26 มิ.ย. เวลา 23:53 • หุ้น & เศรษฐกิจ

กองทุนรวม A มูลค่าหน่วย 10 บ. กองทุน B มูลค่าหน่วย 40 บ. “NAV” บอกความถูกแพงของกองทุนรวมได้ไหม??

ใครสนใจลงทุนกองทุนรวม มารู้จักกันว่า NAV, มูลค่าหน่วยลงทุน คืออะไร ไว้บอกอะไร ไว้บอกความถูกแพงได้ไหม มาอ่านกัน
NAV (Net Asset Value) หรือ ทรัพย์สินสุทธิของกองทุน คิดมาจากมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน รวมถึงเงินผลประโยชน์ต่างๆ ที่กองทุนได้รับ หักด้วยค่าใช้จ่ายและหนี้สินของกองทุน ก็ได้ออกมาเป็นทรัพย์สินสุทธิของกอง
และถ้านำ NAV มาหารด้วย จำนวนหน่วยลงทุน ก็จะเป็น NAV ต่อหน่วย
ซึ่งกองทุนจะทําการคํานวณมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนตามราคาตลาด (Mark to Market) ในแต่ละวัน
ทำไม "มูลค่าหน่วยลงทุน" ไม่ได้ไว้บอกความถูก/ แพง กองที่ค่า NAV ต่อหน่วยสูงกว่าอีกกองแปลว่าแพงกว่า?? ซื้อกองทุนที่ NAV ต่อหน่วยน้อย จะได้ซื้อได้จำนวนหน่วยเยอะๆ จะดีกว่า??
มาดูตัวอย่างกันว่า ทำไม NAV ต่อหน่วยไม่ได้บอกความถูกแพง หรือบอกว่ากองทุนที่ NAV ต่ำกว่าจะดีกว่า
มานะมีเงิน 20,000 บ. ลงทุนในกองทุนรวม A และ B อย่างละ 20,000 บ. เท่ากัน มานะซื้อกองทุนรวมหุ้น A ที่ตอนนั้นมูลค่าหน่วยลงทุน คือ 40 บ. มานะก็จะซื้อได้ทั้งหมด 500 หน่วย
ถ้ามานะซื้อกองทุนรวมหุ้น B ที่ตอนนั้นมูลค่าหน่วยลงทุน 10 บ.มานะก็จะซื้อได้ทั้งหมด 2,000 หน่วย
สมมติให้กองทุนรวมหุ้นทั้ง 2 กองนี้ ทำผลงานในปีนั้นได้ 11% เท่ากัน ถูกหักค่าธรรมเนียม TER (total expense ratio) เท่ากัน คือ 1% ต่อปี เหลือผลตอบแทนที่ทำได้ที่มาถึงผู้ถือหน่วยลงทุน คือ 10%
ข้อมูลเพิ่มเติม: ค่าธรรมเนียม TER จะเป็นค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับ ค่าการจัดการกองทุนรวม ค่าผู้ดูแลผลประโยชน์ ค่านายทะเบียน ค่าเอกสาร ค่าโฆษณาต่างๆ และอื่นๆ ของกองทุนรวม ซึ่งจะเขียนไว้เป็น % ต่อปี และมีการนำมาหักเฉลี่ยเป็นรายวัน
จะเห็นว่า ถ้าทั้ง 2 กองทำผลตอบแทนได้เท่ากัน หักค่าใช้จ่ายเท่ากัน เมื่อคิดออกมาเป็นจำนวนเงินก็เท่ากัน ถึงแม้จำนวนหน่วยจะต่างกันก็ตาม
ดังนั้นค่า NAV นั้นไม่ได้เป็นตัวที่บอกว่ากองทุนนั้นถูกหรือแพง หรือบอกว่ากองทุนดีหรือไม่ดี แต่การดูการเปลี่ยนแปลงของ NAV จะทำให้เรารู้ว่ากองทุนนั้นบริหารงานได้ดีหรือไม่ดี
การลงทุนในกองทุนรวมให้ผลตอบแทนแบบทบต้นด้วยตัวของมันเอง ถ้าเราไม่ได้นำผลตอบแทนหรือกำไรที่ได้เพิ่มมานั้นออกมา เพราะผู้จัดการกองทุนก็จะนำไปลงทุนต่อให้โดยอัตโนมัติ และกองทุนที่มูลค่าหน่วยสูงๆ ไม่ได้แปลว่าแพง เนื่องจากกองทุนทำผลตอบแทนทบต้นเข้ามาได้เรื่อย ๆ หรือกองทุนนั้นเปิดมานานแล้ว ซึ่งมีผลตอบแทนแบบทบต้น ทบเข้ามาเรื่อย ๆ จึงทำให้มูลค่าต่อหนึ่งหน่วยลงทุนสูงได้
ดังนั้นการลงทุนกองทุนรวม เราไม่ได้เลือกกองทุนกองนั้นน่าสนใจ โดยเทียบจากมูลค่าต่อหนึ่งหน่วยลงทุนเท่าไหร่ แต่ที่ควรสนใจ และไว้เทียบระหว่างกองทุน คือ เรื่องของผลตอบแทน และค่าธรรมเนียมโดยเฉพาะค่าธรรมเนียม TER
ส่วนที่พอจะบอกความถูกแพงของกองทุน คือ แนวโน้มมูลค่าของสินทรัพย์ที่กองทุนถืออยู่ เช่น กองทุนรวมหุ้น Set 50 เราก็ศึกษาดูว่า ดัชนี Set 50 ตอนนี้เป็นยังไง ในอนาคตแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง
ถ้าเป็นกองทุนแบบนโยบายเชิงรับ (passive fund) ก็พอดูลักษณะนี้ได้ แต่ถ้าเป็นกองทุนแบบ active ตรงนี้จะขึ้นกับการปรับเปลี่ยนพอร์ตกการลงทุนของผู้จัดการร่วมด้วย ซึ่งตรงนั้นต้องเข้าไปดูรายละเอียดของแต่ละสินทรัพย์
ดังนั้นถ้าเราไม่สามารถคาดการณ์แนวโน้มได้ การลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Average) ก็จะเป็นการช่วยกระจายช่วงเวลาที่เราลงทุนได้
หมอยุ่งอยากมีเวลา พูดคุยเรื่องหุ้นและกองทุน เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง
ชอบกด Like โดนใจ กด Share
อย่าลืมตั้งค่าการติดตามเพจ following>>Feed>>Favorite⭐️
เพื่อที่จะได้ไม่พลาดโพสของเพจนะคะ
ติดตามความรู้ทางการเงินแบบเข้าใจง่าย
ในช่องทางอื่นๆ ได้ที่
#หมอยุ่งอยากมีเวลา #กองทุนรวม #NAV #ค่าธรรมเนียม #ผลตอบแทน #TER #ความถูกแพงของกองทุน
โฆษณา