24 มิ.ย. เวลา 00:21 • การศึกษา
ความก้าวร้าวไม่ใช่แค่คำพูด แต่พฤติกรรมหลายๆเรื่องถือว่าเป็นความก้าวร้าวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการตอบโต้ที่ไม่สมเหตุสมผล เกินปกติ เกินขอบเขต เคยเห็นข่าวป้าที่ป่วยเป็นจิตเวทเพราะต้องไปรู้ว่าคนอื่นนินทาอะไรตัวเอง คิดว่าเป็นการตามใจปากที่ไม่เกี่ยวกับปากน่ะครับ พอเคยตัวก็เลยเกิดพฤติกรรมลุแก่อำนาจ ลุแก่โทษแบบนั้น เมื่อมองตัวเองสำคัญกว่าคนอื่นพฤติกรรมเหล่านี้จึงเกิดต่อเนื่อง คงไม่เกี่ยวกับการเลี้ยงดูแต่โดยมากมักเกิดกับผู้ที่ขาดการอบรม พ่อแม่ ครู อาจารย์?
จริงๆแล้วการกระทำหรือพฤติกรรมที่มันไม่ก้าวร้าวทางกายหรือวจีสุจริตแต่เป็นมโนทุจริตแต่สมองสั่งให้วางแผนทำนั่นทำนี่สารพัดนี่ผมถือว่าเป็นอาการก้าวร้าวอย่างนึงเลยครับ แต่เราอาจจะต้องเห็นพฤติกรรมเหล่านั้นจนเคยชิน ความเห็นส่วนตัวมันอาจเป็นความยึดถือผิดๆว่าทำแล้วจะเกิดนั่นเกิดนี่ได้นั่นได้นี่แต่ถ้าไม่ ความต่อเนื่องยาวนานอาจจะยุติไปได้สักระยะ แต่จะเกิดขึ้นใหม่เสมอหากคนแบบนั้นยังอยู่แวดล้อมเรา ไม่ออนไลน์ก็ออฟไลน์
ในยุคนี้ กายกรรม มโนกรรม วจีกรรม ที่ก้าวร้าว ก็ยังต้องมีการเปลี่ยนผ่านไม่ใช่พัฒนาการของมันจะไม่มี แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านจากมโนทุจริตของผู้ก่อเหตุให้เป็น กายกรรม วจีกรรม ของผู้ตกเป็นเหยื่อน่ะแหละครับ แต่ความยึดถือเดิมๆที่ไม่ตามโลกคนเราในยุคนี้จึงมองที่เรื่องของ กายกรรมวจีกรรมกันมากกว่ามโนกรรม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเนื้อหาประเภทกรดไหลย้อน ทัวร์นรก(พวกเดียวกันมาชุดนุมกันโดยนัดหมายจัดทัวร์ลงให้ใครสักคนเพื่อให้คนอ่านคิดว่านั่นคือความต้องการของสังคม)
จะยุติความก้าวร้าวจริงๆ ต้องฟังหรือพอเห็นอะไรแล้วต้องคิดก่อนครับ ไม่ใช่คิดก่อนพูด เพราะนั่นไม่ใช่รากเหง้าของความก้าวร้าวนะ และอย่าลืมว่า ความก้าวร้าว มันก็มีพัฒนาการเช่นกันในโลกที่เปลี่ยนไปไม่ใช่ว่ามันอยู่เฉยๆ
โฆษณา