26 มิ.ย. เวลา 09:18 • ข่าว

บทเรียนของเศรษฐีขี้เหนียว

ศาลสวิสเซอร์แลนด์ฟันโทษจำคุก 4 เศรษฐีอินเดียข้อหาเอาเปรียบแม่บ้าน
พระพุทธเจ้าเคยกล่าวถึง อริยทรัพย์ 7 ประการที่เศรษฐีพึงมี อันได้แก่ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจุ จาคะ และปัญญา นอกเหนือทรัพย์สิน เงินทอง ของนอกกาย แล้ว เศรษฐีจำเป็นต้องมีสติ รู้ผิดชอบชั่วดี บาปบุญคุณโทษ และต้องรู้จักบริจาคทาน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนฐานะต้อยต่ำ จึงจะเรียกว่าเป็นเศรษฐีที่สมบูรณ์พร้อมทั้งกาย และ ใจ
3
มิฉะนั้น อาจเป็นดังเช่น 4 สมาชิกจากครอบครัว "ฮินดูจา" ที่หาทำ ตระหนี่ถี่เหนียว และใจแคบกับเรื่องไม่เป็นเรื่องจนงานเข้า กลายเป็นจำเลยในคดีกดขี่แรงงาน ต้องไปขึ้นโรง ขึ้นศาล แถมท้ายที่สุดยังถูกตัดสินโทษจำคุกถึง 4 ปี ให้ได้อับอายไปทั่วบ้าน ทั่วเมือง
1
เรื่องราวของคดีนี้ เกิดขึ้นกับ ครอบครัวของ นายประกาศ ฮินดูจา วัย 78 ปี พร้อมภรรยา นางกมล ฮินดูจา และ ลูกชาย - ลูกสะใภ้ อาเจย์ และ น้ำรัตน์ ฮินดูจา ที่วันนี้ต้องพ่ายแพ้ให้กับสาวใช้ประจำบ้านจนๆ คนหนึ่ง
ประมุขของบ้าน คือ นาย ประกาศ ฮินดูจา ปัจจุบันถือสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ ดำรงตำแหน่งประธานใหญ่ของบริษัท Hinduja Group ในยุโรป ที่เป็นเครือข่ายธุรกิจของตระกูลฮินดูจาอันมั่งคั่ง ที่สร้างตัวจากธุรกิจค้าขาย นำเข้าส่งออกสินค้ามานานตั้งแต่สมัยยังเป็นประเทศอาณานิคมบริติชอินเดีย ก่อตั้งโดย Parmanand Hinduja ในปี 1914
ปัจจุบันได้ขยายธุรกิจครอบคลุมไปสู่ธุรกิจพลังงาน บันเทิง เครื่องจักร การเงิน สุขภาพ และอื่นๆ ใน 48 ประเทศทั่วโลก เป็นธุรกิจครอบครัวที่มีมูลค่ามากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ และนับเป็นตระกูลที่มีทรัพย์สินมั่งคั่งที่สุดของอังกฤษ
2
Parmanand Hinduja มีลูกชาย 5 คน แต่คนโตนั้นเสียชีวิตไปแล้ว ลูกคนรอง 2 คน คือ ศรีจันทร์ และ โกพิจันทร์ ไปตั้งรกรากในอังกฤษและขยายฐานธุรกิจที่นั่น อโศก ฮินดูจา ลูกชายคนสุดท้อง ดูแลธุรกิจครอบครัวในอินเดีย ส่วน ประกาศ ฮินดูจา ลูกคนกลาง ไปปักหลักในสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อดูแลตลาดยุโรป
คดีฉาวของครอบครัว ประกาศ ฮินดูจา เริ่มในปี 2018 เมื่ออัยการสวิสเซอร์แลนด์ ยื่นเรื่องฟ้องศาลในกรุงเจนีวา เมื่อมีผู้ร้องเรียนว่า ครอบครัวนี้พาหญิงสาวชาวอินเดียพื้นเมืองมาทำงานเป็นเด็กรับใช้ในบ้าน และใช้แรงงานอย่างไม่เป็นธรรม
1
โดยเด็กรับใช้ที่พามา ไม่มีใบอนุญาตทำงานอย่างถูกต้อง ซึ่งผิดกฎหมายสวิสเซอร์แลนด์แน่นอนอยู่แล้วกระทงหนึ่ง แต่คดีไม่จบแค่นั้น ครอบครัวนี้ยัง ยึดพาสปอร์ตของลูกจ้าง และไม่ให้ออกไปนอกคฤหาสถ์เลย หากไม่ได้รับอนุญาติ ซึ่งอดีตลูกจ้างให้การว่าเธอเคยออกจากคฤหาสถ์เพียงปีละ 2 ครั้งเท่านั้นและไปได้ไม่ไกลเกินกว่าทะเลสาบหน้าคฤหาสถ์
2
และยังพบด้วยว่า ครอบครัวนี้ใช้แรงงานลูกจ้างเกินเวลา จากมาตรฐานที่ระบุในกฎหมายแรงงาน คือ เด็กรับใช้ต้องทำงานติดต่อกันถึง 18 ชั่วโมงต่อวัน แถมจ่ายค่าแรงแค่ 1 ใน 10 ของค่าแรงขั้นต่ำในสวิสเซอร์แลนด์ โดยจ่ายให้แค่เดือนละ106 สวิสฟรังค์ (ประมาณ 4350 บาท/เดือน) แถมจ่ายค่าแรงเป็นเงินรูปี แทนที่จะจ่ายเป็นเงินสวิส โดยจะโอนค่าแรงให้ครอบครัวของลูกจ้างโดยตรงที่อินเดีย
3
ลูกจ้างหญิงรายนี้ ทำงานกับครอบครัวนี้มาตั้งแต่ปี 2009 - 2016 ด้วยความที่เธอมาจากครอบครัวที่ยากจน ถูกจับแต่งงานตั้งแต่อายุ 15 และสามีทำร้ายร่างกายเธอ และให้เธอมาทำงานที่บ้านฮินดูจา แต่รับค่าแรงของเธอในอินเดีย โดยเธอไม่เคยได้วันหยุด วันลา ไม่เคยได้ขึ้นค่าแรงอย่างที่ควรจะเป็น และเมื่อทวงถาม ครอบครัวฮินดูจา บอกว่าจะขึ้นให้ แต่เธอไม่เคยเห็นตัวเลขจำนวนเงินว่าเป็นเงินเท่าไหร่
1
อัยการสวิสเซอร์แลนด์ จึงยื่นเรื่องฟ้องครอบครัวประกาศ ฮินดูจา พร้อมภรรยา บุตรชาย และ ลูกสะใภ้ ที่พักในคฤหาสถ์ ด้วยข้อหากดขี่เอาเปรียบลูกจ้าง ใช้แรงงานเกินเวลา และต้องทำงานทุกวันโดยปราศจากวันหยุด วันลา และไม่จ่ายค่าแรง Overtime หรือเงินชดเชยอื่นๆที่เหมาะสม อีกทั้งอัตราค่าจ้างถือว่าน้อยมาก เข้าข่าย "แรงงานทาส" และอาจมีความผิดฐานค้ามนุษย์อีกกระทงหนึ่งด้วย
3
พอสื่อสวิสเซอร์แลนด์นำเสนอคดีนี้ออกสู่สาธารณชน ก็มีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ อย่างมากจากชาวสวิสเซอร์แลนด์ ว่าทำไมครอบครัวที่มีทรัพย์สินเป็นแสนล้าน ยังจะมาเอาเปรียบลูกจ้างตัวเล็กๆ ที่เห็นว่าเป็นแค่เด็กบ้านนอก การศึกษาน้อย และมีชีวิตที่น่าสงสาร ได้ถึงขนาดนี้
3
อัยการ อิฟ เบอร์โตซา ชี้ให้ศาลเห็นถึงความไร้มนุษยธรรมของครอบครัวเศรษฐีแสนล้าน ด้วยการเปิดเผยว่า พวกเขาเสียค่าใช้จ่ายให้สุนัขในบ้าน มากกว่า ลูกจ้างที่ทำงานในบ้านเขาเสียอีก
4
หลังจากพิจารณาคดีอยู่นานนับปี เมื่อวันศุกร์ 21 มิถุนายน 2024 ที่ผ่านมา ศาลกรุงเจนีวาได้ตัดสินพิพากษา จำเลยตระกูลเศรษฐีแสนล้านทั้ง 4 คน ว่ามีความผิดฐานเอาเปรียบแรงงานอย่างชัดเจน เป็นการกระทำที่ "เห็นแก่ตัว" และ "เอาแต่ได้" โดยไม่นึกถึงกฎหมาย หรือ หลักมนุษยธรรมใดๆทั้งสิ้น
2
แต่ทั้งนี้ก็ยกฟ้องในข้อหาค้ามนุษย์ เพราะลูกจ้างเต็มใจที่จะเดินทางมาทำงานด้วยตัวเอง รวมถึงข้อหาการใช้แรงงานทาส เพราะลูกจ้างไม่ได้ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว และมีลูกจ้างคนอื่นๆในบ้านด้วย ที่สามารถไปไหนได้อย่างอิสระ
4
แต่ถึงกระนั้น ศาลก็ยืนคำสั่งตัดสินโทษจำคุกให้ 4 สมาชิกครอบครัวฮินดูจา นาน 4 ปี จากความผิดข้อหากดขี่เอาเปรียบแรงงาน
3
ด้านทนายฝ่ายครอบครัวฮินดูจา ยื่นเรื่องขออุทธรณ์ต่อ และจะมีการพิจารณาหลักฐานเพิ่มเติมในเร็วๆนี้
ถึงแม้ 4 สมาชิกครอบครัวมหาเศรษฐีจะไม่ได้นอนคุกในทันที แต่คดีนี้ไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจของครอบครัวฮินดูจาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะ ในสังคมชาวตะวันตกที่ให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชน
เพราะถึงคนเราจะมีทรัพย์สินมากมายมหาศาลแค่ไหน ถ้าขาดหลักอริยทรัพย์ 7 อันเป็นคุณธรรมเศรษฐี ก็ไม่ต่างจากวานรถือแก้ว ที่ไม่แคล้วต้องมีวันที่ต้องก้มหน้าขอโทษสังคมเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วหลายเคส
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
โฆษณา