Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
25 มิ.ย. เวลา 13:00 • สุขภาพ
ดึงเงินให้ถูกที่เมื่อ "ป่วยกระทันหัน"
เพราะ “ค่ารักษาพยาบาล” ไม่ใช่หน้าที่ของ “เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน” แต่เป็นหน้าที่ของ “ประกันสุขภาพ”
การไม่มีโรคถือเป็นลาภอันประเสริฐ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เกิด แก่ เจ็บ ตาย ถือเป็นสัจธรรมที่ทุกคนต้องเจอ เพียงแต่ปัญหาคือ “เราไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นวันไหน?”
เชื่อว่าหลายคนที่ตัดสินใจไม่ทำประกัน เพราะมองว่าทำแล้ว “ได้ไม่คุ้มเสีย” ยังไงร่างกายก็แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายๆ และถึงแม้จะเจ็บป่วย ก็ยังมี “เงินสำรองฉุกเฉิน” ที่เก็บไว้ เดี๋ยวเอาตรงนั้นมาใช้จ่ายรักษาตัวก็ได้
บอกได้เลยว่า ถ้าใครคิดแบบนี้อยู่ ต้องรีบคิดใหม่ เพราะเงินสำรองฉุกเฉิน วัตถุประสงค์ คือ การเก็บเพื่อไว้จ่าย “รายจ่ายประจำของแต่ละเดือน” ในสถานการณ์ที่เราขาดรายได้กะทันหัน ไม่ได้มีไว้สำหรับจ่ายค่ารักษาพยาบาล ที่ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่อยู่นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายรายเดือน อีกทั้ง เงินสำรองฉุกเฉิน ส่วนมากก็จะเก็บอยู่ที่ประมาณ “หลักหมื่นถึงแสนต้นๆ” บอกได้เลยว่า ค่ารักษาที่ต้องเจออาจเกินกว่าเงินสำรองฉุกเฉินไปมาก
เหล่านี้คือความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลังจากที่เกิดวิกฤติการระบาดใหญ่ คนไทยจำนวนมากก็หันมาสนใจทำ “ประกันสุขภาพ” กันมากขึ้น เพื่อเป็นหลักรับรองว่าหากเจ็บป่วยขึ้นมา อย่างน้อยก็มีคนจ่ายค่ารักษาให้ หรือได้เงินชดเชย
อีกทั้ง การซื้อประกันสุขภาพ ก็ถือว่าเป็น “ความฉลาดทางการเงิน” อย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้เราวางแผนการเงินได้อย่างรัดกุมมากขึ้น เพราะอะไรไปดูกันครับ
✅1.อุตส่าห์เก็บเงินแทบตาย แต่ถ้าป่วยขึ้นมาก็หมดตัวได้!
คนเรามักจะโฟกัสที่การสร้างความมั่งคั่ง ทำอย่างไรเราถึงจะรวย? แต่ลืมคิดไปว่าต่อให้อุตส่าห์ออมเงินเป็นล้าน แต่ถ้าเจ็บป่วยขึ้นมา อาจต้องใช้เงินรักษามากกว่านั้น หลายคนถึงขั้นหมดตัวเลยทีเดียว ถ้าไม่อยากให้ความพยายามสูญเปล่า ต้องปิดความเสี่ยงนี้ตั้งแต่แรก ด้วยการซื้อประกันสุขภาพ
✅2.จ่ายเบี้ยหลักร้อย หลักพัน แต่คุ้มครองหลักล้าน
อย่างที่บอกไปว่า หลายคนคิดว่าการซื้อประกันสุขภาพนั้นไม่คุ้ม เพราะมันคือการจ่ายเบี้ยทิ้ง แต่ลองคิดในมุมกลับกันดูครับ ถ้าเราเจ็บป่วยขึ้นมา เบี้ยประกันหลักร้อย-หลักพันต่อเดือน มันสามารถเปลี่ยนเป็นวงเงินค่ารักษาหลักแสน-หลักล้านได้ โดยที่เราไม่ต้องควักเนื้อจ่ายเอง ฟังแล้วดูคุ้มค่าขึ้นมาทันที
✅3.ประกันสุขภาพ ใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วย
จริงๆ แล้วการซื้อประกันสุขภาพ ก็ใช่ว่าจะเสียเงินทิ้งไปซะทีเดียว เพราะถ้าเราเป็นผู้เสียภาษีเงินได้ เราก็สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพของตัวเอง มาใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดปีละไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปและเงินฝากแบบมีประกันชีวิต จะต้องไม่เกิน 100,000 บาท
[ข้อควรรู้เกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพ]
โดยปกติแล้ว การคิดเบี้ยประกันสุขภาพจะขึ้นอยู่กับ "ความเสี่ยง" ของคนในช่วงวัยนั้นๆ ค่าเบี้ยประกันจึงมักปรับขึ้นตามอายุ เช่น ทุกๆ 5 ปี หรือบางแห่งอาจจะปรับขึ้นตามอายุที่ลงท้ายด้วยเลข 1 หรือ 6 ตัวอย่างเช่น 26, 31, 36, 41, 46 เป็นต้น
ซึ่งคนที่อายุมาก มักจะต้องจ่ายค่าเบี้ยสูงขึ้น เพราะร่างกายเสื่อมถอย มีโอกาสป่วยเป็นโรคต่างๆ มากกว่า ยิ่งถ้ามีประวัติรักษาโรคเรื้อรังอย่างต่อเนื่อง ประกันสุขภาพอาจปฏิเสธ หรือยกเว้นความคุ้มครองบางอย่าง หรือหากรับทำประกันก็ต้องจ่ายค่าเบี้ยสูงขึ้นราว 25-50% เลยทีเดียว
สุดท้ายนี้ aomMONEY อยากฝากไว้ว่า ไม่ว่าจะซื้อประกันประเภทใด ก็ช่วยปิดความเสี่ยงทางการเงินได้เช่นกันครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะให้น้ำหนักกับเรื่องไหนมากกว่า หากใครต้องการปิดความเสี่ยงค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดฝัน "ประกันสุขภาพ" ก็ถือว่าตอบโจทย์ครับ
#aomMONEY #วางแผนการเงิน #ออมเงิน #ลงทุน #ประกันสุขภาพ #ประกันโรคร้าย #HealthInsurance
6 บันทึก
10
9
6
10
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย