26 มิ.ย. เวลา 05:37 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ค้นหาโอกาสการลงทุน เมื่อบริษัทเทคฯ กำลังมีมูลค่ามากที่สุดในโลก

กระแสและความต้องการเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลบวกโดยตรงต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะผู้ผลิตหน่วยประมวลผลขั้นสูงที่ใช้ในอุตสาหกรรม AI อย่าง NVIDIA และผู้พัฒนา Generative AI อย่าง Alphabet ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนได้จากผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจนเซน หวง (Jensen Huang) ซีอีโอของ NVIDIA ผู้ผลิตชิปและเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติอเมริกัน ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกประจำปีงบประมาณ 2024 โดยบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 26,044 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 262% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา
ในขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 14,881 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 628% ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นของ NVIDIA อยู่ที่ระดับ 5.98 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิม 0.82 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 629% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา
ซีอีโอของ NVIDIA อธิบายว่ารายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์นี้ ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจ Data Center ที่มีแรงหนุนจากกระแสและความต้องการเกี่ยวกับ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย เจนเซน หวง ยังเปิดเผยอีกว่า NVIDIA กำลังร่วมมือกับบริษัทต่าง ๆ ในการสร้าง Data Center แบบใหม่เพื่อพัฒนา AI ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งบริษัทที่ได้ผลบวกโดยตรงจาก AI คือ Alphabet บริษัทแม่ของเสิร์ชเอนจินระดับโลกอย่าง Google และผู้พัฒนา Generative AI
ซึ่งในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซันดาร์ พิชัย (Sundar Pichai) ซีอีโอของ Alphabet ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกประจำปี 2024 โดยบริษัทมีรายได้ 3 เดือนแรกอยู่ที่ 80,539 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา
ในขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 23,662 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นของ Alphabet อยู่ที่ระดับ 1.89 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิม 1.17 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าคาดที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 1.51 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยซีอีโอของ Alphabet เปิดเผยว่ารายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากโฆษณาของ Google และ YouTube ในขณะที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI อย่าง Google Cloud และ Gemini ก็ไปได้ดีเช่นกัน
ซันดาร์ พิชัย ยังเปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า Alphabet ได้วางแผนทุ่มเงินลงทุนเพิ่มในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ โดยจะมุ่งไปที่การแข่งขันเพื่อขึ้นเป็นผู้นำในการพัฒนา Generative AI และผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานของปัญญาประดิษฐ์ โดยในเร็ว ๆ นี้ Alphabet วางแผนที่จะเพิ่มเติมฟีเจอร์ Generative AI ให้กับ Google Search เพื่อช่วยในการค้นหาต่าง ๆ อีกด้วย
นอกจากแผนการลงทุนเพิ่มเติมในการพัฒนา AI แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เรียกเสียงฮือฮาให้กับนักลงทุนจำนวนมาก คือการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ Alphabet ซึ่งสะท้อนถึงฐานะทางการเงินของบริษัทที่มั่นคงและศักยภาพการเติบโตในอนาคต
ข่าวบวกเหล่านี้ทำให้ราคาหุ้นของ Alphabet ปรับตัวสูงขึ้นและทำให้มูลค่าตลาดของบริษัททะลุ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นบริษัทที่ 4 ของโลกที่สามารถทำได้ ถัดจาก Microsoft, Apple และ NVIDIA ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก
การลงทุนในอุตสาหกรรม AI ตอนนี้ ยังคงเป็นสิ่งที่ BBLAM แนะนำ โดยผู้ที่สนใจสามารถเลือกลงทุนได้ผ่าน กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) หรือกองทุนประหยัดภาษีอย่าง B-INNOTECHRMF และ B-INNOTECHSSF ซึ่งสามารถเลือกลงทุนได้ง่าย ๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือ BF Fund Trading จาก BBLAM ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 500 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ BBLAM
• โทร. 0 2674 6488 กด 8
• เว็บไซต์ www.bblam.co.th
• ลงทุนด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือแอป BF Fund Trading จาก BBLAM ได้ที่ https://www.bblam.co.th/BFTTrade
คำเตือน : การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุนในกองทุน RMF/SSF ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
 
#BBLAM #กองทุนบัวหลวง #BFFundTrading #MobileBanking #ธนาคารกรุงเทพ #AI #ปัญญาประดิษฐ์ #Magnificent7
โฆษณา