25 มิ.ย. เวลา 03:29 • ครอบครัว & เด็ก

“ลูกติดมือถือ” ภัยร้ายของสังคมยุคใหม่ หรือแค่ “ข้ออ้าง” ของพ่อแม่ยุคนี้?

“ลูกติดมือถือ” น่าจะเป็นปัญหาอันดับต้นๆของครอบครัวในยุคนี้ ด้วยความที่เทคโนโลยีของโลกการสื่อสารก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนคนยุคเก่าตามไม่ทัน
จากยุคสมัยของมือถือปุ่มกดที่เล่นเกมได้เพียงแค่งูกินหางอยากเล่นเกมต้องวิ่งเข้าร้านอินเตอร์เน็ตข้างโรงเรียน หน้าจอที่เห็นก็มีเพียงแค่ทีวีไม่กี่ช่องและต้องนั่งตั้งตารอรายการที่ตัวเองอยากดูจะมาในทุกอาทิตย์ ถ้าอยากดูซ้ำก็ต้องอัดวีดีโอเอาไว้ถ้ากดผิดอัดไม่ติดก็จบเลยอดดู อยากคุยกับเพื่อนต้องโทรเข้าโทรศัพท์บ้าน อยากแชทต้องเปิด msn เรียกว่าทุกความบันเทิงในชีวิตจะต้องมีความอดทนอยู่ด้วยเสมอ
จนมาสู่ยุคปัจจุบันที่มือถือไม่ต่างอะไรจากคอมพิวเตอร์ เล่นเกมได้มากมายหลายร้อยเกมเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา ดูวีดีโอจากทั้ง youtube , tiktok ซึ่งมีเป็นล้านๆวีดีโอให้ดูกันทุกแทบจะทุกวินาที อยากส่งข้อความหาเพื่อนก็ทักLineได้เลยไม่ต้องรอ ด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลินที่อัดแน่นจัดเต็มทุกวินาทีขนาดนี้
จึงไม่แปลกที่เด็กๆในยุคใหม่จะเกิดพฤติกรรม “ติดมือถือ” กันอย่างแพร่หลาย บางคนอาการหนักถึงขนาดห่างจากมือถือไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ทั้งกินข้าว เข้าห้องน้ำ เดินไปไหนมาไหน ต้องทำอะไรมือเดียวเหมือนคนพิการเพราะอีกมือถือโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา
จนปัจจุบันแทบจะเรียกได้ว่า ความคิดความอ่านของเด็กในยุคนี้ได้มาจากเสพคอนเทนต์จากอินเตอร์เน็ตมากกว่าการเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตจริงๆเสียอีก ซึ่งแน่นอนมันตามมาด้วยข้อเสียมากมายที่ถูกพิสูจน์แล้วด้วยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรม ก้าวร้าว โมโหร้าย ไม่สนใจสิ่งอื่นรอบข้าง ไม่มีความรับผิดชอบ พัฒนาการช้า ไม่มีทักษะในการเข้าสังคม เสี่ยงต่อการเป็นสมาธิสั้น ซึมเศร้า และวิตกกังวล
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ “มือถือ” จะเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวโทษเรื่อยมา เมื่อเด็กวัยรุ่นได้ก่อปัญหาต่างๆขึ้น “ลูกติดมือถือ” กลายเป็นสาเหตุอันเลวร้ายของปัญหาแทบทุกๆอย่างของวัยรุ่นในยุคนี้ แต่ถ้ามือถือคือสาเหตุของพฤติกรรมแย่ๆของวัยรุ่นทั้งหมดจริงๆ ทำไมปัญหานี้ถึงยังไม่ถูกแก้ไขเสียทีจนถึงปัจจุบัน
ใครกันที่เป็นคนซื้ออุปกรณ์ชิ้นนี้ให้ลูกเราตั้งแต่แรก
 
ใครกันที่ปล่อยลูกเอาไว้กับมือถือโดยไม่อธิบายอะไรเค้าเลยซักคำ
ใครกันที่ไม่พอใจที่ลูกดูมือถือในวันหยุดทั้งวัน แต่ไม่เคยหากิจกรรมอื่นให้ลูกทำเลย
ใครกันที่ดุด่าลูกตอนเล่นมือถือ แต่ตัวเองก็นั่งไถ่เฟสบุ๊คไปด่าไปด้วย
ใครกันที่ไม่เคยคุยกับลูก จนลูกรู้จักยูทูปเบอร์มากกว่าพ่อแม่ตัวเองเสียอีก
ใครกันที่คาดหวังให้ลูกเก่ง ให้ลูกเป็นคนดี ให้ลูกมีความรับผิดชอบ แต่โยนมือถือให้เค้าตั้งแต่เด็ก ไม่เคยใส่ใจเลยว่าจริงๆแล้วเค้าเป็นใคร รู้สึกอย่างไรและต้องการอะไร
ผมไม่ได้จะบอกว่ามือถือไม่ผิด แต่มือถือไม่มีขา มันเดินไปหาลูกเราเองไม่ได้ถ้าเค้าไม่ต้องการ เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองเองไม่ใช่เหรอ ที่หยิบยื่นสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกตั้งแต่ต้น เพื่อให้เค้าเป็นนิ่งเงียบ กลายเด็กที่เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย ไม่ร้องงอแงไม่ดื้อไม่ซน เพื่อให้พ่อแม่ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น
ความรับผิดชอบ ความอดทน ความฉลาดทางอารมณ์ ความมีวินัย สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องปลูกฝังตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ผ่านชีวิตประจำวันผ่านการสอนด้วยสถานการณ์จริงต่างๆ หล่อหลอมกันจนกลายเป็นประสบการณ์ชีวิตและบทเรียนที่มีค่า ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะตะโกนใส่หน้าเค้าตอนอายุ13แล้วจะคาดหวังให้เค้าเป็นเด็กดีขึ้นได้ทันที มันเป็นไปไม่ได้
มือถือไม่ใช่สิ่งเลวร้าย มันเป็นแค่เครื่องมือชิ้นหนึ่ง ถ้าใช้ในทางที่ถูกต้องมันจะสร้างประโยชน์และความสะดวกสบายมากมาย แค่ด้วยความสามารถที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแล้วเข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆได้มหาศาลโดยไม่มีการคัดกรอง จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองต่างหากที่ต้องควบคุมและคัดกรองคอนเทนต์ที่ลูกเราจะเข้าถึงได้ตั้งแต่แรก รวมถึงทำความเข้าใจและรู้เท่าทันเทคโนโลยีที่เค้าใช้เพื่อเป็นที่ปรึกษาและคอยแนะนำการใช้งานของเค้าไปด้วยกันเพื่อไม่ให้ใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ผิด
พ่อแม่บางคนอาจจะบอกว่า ตนเองไม่มีเวลาขนาดนั้นในการควบคุมตรวจเช็คการเสพคอนเทนต์ในมือถือของลูก ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็คงต้องมีการแผนครอบครัวในการแก้ปัญหาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะด้วยสภาพสังคมในปัจจุบันการตัดขาดมือถือออกจากเด็กแทบจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แล้ว (แม้แต่ผู้ใหญ่หลายๆคนก็ทำไม่ได้) มันก็คงไม่เกินไปถ้าจะพูดว่าทักษะในการควบคุมดูแลการใช้มือถือของลูกคือสิ่งที่จำเป็นที่สุดในยุคสมัยนี้ไปแล้ว
นอกจากการควบคุมดูแลการใช้มือถือของลูกแล้ว การให้ลูกได้ทดลองกิจกรรมอื่น เพื่อค้นหาตัวเองก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้เค้าได้ออกจากหน้าจอ ได้ออกมาใช้ชีวิต ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตจริงๆ ที่หน้าจอไม่สามารถให้ได้ ถ้าไม่รู้ว่าจะให้ลูกทำอะไรก็จะพูดคุยกับเค้าให้มากขึ้น ศึกษาเค้าให้มาขึ้น รู้จักตัวตนของเค้าให้มากขึ้น ให้เค้าได้ทดลองหลายๆอย่าง ให้เค้าได้ฝึกฝนทุ่มเทให้กับสิ่งที่ตัวเองรักและชอบ เพื่อให้ตัวเขาสามารถผ่านพ้นวัยรุ่นไปได้อย่างปลอดภัย
 
ไม่มีเด็กคนไหนอยากก้าวร้าว
ไม่มีเด็กคนไหนอยากเป็นเด็กไม่ดี
ไม่มีเด็กคนไหนอยากเป็นเด็กไม่มีความรับผิดชอบ
ไม่มีเด็กคนไหนอยากกลายเป็น “เด็กติดมือถือ”
เด็กทุกคนอยากเป็นรักของพ่อแม่และอยากมีคุณค่าในตัวเอง
ลองใช้เวลาศึกษาและทำความเข้าใจลูกของเราซักนิด
แล้วคุณจะพบว่าสุดท้ายแล้ว ลูกของคุณคือเด็กที่น่ารักที่สุดในโลกเสมอครับ
โฆษณา