล้วไม่ได้เงินใครจะทำ?
หาได้เท่าไหร่ให้ค่าตึกหมด...ใครจะอยู่?
ผมพบว่าสองสถานที่ที่ผมอ้างถึง
มีความเหมือนกันโดยบังเอิญคือ
สองคนนี้รวยมาตั้งแต่เกิด
ไม่เคยลำบากยากจน เป็นเรื่องยาก
ที่เขาจะเข้าใจหัวอกคนจนคนทำมาหากินได้
อยากที่ผมพูดประจำ โพสต์ประจำ
เราไม่มีทางได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น
ในขณะที่จะขอทำงานเท่าเดิมได้หรอก
โลกจ่ายผลตอบแทน
ตามความสามารถและความพยายาม
ตึกเดิม ไม่เพิ่มอะไรให้ ไม่ตกแต่งอะไรใหม่
แต่จะเอาค่าเช่าเพิ่มขึ้น...ใครจะจ่าย?!
ในเชิงการค้าก็เช่นกัน
ไม่มีใครยอมจ่ายเงินเท่าเดิม
แต่ได้ของที่ห่วยกว่าเดิมหรอก จริงมั้ย?
“อย่าหวังจะได้ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
บนความสามารถและความพยายามที่เท่าเดิม”
#โลภมากลาภหาย
#อยากได้มากก็ยิ่งจะไม่ได้อะไรเลย
#ใจเขาใจเรา
ขอบขอบคุณ
Cr. บทความจาก : คุณ สิริทัศน์ สมเสงี่ยม
โฆษณา