26 มิ.ย. เวลา 07:29 • ท่องเที่ยว
บาหลี

บาหลี บาใจ ใครคิดถึงที่นี่บ้าง

จำได้ว่าตอนที่ไปช่วงเดือนกันยา อากาศกำลังชิลเลย ไม่ร้อนไม่หนาวไป เป็นทริปที่ได้ใช้ชีวิตแบบ Slow life อยู่กับความเรียบง่าย ใกล้ชิดธรรมชาติ คิดถึงบาหลีสุดๆ
มีเวลาแพลนทริปก่อนไปไม่กี่วัน แล้วก็คุยกันว่า 6 คืน 7 วันนี้ อยากให้เป็นทริป Slow life ใช้ชีวิตช้าๆ ไม่ต้องรีบ ที่ฮิตๆไม่ต้องไปเก็บให้ครบ เลือกไปเฉพาะที่ที่อยากไป เน้นพักผ่อนและดื่มด่ำกับธรรมชาติให้เต็มที่ ปรากฏว่ามันดีมากกก
เราว่าเช็คลิสที่แพลนไว้กำลังดี ตื่นเช้าบ้างตื่นสายบ้าง ไม่เหนื่อยไม่รีบเกินไป เดี๋ยวใส่รายละเอียดไว้ให้ เผื่อใครชอบเที่ยวแบบชิลๆจะได้ตามรอยได้ง่ายๆน๊า
บาหลีมีครบทั้งภูเขา ทั้งทะเล เป็นที่ๆคนอินกับธรรมชาติจะต้องรักเลยแหละ เราจองที่พักใน airbnb ไว้ 3 ที่ ที่ละ 2 คืน 3 โซนที่ไปคือ
🏄🏽‍♂️ Uluwatu อยู่ใต้สุดเป็นโซนที่ติดกับทะเล คนชอบมาเล่นเซิร์ฟ แถวนี้จะเงียบๆ ไม่ได้มีอะไรหวือหวามาก
🍰 Pererenan อยู่ใกล้ๆ Canggu เป็นโซนที่มีคาเฟ่เยอะชิคๆ คูลๆ
🌾Ubud อยู่ขึ้นไปทางเหนือๆ แถบนี้จะเป็นวิวภูเขา นาข้าว อารมณ์เหมือนอยู่บนดอย อากาศเย็นสบาย
ใน 3 โซนนี้ชอบ Ubud มากที่สุด หันไปทางไหนก็เจอสีเขียวของธรรมชาติ ดีต่อใจ ดีต่อปอด ☺️🌿รอบหน้าถ้าไปเที่ยวบาหลีอีกจะเลือกอยู่ Ubud นานๆหน่อย : )
แพลนทริปที่เรียงตามวัน จะใส่รายละเอียดไว้ให้ในอัลบั้มนะคะ
เรานั่งสายการบิน Airasia ใช้เวลาเดินทาง 4.15 ชั่วโมง
การเดินทางในบาหลี
ไม่แนะนำให้เช่ารถขับเองเลย เพราะถนนเค้าแคบมาก ซอกชอยเยอะ คนที่นี่คุ้นเคยทาง ขับรถกันซิ่งมาก ป้ายบอกทางไม่ค่อยมีภาษาอังกฤษ ถ้าขับเองคงลำบากน่าดู ควรเช่าเหมารถแบบรายวันไปยังสถานที่ต่างๆ สะดวกกว่าเยอะเลย แนะนำให้เช่ารถกับ เที่ยวบาหลีไปกับแหม่ม mambalitour@hotmail.com
คนขับรถที่พี่เค้าจัดมาให้คือดีมากๆ friendly ขับรถดี ไว้ใจได้ แนะนำโน่นนี่หลายอย่าง มีพี่แหม่มที่เป็นคนไทยคอยประสานงานให้อุ่นใจกว่าไปจองกับคนบาหลีที่ไม่รู้จัก กลัวโดนโกง ทุกคนเตือนเรื่องนี้กันหนักมาก 😅
📍สิ่งที่ควรรู้ก่อนไป
⏱ เวลาที่บาหลีเร็วว่าไทย 1 ชั่วโมง
💵 ค่าเงินเค้า 10000 รูเปียห์ = 25 บาท (เรทปัจจุบันคร่าวๆประมาณ 10000 รูเปียห์ = 23 บาท)
📱Simcard เราซื้อในสนามบินเลย ใช้ของ Telkomsel 18 GB ราคา 250000 รูเปียห์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ600 บาทนิดๆ สัญญานดี โอเคมาก ไม่รู้ซื้อซิมข้างนอกจะถูกกว่านี้มั๊ย เห็นรีวิวอื่นบอกในสนามบินแพง
🚖 ถ้าไม่ได้จองรถเช่าในวันที่มาถึงบาหลีวันแรก แนะนำให้ใช้ Grab ไปส่งที่พัก เพราะราคาถูกกว่า Taxi service ในสนามบิน เช่น ถ้าใช้ Grab จากสนามบินไปที่พัก Le bamboo Uluwatu ราคา 285000 รูเปียห์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 700 บาท ถ้าใช้ Taxi service เค้าคิด 400000 รูเปียห์ คิดเป็นเงินไทยประมาณเกือบพันบาท
👾 เวลาซื้ออะไร ถึงแม้จะซื้อในร้าน Mini Mart นับเงินทอนให้ดีทุกครั้ง อะไรที่เกี่ยวกับเงิน ไม่ว่าจะเป็นการแลกเงินหรือการจ่ายเงินให้ระวังมากๆ เผลอนิดเดียวอาจโดนโกงได้ เช่น ตอนแรกบอกอีกราคา พอจะจ่ายเงินก็บอกอีกราคาที่แพงกว่าเดิม
🛍 เวลาซื้อของเราจะโดนบวกราคาไปมากกว่าครึ่งนึง ของราคาจริง เพราะฉะนั้นต่อราคาไปเยอะๆเลย ถ้าเราบอกว่าไม่เอา คนขายจะถามว่าเราอยากได้ราคาเท่าไหร่ให้บอกมา
🍔ในบาหลีหาของกินง่าย อาหารก็อร่อยพอใช้ได้ รสชาติไม่แย่ ราคามีตั้งแต่ถูกไปจนแพง ขึ้นอยู่กับร้าน
🗿ตามถนนหนทางจะเห็นรูปปั้นเยอะมาก แล้วที่นี่เค้าก็จะมีวัดครอบครัว คนขับเล่าว่าครอบครัวที่มีฐานะในอินโดนีเซียจะสร้างวัดสำหรับครอบครัวของตัวเองไว้ เป็นวัดส่วนตัวไม่ให้คนนอกเข้า วัดใหญ่อลังการแค่ไหนยิ่งหมายถึงความร่ำรวยของครอบครัวนั้น
💐 เวลาเราเดินตามถนน ถ้าเห็นกระจาดเล็กๆที่มีดอกไม้อยู่บนพื้นหรือตามหน้าบ้านคนไม่ต้องตกใจ ความเชื่อของคนที่นี่เค้าจะนำเครื่องสักการะนี้ไหว้ขอพร ขับไล่สิ่งไม่ดีออกจากบ้าน ไม่ควรเหยียบนะคะ แต่ถ้าเหยียบแบบไม่ได้ตั้งใจก็ไม่เป็นไร
🚌 ที่รอรถประจำทางที่นี่บางอันตลกมาก สูงๆ นั่งรถผ่านนึกว่าคนเค้านั่งเชียร์กีฬาบนอัฒจรรย์ 😂
🚔 รถยนต์ที่นี่ ส่วนใหญ่จะใช้รถ 7 ที่นั่ง เห็นเยอะสุดบนท้องถนน รถ 4 ประตูและรถยุโรปเห็นน้อยมากๆ
คร่าวๆประมาณนี้ค่ะ ถ้านึกอะไรออกเพิ่มจะใส่ไว้ในคอนเม้นท์นะ ไปอ่านแพลนและดูรูปต่อในอัลบั้มกันค่า
***รีวิวนี้เราไปมาตั้งแต่ปี 2022 แล้วนะคะ สถานที่บางอย่าง ข้อมูลบางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ใครมีจะไปเที่ยวที่นี่ ก๊อปแพลนได้เป็นไอเดียได้ค่า***
ชอบบาหลีตรงที่มีความเป็นธรรมชาติ ได้เห็นทั้งภูเขาและทะเลพร้อมๆกันเลย เป็นส่วมผสมของเชียงใหม่กับภูเก็ต
Day1
- ถึงสนามบินแล้วมุ่งหน้าไปที่พักเลย Le Bamboo Uluwatu เป็นที่พักเล็กๆน่ารัก เหมือนอยู่ในกระท่อมที่ทำจากไม่ไผ่
- พักผ่อน นอนเล่น ถ่ายรูปเล่นในที่พัก เดินออกไปนวดใกล้ๆที่ร้าน Tara Masaage เดิน 2 นาทีถึง นวดน้ำมัน 1 ชม. ประมาณ 250 บาท ถูกกว่าไทยอีก
Day2
- วันนี้แพลนเช่ารถออกไปเที่ยวทั้งวัน อยากไปเห็นแสงเช้าที่ทุ่งนา เลยให้คนขับมารับแต่เช้าตรู่ ที่ที่ไปวันนี้คือ
1. Jatiluwih Rice Terrace
2. Pura Ulun Danu Beratan Temple
3. Blue Point Beach
4. Karengboma Cliff
Day2
- วันนี้แพลนเช่ารถออกไปเที่ยวทั้งวัน อยากไปเห็นแสงเช้าที่ทุ่งนา เลยให้คนขับมารับแต่เช้าตรู่ ที่ที่ไปวันนี้คือ
1. Jatiluwih Rice Terrace
2. Pura Ulun Danu Beratan Temple
3. Blue Point Beach
4. Karengboma Cliff
Day4
- นอนตื่นสายๆ ตื่นมาทำอาหาร นอนเล่น ว่ายน้ำ พักผ่อน ถ่ายรูปเล่นวนไปทั้งวัน มีความสุขมาก ได้พักแบบจริงๆ
Day5
- วันนี้นัดคนขับที่จองจาก Airbnb Experience มาเพื่อให้พาไปเที่ยวที่ต่างๆ ที่ไปมี
1. ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ Pingeng Sunrise Kintamani เป๋นหมู่บ้านเล็กๆที่วิวสวย มองเห็นภูเขาคนนิยมมาถ่ายรูปแสงเช้า
2. Pura Tirta Temple
3. Cantik Agriculture Luwak Coffee
4. แวะทานข้าวร้าน Waroeng De Koi
5. Tegallalang Rice Terrace & Swing
- หลังจากนี้คนขับมาส่งที่ที่พัก แล้วเราก็ออกมาเดินเล่นที่ Ubud Arts Market กันเอง
- แวะซื้อของมาทำอาหารเย็นที่ Bintang Supermarket
Day6
- ตื่นสาย ชิล ถ่ายรูปเล่น ทำกับข้าวในบ้าน
- บ่ายแก่ๆออกไปเดินเล่น นาข้าวใกล้ๆที่พัก
- เย็นๆออกไปคาเฟ่ เดินเล่นแถวในเมือง
- Black coffee cafe
- ร้านเค้ก Daily Baguette
- กลับมาทำอาหารมื้อเย็นที่ที่พัก
Day7
- ตื่นแต่เช้าออกไปเดินเล่นที่ทุ่งนา นัดให้รถมารับพาไปสนามบิน ตอน 8.30AM บินเวลา 12.30-16.05
- ก่อนถึงสนามบินแวะซื้อของฝากที่ Krisna Oleh Oleh Bali Bypass
ทะลที่นี่จะออกแนวอลังการกว้างใหญ่ คลื่นลมแรง ใครลงไปเล่นน้ำทะเลก็ระวังคลื่นซัดด้วยนะคะ
ที่ Ubud ก็จะมีทุ่งนาขั้นบันได กลิ่นธรรมชาติตอนเช้าห๊อม หอมมม สดชื่นดีต่อใจมากๆ
เราจองที่พักใน airbnb ไว้ 3 ที่ ที่ละ 2 คืน แต่ละที่ก็จะมีความน่ารักต่างกันไป รีวิวนี้จะพูดถึงที่พักแบบคร่าวๆก่อนนะคะ โพสต์หน้าจะลงรีวิวที่พักแบบเต็มๆอีกรอบ :)
ที่พักที่แรก Le bamboo Uluwatu
เดินเข้าไปเห็นบ้านพักแล้วกรี๊ดเลย เล็กๆ น่ารัก อยู่ที่นี่ได้ฟีลเหมือนอยู่ในกระท่อมไม้ไผ่กลางป่า ใกล้ชิดธรรมชาติ เติมเต็มความฝันวัยเด็กสุดๆ https://abnb.me/UWbN21oKVsb
มุมหน้าห้องเป็นแบบนี้ค่า เห็นแบบนี้ในห้องมีแอร์เย็นเจี๊ยบ มีห้องน้ำใหญ่ๆ แสงตอนบ่ายส่องผ่านเข้ามาสวยสุดๆ
ในรูปเป็นเวลาประมาณ 4 โมงเย็น หลังจากเอากระเป๋าเข้าไปเก็บในห้อง เราสองคนก็ชวนกันเดินเล่นสำรวจที่พัก แล้วก็ลองบินโดรนดูวิวมุมสูง จะเห็นได้ว่าบรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้า สดชื่นนน
วันรุ่งขึ้นเราแพลนออกไปเที่ยวทั้งวัน ก็เลยจ้างคนขับรถ Full day ไปเลยที่แรกที่คือที่ Jatiluwih Rice Terrace เราต้องออกเดินทางตั้งแต่ฟ้ายังมืดๆ เพราะจากที่พักใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงกว่าจะไปถึง คนขับนัดมารอที่หน้าที่พักตอนตี 3 ครึ่ง
เราไปถึงจุดหมายแรก ตอนตี 5 ครึ่ง ฟ้ายังมืดๆอยู่เลย เปิดประตูรถไป OMG อากาศหนาวมาก ในใจคิดว่า แย่ละ ไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวมาด้วย แต่ใจสู้ 5555 ในที่สุดแสงพระอาทิตย์ก็ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า วิวทุ่งนาและภูเขากับหมอกตรงหน้า ทำให้รู้สึกว่าคุ้มค่าที่พาตัวเองมาที่นี่จริงๆ
อากาศหนาวแค่ไหน ถ้าใจเราอุ่น ร่างกายมันก็อุ่นเองค่ะ 5555 เป็นช่วงเวลาที่เราชอบมาก อากาศบริสุทธิ์สดชื่นไปถึงปอดเลย
พอแดดเริ่มมาก็หายหนาวเป็นปลิดทิ้งเราสองคนก็ยังสนุกกับการบินโดรน ถ่ายรูปเล่นแถวทุ่งนา
Jatiluwih Rice Terrace
จาตีลูวีห์ หรือ นาข้าวบันไดในหมู่บ้านจาตูลูวีห์ เป็นนาข้าวบันไดที่สวยที่สุดในบาหลี กว้างใหญ่ เป็นสีเขียวขจีมากมองแล้วสบายตา ล้อมรอบด้วยวิวภูเขา แนะนำให้มาช่วงเช้าตอนก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนะคะ เพราะอากาศช่วงเช้าหนาวเย็นสดชื่นไม่ร้อน อย่าลืมเตรียมเสื้อคลุมม้เผื่อด้วยน๊า
เวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ที่อลังการแบบนี้ เรารู้สึกเหมือนตัวเล็กนิดเดียว นาข้าวไม่ได้เดินง่ายๆนะคะ บางตอนก็ลื่นๆ เดินไปกลัวตกไป แอบกลัวงูด้วย 😛
รูปคู่ซักหน่อยก่อนกลับ
ที่ต่อมาคือ Pura Ulun Danu Beratan Temple
ปูราอูลุนดานูบราตัน เป็นวัดในศาสนาฮินดูที่มีเจดีย์ 11 ชั้น ที่สร้างขึ้นบนทะเลสาบ Bratan ตั้งแต่ปี 1633 เพื่อบูชา Dewi Danu เทพเจ้าของฮินดูที่ดูแลน้ำ เราแวะตรงนี้แปปเดียวแล้วก็ออกเดินทางต่อ
ใครมาวัดนี้ก็จะไม่พลาดถ่ายรูปคู่กับเจดีย์เป็นที่ระลึก
ก่อนมาบาหลีมีแต่คนบอกเรื่องบาหลีรถติด และถนนแคบ ตอนแรกก็นึกไม่ค่อยออกว่าประมาณไหน เลยถ่ายรูปมาฝากให้เห็นภาพค่ะ
เผลอแป๊ปๆ ก็บ่ายแก่ๆแล้ว เรามาถึง Blue Point Beach ประมาณ 4 โมงแดดยังร้อนเปรี้ยงอยู่เลย
ก่อนลงไปที่ Blue Point Beach จะมีร้านเครื่องดื่ม Bar ริมหน้าผาให้เราเลือกนั่ง 4-5 ร้าน อย่างร้าน Single Fin Bar ที่ขึ้นชื่อก็อยู่บริเวณนี้ ยังมีร้านค้าขายของฝากอีก 2-3 ร้าน เราแวะซื้อน้ำมะพร้าว เพื่อหาที่นั่งพักก่อนลงไปยังจุด Blue Point Beach
ที่ร้าน Twin fin Bar สั่งน้ำมะพร้าวมา 1 ลูก ราคา 30000 รูเปียห์ ลูกใหญ่มาก แต่น้ำไม่หวานเท่าน้ำมะพร้าวของบ้านเราเลยค่ะ ทางลงไปที่ Blue Point Beach ค่อนข้างชันและแคบ กว่าจะไปถึงริมหาด เล่นเอาหอบอยู่เหมือนกัน 5555 พอมาถึงจุด High light โหห นักท่องเที่ยวเยอะมาก ถ่ายรูปไม่ได้เลย แถมยังมีร้านค้า 2-3 ร้านเล็กตั้งขายเครื่องดื่มราคาแพงกว่าร้านข้างบนด้วย อ้อ ลืมบอกว่าตอนเดินลงมาระวังลิงนะคะ แถวนี้ลิงเยอะ แล้วก็ซนมาก ชอบแย่งของจากคน
ที่สุดท้ายของวันนี้ คือ Karengboma Cliff
ที่นี่เป็นหน้าผาที่ยื่นไปทะเล มีจุดถ่ายรูปให้นั่งชมวิวพระอาทิตย์ตก เดินทางไม่ไกลจาก Blue point Beach ขับรถแค่ 14 นาที ทางไปKareangboma Cilff แคบและเล็ก เป็นทางผ่านทางเดียว ต้องเสียค่าเข้าและค่าที่จอดรถรวมทั้งหมด 10000 รูเปียห์ (ค่าเข้า 5000 รูเปียห์, ค่าที่จอดรถ 5000 รูเปียห์)
ชิลลล
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเช็คเอ้าท์ เรามุ่งหน้าไปที่ The Edge ที่นี่เป็นโรงแรมและ Day Club เราแพลนมาชิลที่นี่ก่อนแล้วค่อยไปยังที่พักช่วงบ่าย ให้คนขับมาส่งแล้วก็นัดให้มารับตอนบ่าย2 ฝากกระเป๋าเดินทางทั้งหมดไว้กระโปรงหลังรถเลย
ที่นี่มีจุดไฮไลท์ คือ สระว่ายน้ำที่ยื่นออกไปตรงหน้าผาแล้วมีวิวทะเล รอบๆสระว่ายน้ำก็จะมีที่ให้เรานั่งชิลชมวิว ทานข้าว ซึ่งแต่ละโต๊ะบริเวณนั้นจะถูกจองไว้ก่อนแล้ว ใครแพลนมาที่นี่ให้โทรจองโต๊ะตรงโซนสระว่ายน้ำก่อนเลยนะคะ เพราะเกือบทุกตรงเต็มเร็วมาก สระว่ายน้ำของโรงแรมลึกพอสมควร ความลึกประมาณ 1.7 เมตร คนเอเชียแบบพวกเราก็มิดหัวไปเลยสิคะ 5555 นอกจากไฮไลท์สระว่ายน้ำของที่นี่แล้ว บริการนวดสปาที่นี่ก็ช่วยคลายเมื่อยล้าได้ดีเลย หลังนวดเสร็จก็ทานข้าวที่นี่เลย
บรรยากาศที่นั่งก็จะชิลๆอยู่ใต้ต้นมะพร้าวประมาณนี้
เมนูมื้อกลางวันที่สั่งคือ
⁃ Giant Papuan Prawns (butterflied giant papuan prawns, kemangi butter, sambal tomat, steamed vegetable, white rice) กุ้งไซส์ยักษ์ ที่เอามาย่างด้วยเนยหอมๆ ทานคู่กับข้าวสวยและผัดผักที่มีรสชาติเปรี้ยว คล้ายรสผักดองแก้เลี่ยน จานนี้ราคา 245000 รูเปียห์
⁃ Steamed Whole Fish (ginger, spring onion, soy sauce) ปลานึ่งซอส เนื้อปลาอร่อยมาก สด หวาน มาเสิร์ฟขนาดกินได้ 2 คน จานนี้ราคา 170000 รูเปียห์
⁃ BBQ Corn Spiced Butter, Chilli sea salt
ข้าวโพดฝักที่เอาไปเผาจนสุกหอม เวลาทานให้ทานกับเนยที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน ตอนแรกคิดว่าจะเลี่ยน แต่ตรงกันข้ามเลยอร่อยจริงๆ เนยที่ทานลงไปบนตัวข้าวโพดรสชาติเปรี้ยว เข้ากันดีมากกับรสของข้าวโพดที่ออกหวาน สั่งมาเป็นของทานเล่นได้ดี ราคา 40000 รูเปียห์
ทานอาหารเสร็จสักพัก เราก็ไปนวดผ่อนคลายกันต่อ สบ๊ายยยยย :)
วิวที่ The Edge จะมองเห็นหน้าผาและทะเลแบบนี้เลย
เราออกจาก The Edge ประมาณบ่ายสอง คนขับรถก็พาเราไปยังที่พักต่อไปที่ Pererenan เห็นที่พักครั้งแรก ใจบอกเลยว่าใช่ 55555 นี่เป็นที่พักในฝันของชั้นน ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด ชอบที่นี่สุดในทริปนี้แล้ว
ที่นี่มีสองห้องนอน ตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่ก็น่ารักมากๆ
ชอบสุดก็ตรงที่มีครัวนี่แหละ เราสองคนได้กินกับข้าวที่ทำเอง อร่อยและฟินมากๆ คืนนี้นอนฝันดีละ วันต่อมาเป็นวันชิล ตื่นสายๆไม่ไปไหน อยู่ในบ้านถ่ายรูปเล่น พักผ่อน ว่ายน้ำ มีความสุขมากๆ
Airbnb Activity
ไหนๆก็เลือกพักที่พักกับ Airbnb แล้ว เราเลยเลือกทริปแบบ Full day ของ Airbnb Experience ซักหน่อยเป็นทริปพาเที่ยวที่เราสามารถเลือกไปสถานที่ต่างๆได้ 5 สถานที่ตามที่เค้าระบุไว้ หรือจะแพลนสถานที่เองก็ได้ ราคาต่อคนอยู่ที่คนละ 857 บาท หรือประมาณ $24
ทางคนขับจะมีระยะเวลาในการพาเราไปยังสถานที่ต่างๆทั้งวันภายใน 10 ชั่วโมง
#airbnbexperience
ที่แรกที่ไปวันนี้คือ Pingeng Surise Kintamani เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีจุดชมวิวสวยๆฉากหลังเป็นภูเขา 3 ลูก เรียงซ้อนกันใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงขับรถจาก Pererenan ไปยัง Pingeng ถ้าอยากได้แสงเช้า แนะนำให้ออกจากที่พักประมาณตี 4 ค่ะ ระหว่างทางไปยัง Kintamani เต็มไปด้วยหมอกปกคลุมทั้ง 2 ข้างทางแทบจะมองอะไรไม่เห็นเลย เพราะเราอยู่บนภูเขาที่สูงในระดับไล่เลี่ยกับภูเขาด้วยมั้ง ชอบฟีลแบบนี้มากๆ ค่าเข้าหมู่บ้านต่อคนคนละ 25000 รูเปียห์
แสงตอนเช้าสวยมากๆ อากาศเย็นเหมือนเคย แต่วันนี้เราไหวตัวทัน เตรียมเสื้อคลุมมาด้วยเลยไม่ค่อยหนาวมาก
Cantik Agriculture Luwak Coffee
คนขับพาแวะมาร้านกาแฟที่มีกาแฟรสชาติต่างๆให้เราได้ลองชิมเยอะมากกก เช่น Coco Coffee, Vanilla Coffee, Bali Coffee and Cocoa นอกจากกาแฟแล้วใครที่ไม่ดื่มกาแฟก็จะมีชาให้ลองด้วย โดยรวมในบรรดารสชาติทั้งหมดที่ได้ชิมมา เราชอบชามะนาว กาแฟมะพร้าว และ กาแฟผสมโกโก้ ค่ะ อร่อยแปลกๆดี หลังจากชิมไปแล้ว ใครสนใจก็สามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากได้ แต่แอบราคาแรงกว่ากาแฟบ้านเราอยู่
Pura Tirta Temple
ปูราตีร์ตาเอิมปุล เป็นวัดที่อยู่ทางเหนือของ Ubud ภายในมีปะติมากรรมศิลปะแบบศาสนาฮินดู ทั้งรูปปั้นหินสลัก และยังมีการทำพิธีกรรมทางศาสนาภายในบริเวณวัดด้วย ไฮไลท์ของวัดนี้ คือ บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวฮินดูในบาหลีเดินทางมาเพื่อ
ประกอบพิธีชำระล้าง เพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความโชคดี โชคลาภ ไหนๆมาแล้วเราก็ต้องลงไปในน้ำตามธรรมเนียมซักหน่อย
ค่าเข้าสถานที่คนละ 50000 รูเปียห์ ส่วนใครที่อยากลงบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ เสียค่าลงคนละ 10000 รูเปียห์
มีบ่อปลาที่มีปลาคาร์ฟเยอะๆแบบนี้ด้วยอ่า มีขายอาหารปลาด้วย ปลาบาลีเชื่องมาก เราสามารถป้อนอาหารเข้าปากปลาได้เลย
หิวแล้ววว ได้เวลาเติมพลังเราแวะทานข้าวเที่ยงกันที่
Waroeng De koi
ร้านอาหารวิวนาข้าวสไตล์บาหลี ที่อยู่ในย่าน Gianyar โดยมีเมนูให้เลือกลองทานหลากหลาย
เราลองสั่งเมนูที่คุ้นๆกับชื่ออย่าง Mie Goreng มาลอง และอีกเมนู คือ Grilled Prawn ในส่วนของรสชาติ Mie Goreng (Wok fried egg noodles, with chicken, shrimp, and vegetable, served with chicken satay crackers, pickles and chili soy)
คล้ายผัดหมี่บ้านเราเลย รสออกหวานเผ็ด รสชาติกลางๆไม่ได้จัดไปทางใดทางหนึ่ง มีเครื่องเคียงอย่างสเต๊ะไก่,ไข่ม้วนและข้าวเกรียบปลามาให้ โดยรวมพอใจกับรสชาติอยู่ค่ะ ^^ จานนี้ราคาอยู่ที่ 58000 รูเปียห์
จานต่อมาคือ Grilled Prawn (Served with vegetables, homemade spicy sauce, served with steamed rice) กุ้งเผาที่เอาไปย่างทาด้วยซอสของทางร้านรสชาติออกไปทางหวานเผ็ด แต่ไม่มาก คล้ายรสมะขาม โดยรวมรสชาติพอใช้ได้ค่ะ
Tegallalang Rice Terrace & Swing
เตกัลลาลัง คือ เวิ้งนาข้าวบันไดในบาหลี ตัวนาข้าวไม่ได้กว้างใหญ่มากเท่านาข้าวบันไดในหมู่บ้านจาตีลูวีห์ แต่ก็จัดว่าเป็นสถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยว เพราะนอกจากมีนาข้าวบันไดแล้วยังมีชิงช้ามุมโน้นมุมนี้ ให้เรานั่งถ่ายรูปสวยๆมีฉากหลังเป็นนาข้าว
ราคาเหมาจ่ายทุกชิงช้าต่อคนอยู่ที่ 300000 รูเปียห์ แต่ถ้าเราจะเล่นแต่ Bali Swing อย่างเดียวจะคิดแค่ 150000 รูเปียห์ต่อคน ถ้าต้องการให้เสื้อผ้าพริวปลิวสวย ใกล้ๆตรงที่เค้าไกวชิงช้าจะมีร้านให้เช่าเดรสยาวๆด้วยนะคะ ค่าเช่าต่อชุดที่ 50000 รูเปียห์ ชุดแบบใช้วนก็จะดูสกปรกๆดำๆนิดนึง ไม่แนะนำ
ที่พักสุดท้ายของเรา Trinity Gardens อยู่ที่ Ubud ห้องกว้างใหญ่มากๆๆ ไปพักสองคนก็แอบโหวงเวงเล็กน้อย ที่นี่มี 3 ห้องนอน เราเลือกนอนห้องสีขาวเพราะเตียงน่านอนที่สุด 555
ที่นี่เป็นที่พักที่มีกลิ่นอายของความเป็นบาหลีที่สุด ในบ้านมีรูปปั้นอยู่ทั่วทุกมุม เต็มไปด้วยศิลปะแล้วความอาร์ต เฟอร์นิเจอร์ไม้ผสมผสานกับธรรมชาติรอบๆบ้านได้ลงตัว
บ้านนี้ไม่มีแอร์นะคะ แต่ที่ Ubud อากาศเย็นสบายไม่ร้อน แล้วเค้าก็มีพัดลมให้ทุกห้องเลย
ความพีคคือที่พักนี้มีนาข้าวส่วนตัวจ้า เดินออกมาด้านหน้าก็เจอเลย เราสองคนชอบอะไรแบบนี้มาก ที่ผ่านมาไปเที่ยวทะเลบ่อย พอได้มาเห็นธรรมชาติสีเขียวบ้างรู้สึกว่านี่แหละที่ต้องการ
นอกจากนาข้าวแล้วยังเจอบรรดาฝูงเป็ดที่วิ่งเล่นอยู่แถวนั้นเป็นภาพที่น่ารักมาก Made my day สุดๆ
จากที่พักเดินมา Ubud Art Market ประมาณ 20 นาทีถึง
ที่นี่เป็นตลาดที่เต็มไปด้วยของฝาก Shopping สนุกดีค่ะ เดินเพลินๆ แต่ละร้านจะคล้ายๆกันหมด เช่น เสื้อถักสไตล์บาหลี, เสื้อฮาวาย, ผ้าซิ่น หรือ โสร่ง, เครื่องประดับ, กระเป๋าสาน, ของใช้จิปะทะในบ้าน ของตกแต่งบ้าน, ของหัตถกรรม, ศิลปะงานไม้, รูปปั่น ระหว่างทางเดินจะเจอแต่ร้านขายของแล้วก็จะขายซ้ำๆกัน ร้านอาหารค่อนข้างน้อย มีร้านนวดระหว่างทาง ของที่นี่ราคาถูกกว่าที่อื่น อย่าลืมต่อราคาด้วยนะคะ
ตรงนี้เป็นร้านขายของ Handmade ใกล้ๆที่พัก ของน่ารัก ไม่ค่อยโหล แตกต่างจากตลาด Ubud Art Market ที่ของจะซ้ำๆกัน
ไม่ไกลจากร้านขายของ Handmade ก็จะมี Arts Gallery เล็กๆ ขายพวกภาพวาด เสื้อยืด เพนท์ลายสไตล์บาหลี
ตัวอะไรก็ไม่รู้ ....
Black eye coffee & roastery
ร้านกาแฟห้องแถวเล็กๆดูมินิมอล ตัวร้านจะทาด้วยสีดำ อยู่ริมถนน แถว Ubud Market มีหลายเมนูให้เลือก เช่น Flat White, Long back ด้วยทำให้นึกถึงออสเตรเลียเลยค่ะ คอกาแฟต้องไม่พลาดแวะร้านนี้
Daily Baguette
ร้านขายขนมอยู่ติดริมถนน เห็นนักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อเรื่อยๆ คิดว่าขนมต้องอร่อยแน่ เลยชวนกันมาลองชิม
เมนูเค้าก็จะมีพวก Sandwich, Crossitant, Salad, Pastry, Bakery, Water, Juice, Coffee
เราลองสั่ง Matcha Cheese Cake กับ Lemon pie มาลอง รสชาติอร่อยใช้ได้เลยนะคะ ตัว Matcha Cheese Cake เนื้อชีสจะนุ่มๆเด้งๆเหมือนเจลลี่ ไส้ตรงกลางเป็นชาเขียวเข้ม รสชาติไม่หวานไปกำลังดีค่ะ ส่วน Lemon pie อร่อยดีค่ะ มีรสชาติเปรี้ยวของเลมอน สดชื่นนน
คนบาลีเค้าก็แอบมีความน่ารักน๊า เห็นคุณยายนั่งเล่นกับหมาก็เลยขอถ่ายรูป ยายดีใจยิ้มแฉ่งเลย
ตอนเดินกลับที่พัก สองข้างทางจะเป็นทุ่งนา แล้วก็ดงมะพร้าวถึงแม้จะมีแสงไฟจากคาเฟ่ให้ความสว่างอยู่บ้างแต่บรรยากาศก็แอบน่ากลัวนิดๆ อากาศตอนนั้นเย็นสดชื่น แล้วก็เห็นหิ่งห้อยตามทุ่งนาหลายตัวเลยค่ะ
วันสุดท้ายแล้ว ไม่อยากกลับเลยย วันนี้เราตื่นแต่ 6 โมงเช้ามาสูดอากาศสดชื่น และบินโดรนดูพระอาทิตย์ขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ท้องฟ้าและแสงอาทิตย์สวยตราตรึงใจ เป็นการจากลาที่ทำให้เราคิดถึง Ubud มากๆ
UBUD สำหรับเราคือความสบายใจ ความอ่อนโยน เต็มไปด้วยธรรมชาติ ทุกอย่างน่ารัก
แล้วเจอกันใหม่น๊าา
โฆษณา