Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นักรบกระดานหุ้น
•
ติดตาม
25 มิ.ย. เวลา 08:07 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เล่นหุ้นอย่างไรให้ได้ฟิล เหมือนซื้อหวย?
ในช่วงนี้กระแสนโยบาย “หวยเกษียณ” ของรัฐบาล เริ่มเป็นที่พูดถึง แต่จริงๆ เราสามารถลงทุนในตลาดหุ้นให้เหมือนกับการซื้อหวยได้เหมือนกัน ลงทุนในหุ้นอย่างไร วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟัง
หากวันนี้ใครคิดว่าการเทรดหุ้น คือ การซื้อหุ้นแล้วก็แค่รอให้ราคาขึ้น แปลว่า คุณอาจจะยังหาประโยชน์จากตลาดได้เพียงส่วนเดียวเท่านั้น เพราะในตลาดหุ้น การทำกำไรมิได้มีแค่ทางขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถทำกำไรในทางลงได้เช่นกัน ซึ่งมีเครื่องมือหรือผลิตภัณฑ์มากมายให้เราเลือกใช้ให้เหมาะกับตัวเอง และเหมาะกับสภาพตลาด ณ. เวลานั้นๆ
Set50 Option
ในตลาดหลักทรัพย์ มีผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ชื่อว่า Option (ออฟชั่น) ซึ่งการซื้อ Option ในตลาดหุ้น ผมขอเปรียบเทียบให้เข้าใจกันง่ายๆ ว่า มันมีความคล้ายกับการซื้อหวย ในที่นี้ผมหมายถึง Set50 Option นะครับ คือ ผลิตภัณฑ์ที่อ้างอิงดัชนีหุ้น 50 ตัวแรกของไทยครับ
2 อย่างนี้ มันเหมือนกันอย่างไรมาดูกัน สิ่งที่เหมือนกันของ Option กับ หวย คือ
1. มีฝั่งเจ้ามือ (Short) และคนซื้อ (Long)
2. ต้องเลือกเลขที่จะซื้อ (Strike price)
3. มีการกำหนดวันหมดอายุ (Expiration month) หรือซีรี่ย์ ซึ่งน่าจะคล้ายๆ วันหวยออก
4. สิ่งที่เพิ่มมาคือ ต้องเลือกทิศทางว่าในอนาคตจะขึ้นหรือลง จากราคาอ้างอิงปัจจุบันกับเลขราคาอ้างอิงที่เราซื้อ (Call และ Put)
จะเห็นได้ว่าการซื้อ Option หลักการรวมๆ ก็คล้ายๆ กับการซื้อหวยยังไงยังงั้น แล้วจะเริ่มอย่างไรขอไล่กันไปทีละเรื่องนะครับ
การใช้สิทธิในรูปแบบต่างๆ
1. การซื้อหวยต้องมีเจ้ามือกับคนซื้อ Option ก็เช่นกัน คุณต้องเลือกก่อนว่าจะเป็นฝั่งไหน หรือจะอยู่ทั้งสองฝั่งก็ไม่ได้ผิดแต่อย่างไร แต่สิ่งที่แตกต่างจะมีดังนี้
1.1 หากคุณอยู่ฝั่งคนซื้อหรือคนแทง ถ้า Option เรียกว่า ฝั่ง Long
คุณจะเสียหายมากสุดก็แค่เงินที่ใช้ซื้อ ยกตัวอย่าง หากเราซื้อล็อตเตอรี่ เราเสียมากสุดก็ตามราคาที่เราจ่ายซื้อไป เช่น สลากใบละ 80 บ. เสียมากสุดก็ 80 บ. แต่ถ้าเกิดเลขที่เราเลือกเกิดถูกรางวัล เราจะได้รางวัลไม่จำกัดตามรางวัลที่เราถูกนั่นเอง
ซึ่งใน Option เองก็เป็นแบบนั้นเช่นกันครับ หากเราอยู่ฝั่ง Long เราจะเสียเงินมาสุดตามราคาปัจจุบันที่เราซื้อ แต่ที่แตกต่างก็คือ ราคาที่ว่านี้มีการปรับขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับ ราคาอ้างอิงที่เราซื้อกับระยะเวลาวันหมดอายุ แต่ดีกว่าซื้อหวยตรงที่ก่อนวันหมดอายุหรือเปรียบกับวันหวยออก ถ้าเราดูแล้ว โอกาสที่เราจะทายผิดกับตัวเลขที่เป็นอยู่ เราสามารถขายเอาเงินที่ลงทุนไป คืนมาได้บางส่วนครับ เช่น ลงทุนซื้อไป 80 บ. เกิดผิดทางยอมขาย อาจได้เงินคืนมา 40 บ. เป็นต้น
สรุปคือ ดูแล้วใกล้วันหวยออก แต่เลขที่ซื้อก็ห่างไกลออกไปมาก โอกาสถูกน้อยสามารถขายได้ต่อได้ครับ แต่ยิ่งใกล้วันหมดอายุราคาก็จะยิ่งต่ำลงไปเรื่อยๆ จนค่าเป็นศูนย์หรือไม่มีคนยอมซื้อเลยก็สามารถเป็นได้ครับ
นั่นเท่ากับว่า คนซื้อ : เสียเงินจำกัด (เท่าที่ซื้อ) แต่มีโอกาสได้ไม่จำกัด
1.2 หากคุณเป็นฝั่งเจ้ามือหรือคนขาย ถ้า Option เรียกว่า ฝั่ง Short
อย่างแรกเลย คุณจะได้กำไรเงินมากสุดเท่ากับเงินที่คนซื้อเขาลงทุนจ่ายมา แต่เวลาเสียจะเสียได้ไม่จำกัด
อ้าว! แบบนี้ก็มีแต่คนซื้อ ไม่มีคนขายสิ
โนๆๆๆ มันไม่ใช่แบบนั้นแน่นอนครับ
เอาง่ายๆ ระหว่างเจ้ามือหวยกับคนแทงหวย เปอร์เซ็นต์ชนะใครมีมากกว่ากัน ใช่แล้วครับ เจ้ามือหวยมีโอกาสชนะมากกว่า เพราะเขากระจายความเสี่ยงด้วยการรับทุกเลขทุกราคากับทุกคน
ใน Option ก็เป็นแบบนั้นเช่นกันครับ ทิศทางตลาดมีทางเดียว แต่ถ้ารับหมดไม่ว่าขึ้นหรือลง ในรูปแบบที่เขาคิดว่าได้เปรียบโอกาสที่คนขายจะชนะก็จะสูงตาม
ซึ่งหากเจ้ามือรับหมดทุกคน ทุกเลข คนที่ถูกรางวัล ย่อมเป็นคนส่วนน้อย เขาก็เอาเงินที่รับๆ มาทั้งหมดไปจ่ายแค่บางคนที่ทายถูก ซึ่งเจ้ามือได้เปรียบอยู่ 2 อย่าง คือ คนแทงทายผิดทางกับเวลาที่ค่อยๆ หมดไปก่อนวันหมดอายุ ส่วนคนแทงอยากได้กำไรต้องทายให้ถูกเป็นทางเดียวเลยครับ
แต่การจะเป็นเจ้ามือ ก็จำเป็นต้องมีเงินหน้าตักเยอะๆ หน่อย ไว้เป็นเงินวางหลักประกัน (เป็นการการันตีว่ามีพอจ่ายคนซื้อ) และตัวเลขเงินวางหลักประกันนี่ ปรับกันทุกชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งทางตลาดเขาเป็นคนดูแล สบายใจได้ว่างานนี้ไม่มีใครเบี้ยวใครแน่นอนครับ
สถานะการรับ-จ่ายเงิย ของผู้ซื้อและผู้ขาย
2. เลขที่จะซื้อ ถ้าเป็นหวยคือต้องตรงเลขเท่านั้น แต่หากเป็น Option จะมีราคาใช้สิทธิ Strike Price ให้ใกล้หรือเกินกว่ายิ่งดี ซึ่งสามารถทำกำไรเป็น 1,000% ก็สามารถเป็นไปได้ครับ โดยตัวเลข Strike Price จะปรับเพิ่มช่องราคาให้เราเลือกทุกๆ 25 หน่วย แบ่งเป็น 3 ชนิดราคา ได้แก่
- In the Money (ITM) คือ Strike Price มีโอกาสจะได้กำไรในวันหมดอายุ
- At the Money (ATM) คือ Strike Price เท่ากับราคาตลาด ซึ่งอาจไม่มีกำไรหรือขาดทุนในวันหมดอายุ
- Out of the Money (OTM) คือ Strike Price มากกว่าราคาตลาด มีโอกาสขาดทุนในวันหมดอายุ
ซึ่งราคา Strike Price ทั้ง 3 ชนิดที่ว่า มีผลกับเงินที่เราต้องจ่ายในการลงทุนโดยตรงว่าใช้เยอะหรือใช้น้อย ซึ่งไปสัมพันธ์กับโอกาสที่จะเป็นครับ
3. วันหมดอายุ (Expiration month) หรือเรียกเข้าใจง่ายๆ ถ้าเป็นหวยก็วันที่ 1 กับ 16 ของเดือน แต่ถ้าเป็น Option ก็ช่วงสิ้นเดือน แต่ก็ไม่ได้นิยมซื้อทุกซีรี่ย์ แต่จะนิยมซื้อซีรี่ย์ที่จะหมดอายุทุกๆ 3 เดือน เช่น
ซีรี่ย์ H หมดอายุ ช่วงสิ้นเดือน มีนาคม
ซีรี่ย์ M หมดอายุ ช่วงสิ้นเดือน มิถุนายน
ซีรี่ย์ U หมดอายุ ช่วงสิ้นเดือน กันยายน
ซีรี่ย์ Z หมดอายุ ช่วงสิ้นเดือน ธันวาคม
การกำไร-ขาดทุน ในการถือสัญญารูปแบบต่างๆ
อ่านมาถึงตรงนี้ อาจดูเหมือนไม่ต่างจากหวยอย่างที่ผมเล่า แต่ในความเป็นจริง มันช่างต่างกันมากอยู่ครับ แม้หลักการเมื่อนำมาเปรียบเทียบจะมีความคล้ายกัน แต่หากคุณซื้อหวยมันไม่สามารถคาดเดาใดๆ ได้ ขึ้นอยู่กับดวง แต่การลงทุนใน Option นั้นไม่ใช่เลย เราสามารถคาดเดาได้ และใช้กลยุทธ์เป็นหลัก เพื่อช่วยในการบริหารความเสี่ยง
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเสี่ยงลงทุนทำให้มันเป็นหวย มันก็จะเป็นหวย แต่หากเข้าใจและมีความรู้ยิ่งขึ้น สู้ด้วยกลยุทธ์มันจะเป็นการลงทุนที่ควบคุมความเสี่ยงได้ ซึ่งเราสามารถเป็นได้ทั้งเจ้าและคนแทงได้ในคราวเดียวกัน หรือสามารถเป็นได้ทั้งฝั่งขึ้นและลงก็ได้เช่นกัน อยู่ที่การวางกลยุทธ์และสภาวะตลาดที่เราคาดการณ์ครับ
รูปแบบการถือสถานะ
ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วอาจไม่เข้าใจ ยังไงลองศึกษาเพิ่มดูนะครับ เพราะผมพยายามเปรียบเทียบให้เห็นภาพเพื่อที่จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นและเป็นไอเดียในการลงทุนเท่านั้น ซึ่งจริงๆ มันไม่ง่ายเหมือนการซื้อหวยแล้วรอวันหวยออก ผลิตภัณฑ์มันค่อนข้างซับซ้อนอยู่ครับ แต่เห็นว่าเป็นที่นิยมของตลาดต่างประเทศ ในขณะที่ตลาดบ้านเรายังไม่นิยมมากเท่าไหร่นัก
…
หากเนื้อหาส่วนไหนผิดพลาดหรือตกหล่นไป ต้องขออภัยและเพิ่มเติมได้เลยนะครับ
กันต์ธีร์ พงษ์สุวินัย
ข้อมูลอ้างอิงรูปภาพบางส่วนจาก บลจ.หลักทรัพย์บัวหลวง
การลงทุน
หุ้น
การเงิน
2 บันทึก
2
1
2
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย