25 มิ.ย. เวลา 09:17 • การเมือง
วัดสวนแก้ว(พระยอม กัลยาโณ)

พูดโกหก หากไม่ได้มีเจตนาให้ใครเดือดร้อนและไม่ได้มีเจตนาเพื่อให้ตัวเองได้ผลประโยชน์ บาปไหม?

ก่อนอื่น ต้องแยกความหมายของสามคำนี้ให้ออก ๑.พูดปด แปลว่าพูดเพื่อแก้ตัว,เพื่อหลบหลีกความผิด ๒.พูดโกหก แปลว่าพูดสิ่งที่ไม่จริง กินความหมายกว้างมาก เช่น มีคนถามว่าเมื่อวานไปซื้ออะไรมา แล้วเราตอบไปแบบขอไปทีว่าไปซื้อกับข้าว ทั้งที่จริงแล้วไปซื้อขนม อันนี้ก็เรียกว่าโกหก แต่ไม่บาป หรือ พูดจาว่าคนอื่นเป็นชู้กัน ทั้งๆที่พวกเขาไม่รู้จักกัน อันนี้ก็เรียกว่าพูดโกหก แต่บาป กล่าวคือ พูดเรื่องที่ไม่ใช่ความจริงนั่นเอง
#มุสาวาท #มุสาวาทา #พูดปด #พูดโกหก
และ ๓. พูดเท็จ ความหมายคือ "เพ็ดทูล" พูดไปเพื่อให้ใครก็ตามเดือดร้อน พูดให้มีคนถูกเข้าใจผิดจนเสียหาย หรือพูดโกหกไปเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์แก่ตัว โดยส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนหรือความเสียหายขึ้นกับคนที่เชื่อ การพูดเท็จจึงเป็นบาปเต็มๆ
ดังนั้น การพูดโกหก จึงเป็นคำที่กว้างมาก โกหกมีหลายแบบ การโกหกเพื่อไม่ให้คนที่รักเราเป็นห่วงเรา อันนี้ถือว่าไม่มีเจตนาให้ตัวเองได้ผลประโยชน์และไม่มีเจตนาให้คนอื่นเดือดร้อนเสียเปรียบ ดังนั้นจึงไม่บาป แต่ถ้าพูดเพื่อหนีความผิด อันนี้บาปเห็นๆ
เช่นเดียวกัน สมมติมีคนมาชวนคุย มาถามเราว่าเมื่อวานไปซื้ออะไรที่ไหนมา แล้วเราตอบว่าไปซื้อผักที่ตลาดมา ทั้งที่จริงแล้วไปกินขนมเค้กราคาแพงที่คาเฟ่ อันนี้เจตนาไม่ชัดเจน อาจจะเป็นการพูดไปเรื่อย หรืออาจจะมีเจตนาที่พูดเพื่อให้ตัวเองไม่ดูเข้าถึงยากจนเกินไป เพราะเห็นว่าคู่สนทนาไม่ได้ฐานะดีเท่าตัวเอง จึงไม่อยากทำให้เขารู้สึกน้อยใจ แบบนี้ก็ไม่ถือว่าบาป
เช่นเดียวกัน การพูดจาที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อยุยงส่งเสริมให้คนทะเลาะกัน ไม่ตั้งใจให้คนเกลียดกัน อันนี้ก็ไม่เข้าข่ายส่อเสียด จึงไม่บาป ส่วนการพูดแดกดันจะเป็นอีกเรื่อง ถ้าพูดไปแล้วคนฟังแค้น ไม่พอใจ หรือเสียใจ อันนี้ก็บาป (แต่บาปมากบาปน้อยขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของการพูด ถ้าพูดไปแล้วถึงขนาดทำให้คนฟังเสียใจจนฆ่าตัวตาย คนพูดก็ต้องตกนรก) แต่ถ้าแดกดันด้วยเจตนาล้อเล่น ในขณะเดียวกันคนฟังก็ขำไปด้วยแล้วหยอกล้อ-กลับ อันนี้ถือว่ามีความเพลิน แต่ไม่ได้มีอกุศลกรรม(ไม่บาป)
ดังนั้น ถ้าจะถามว่า พูดโกหกจะบาปไปเสียหมดทุกกรณีไปหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า "ไม่"
การพูดโกหก จะบาปหรือไม่บาป ขึ้นอยู่กับเจตนา ส่วนการพูดเพ้อเจ้อนั้น ก็คือพูดไม่เป็นประโยชน์ พูดลวงโลก ชวนเชื่อ เกินจริง จึงบาปเต็มๆ เช่น กินอาหารเสริมตัวนี้แล้วขาวขึ้นสามเท่าเลยนะ ลองดูสิ หรือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนี้กินแล้วอิ่มอร่อยมาก กินแทนข้าวทุกวันยังได้ หรือ เลือกพรรคของเราสิ เราจะทำให้คนไทยทุกคนเป็นคนรวย มีรายได้หลักแสนกันถ้วนหน้าทุกคน ฯลฯ แบบนี้เรียกว่าพูดจาเพ้อเจ้อ มีความอันตรายอย่างยิ่ง เพราะทำไม่ได้แต่ก็อ้างว่าทำได้ เป็นไปไม่ได้แต่ก็อ้างว่าเป็นไปได้ จึงเข้าข่ายผิดศีลข้อมุสาวาทาเต็มๆ
เนื่องจากไปพูดเพ้อเจ้อ ลวงโลก ทำให้คนเขาหลง คนมีความหวังว่าชีวิตจะดีขึ้นถ้าทำตามที่เราพูด และเช่นเดียวกัน การประกาศประชาสัมพันธ์ตัวเองและวงศาคณาญาติแก่คนหมู่มาก ไปสร้างภาพว่าหวังดีกับผู้คน แต่จริงๆแล้ว ลับหลังก็คอยเอาเปรียบพวกเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะด้านใด ทางใด มิติไหนก็ตาม อันนี้ก็ถือว่าเข้าข่ายเพ้อเจ้อมุสาวาทขนาดหนัก หากไม่เจริญสติ สั่งสมสุตะ เจริญภาวนาจนเป็นอริยบุคคลให้ได้ อย่างไรเสียตายไปก็ต้องลงอบายทุคติวินิบาตและนรก
ในบางครั้งแม้จะพูดเรื่องจริง แต่ทำให้คนที่ถูกพูดถึงต้องเดือดร้อนเสียหายเพราะความจริงนั้น ยังไงๆก็บาป เช่น เพื่อนมาระบายให้เราฟังว่าโดนผู้ชายหลอกฟัน แล้วเราเผลอไปบอกกับแม่เพื่อนว่าเพื่อนโดนผู้ชายหลอกฟัน จนแม่เพื่อนจิตตก นอนไม่หลับ ความดันขึ้น เข้าโรงพยาบาล อันนี้คนเล่าก่ออกุศลกรรมเต็มๆ แล้วถ้ายังไม่รู้จักแก้ไขกมลสันดาน ชีวิตก็จะหาความเจริญได้ยากยิ่ง อาจเป็นปมในใจจนผู้พูดรู้สึกผิด หากไม่ยอมไปขอโทษย่อมจิตตก พอถึงคราวมรณะกาล จิตก็อาจไปปฏิสนธิในนรกหรือเดรัจฉานภูมิได้เลย แม้จะทำบุญไว้มากก็ตาม
แม้แต่การไปเข้าสังคมแล้วโอ้อวดว่าตัวเองเป็นคนมีระดับ ไฮโซ มีฐานะ หลอกลวงคนอื่นว่าตัวเองเป็นคนเก่งคนรวยเพื่อให้คนเชื่อถือ เพื่อให้คนนับหน้าถือตา เพื่อให้ได้รับการยอมรับในสังคม แบบนี้ก็ถือเป็นการพูดเพ้อเจ้อ พูดไม่เป็นประโยชน์ ซ้ำยังทำให้ตัวเองเกิดโมหะ (บางคนไม่ใช่แค่ลวงโลกเฉยๆ แต่พอทำให้คนอื่นเชื่อได้ ก็ไปหลอกถลุงทรัพย์เขา) ภัยระยะใกล้ก็อาจทำให้เป็นโรคจิต ภัยระยะยาวก็ต้องไปเกิดเป็นสัตว์นรกหรือสัตว์เดรัจฉานเมื่อสิ้นชีพไปแล้ว เป็นต้น
แอดมิน มยุระเวนะไตย แห่งเพจเฟ๊ซบุ๊คธรรมะแฟนตาซี
โฆษณา