26 มิ.ย. เวลา 08:16 • ความคิดเห็น
กายที่อาศัยอยู่นี้ ก็นำกายบิดามารดาของเรา ได้นำธาตุทั้งสอง มาประพฤติปฏิบัติธรรม ทำความดีให้แกจิตของเรา เราไม่..ไม่ได้นำพาเรื่องราวต่างๆนี้ไปในทางที่ สร้างความทุกข์ให้แก่จิต จิตเรียกว่า จิตมีอานุภาพ ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนที่ได้ ล่วงลงมาเกิดเป็นมนุษย์ครบอาการสามสิบสอง
แต่ไม่ได้บอกว่าทุกคน ที่มีจิตเช่นนี้ จะต้องมาจากที่สูง หรือ ที่ต่ำ หรือ ปานกลางอะไรก็แล้วแต่ ก็ให้พิสูจน์เอง เพราะผู้ที่จะมา ระลึกเรื่องราวเหล่านี้ได้ยากนัก ที่จะให้เวลาของตัวเอง เป็นเวลาที่สะสมบุญกุศล ให้บังเกิดขึ้น แล้วก็เป็นบารมีที่เกิดขึ้นให้แก่ดวงจิต
ก็เอาเวลาต่างไปสร้างกรรม มาจากไหน ก็กลับไปที่นั้นที่เก่า ผู้ที่มาประพฤติปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็เพื่อ สะสมบุญกุศลบารมี กลับไปที่เก่า อยู่ที่สูงๆ การที่มาอยากจะรู้ว่า ไปที่ต่ำที่สูง ก็อยู่ที่ว่า รอยทั้งสี่ที่เราต้องเรียนรู้รอยทั้งสี่ทั้งหมด ว่า รอยทั้งสี่ ทำอะไรบ้าง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง พอเรานั่งปฏิบัติเนี่ย แล้วนั่งที่ทำงาน มันเป็นยังไง เราใช้อารมณ์ต่างๆ เราเดิน..ไป เราใช้อารมณ์อะไรต่างๆ ไปสร้างกรรม หรือ สร้างบุญ สร้างบารมี หรือ อะไรต่างๆเกิดขึ้น
เราบอกว่าเดินไปที่หาภิกษุสงฆ์ ไปที่วัด เพื่อสร้างบุญสร้างกุศลบารมี ..ระหว่างการเดินนั้นเราเดินเรื่องราวอะไร คิดเรื่องอะไรอยู่ เหมือน การยืน ก็เหมือนกัน ยืน เดิน นั่ง นอน เราไปพิจารณาดู ทบทวนดู ว่าอารมณ์ต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น ว่ามีอะไรบ้าง นั่นแหละ ..ลอกเอาไปทิ้ง พระอรหันต์ทุกองค์ ท่านก็ศึกษาอย่างนี้
นี่มานั่งนึกว่า ฉันรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ว่า เป็นบาปเป็นกรรมเป็นทุกข์ ฉันไม่เอาอะไรต่างๆ ก็มีอยู่ ฉันนั่งปฏิบัติรู้เลยว่า ไอ้นั่นคือกรรม แล้วเดินไป ..มีกรรมมั้ย คิดเรื่องอะไรอยู่ มันก็ต้องเอาออกหน่อยทั่งนั้น เพราเดินก็ไปเอามา นั่งก็ไปเอามา นอนก็ไปเอามา เพราะฉะนั้นก็ต้องไป คลี่คลายกันกว่า หมด..ถึงต้้งใช้เป็นอสงไขย ไม่ใช่เป็นโกฏเป็นกัปป
คราวนี้ ที่เราเกิดมานี่ มันก็.จะบอกว่าเป็นอสงไขย มันก็ไม่รู้กี่อสงไขยแล้ว นับการเกิดไม่ได้ เกิดตายๆกันอยู่อย่างนี้ ไม่ได้ไปไหน พอจะรู้ว่า หยุดเรื่องการเกิดตาย ก็ไม่ให้เวลา ให้เวลาแก่จิตที่จะหยุดเกิด หยุดตาย ก็หมั่น ..มีโอกาสหมั่นคิดพิจารณาขึ้น
คราวนี้ จะไปนั่งอุปโลกน์ สบายอารมณ์ แล้วคิดออกมาว่า สิ่งนั้นคือ ไอ้นั่นเป็นกรรม ไอ้นี่เป็นกรรม มันไม่ได้ ..มันจิตมันไม่..ว่าง ..นี่มันยังไขว่คว้า หาเรื่องราว..ตัวอุปโลกน์ เรื่องกรรมอย เพราะฉะนั้นมีอยู่ที่ ต้นตอเค้าทำยังไง ต้นตอเค้านั่งนิ่งจิตเฉย แล้วเค้าก็ไปแก้ไข ..เค้ามีกำลังแล้ว ถึงไปแก้ไขเรื่องราว ที่เรานึกคิด หรือ เรื่องราวที่มันเกิดขึ้นมา ไปยุติเรื่องราวต่างๆได้ เมื่อไม่มีกำลัง..จะทำทีเดียว..ไอ้นั่นก็จะแบกหาม ไอ้นี่ก็ขยับขยายสถานที่ แล้วมันทำได้มั้ย ก็ทำไม่ได้ ต้องเอาอย่างหนึ่งอย่างใด
คราวนี้อารมณ์เรา มันไม่อยู่ตรงที่อย่างหนึ่งอย่างใด มันมากันกี่อารมณ์กัน มันก็แย่งพลังงานไปหมด แล้วจะไปผลักไสไล่ส่งอะไรมันได้ เพราะฉะนั้น จะมีหนึ่งเดียว ..ที่จะผลักได้ คือ..จิตเฉยให้ได้..
เมื่อเอาสิ่งไหนเข้ามา เราก็จะผลัก ..พอจะผลัก จิตก็ต้องพิจารณา สติต้องพิจารณาขึ้นมา ให้จิตรับรู้เรื่องราวต่างๆ แล้วถึงยุติเรื่องราวต่างที่มันเป็นกรรม ก็ทำซ้ำซากอยู่ ..ยุติ คือ ยุติ
แต่นี่พอบอกว่ายุติ ..ก็มาใหม่ ก็ทำเหมือนเดิมอีก ลืมเลือนไป พอมันเกิดมาใหม่ ลืม..ก็ทำเหมือนเก่าอีก ทำเหมือนเก่า ก็หมายความว่า ต้องเกิดอีกแล้ว มาเกิดมาตายกันอีก ต้องมาเจ็บมาปวดกันอีก เรื่องนั้นเรื่องนี้เกิดขึ้น
โฆษณา