28 มิ.ย. เวลา 05:43 • ประวัติศาสตร์

ศาลเจ้าต่องย่องสู..ที่สถิตวิญญาณอั้งยี่

By..สุชาดา ปิ่นประดับ
เมืองภูเก็ตเดิมชื่อว่า “เมืองถลาง”.. มีสองเมือง.. เป็นเมืองชั้นตรีปรากฏในแผนที่ประวัติศาสตร์ไทย.. เป็นครั้งแรกในสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2169.. ล่วงมาแล้วได้มีชาวต่างชาติ.. คือ ปอร์ตุเกตุ.. ฮอลันดา.. ฝรั่งเศส.. ได้เดินทางมาค้าขายและรับซื้อแร่ดีบุกที่เมืองภูเก็จ.. ที่บ้านเก็จโฮ่
เมื่อมีพวกฝรั่ง.. บางส่วนคงจะมาตั้งห้างรับซื้อแร่ดีบุกอยู่ ณ เมืองภูเก็ต.. (ภูเก็ตเก่า คือบ้านเก็ตโฮ่).. นอกจากรับซื้อแร่ดีบุกแล้ว.. อาจจะจอดพักเรือเพื่อซ่อมเรือ.. หรือหาเสบียงอาหาร.. หลบมรสุม.. รอฤดูมรสุมก็ได้แต่ชาวถลาง.. หรือชนพื้นเมืองส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตัวเมืองถลาง.. จะมาเมืองภูเก็ตก็เพื่อทำแร่ดีบุก.. หรือประมงเท่านั้น..
และชาวยุโรปที่มาตั้งบ้านพักอยู่.. ณ ที่นั้นคงจะเป็นชาวโปรตุเกส
ที่ตัวเมืองภูเก็ตมีคลองอยู่คลองหนึ่ง.. คือ “คลองบางใหญ่”.. ซึ่งขณะนี้ตื้นเขินมาก.. ผ่านบ้านสามกอง.. บ้านเก็ตโฮ่ (ภาษาพื้นเมืองเรียกเก็ตโห).. ผ่านทุ่งทอง (ท่งทอง)..ผ่านบ้านกะทู้ (ในทู).. ทอดสู่เชิงทิวเขานางพันธุรัตน์
ในสมัยก่อนคลองนี้เป็นแม่น้ำสายใหญ่.. เรือสามารถผ่านบ้านสามกอง.. ซึ่งมีท่าเรือสามกองถึงเมืองภูเก็จเก่า.. คือบ้านเก็ตโฮ่.. ต่อมาแม่น้ำสายนี้.. หรือแม่น้ำภูเก็ตกลายเป็นคลอง..
ตามแนวเขตแดนที่ปรากฏตามหลักฐานอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศไทย.. ในระหว่างเดือนพฤษภาคม.. ถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี.. มีพายุพัดแรงและได้พัดเอาอำพัน.. ขึ้นมาจากท้องทะเลอันดามัน.. และมหาสมุทรอินเดีย
ฉะนั้น.. เมืองภูเก็ตในสมัยนั้นคงจะต้องอยู่บริเวณที่ราบลุ่ม.. ปัจจุบันบัน คือที่ตั้งตำบลกะทู้.. ซึ่งเป็นตำบลที่มีแร่ดีบุกที่อุดมสมบูรณ์.. จากตำบลนี้ยังมีช่องทางซึ่งเป็นช่องเขาเตี้ยๆ.. ออกไปสู่ทะเลอันดามัน คือ อ่าวป่าตอง
ใน พ.ศ. 2368.. รัชสมัยรัชกาลที่ 3 ได้มีชาวต่างชาติ.. โปรตุเกส.. ฮอลันดา.. ฝรั่งเศส.. และอังกฤษ.. เดินทางมาค้าขายและรับซื้อแร่ดีบุก.. ซึ่งคนจีนเป็นผู้ทำเหมืองแล่น.. เหมืองหาบ.. หาแร่ดีบุกขาย
ในระหว่างนั้น.. พม่าทำสงครามกับอังกฤษ.. พม่าหมดหนทางรุกรานไทย.. และตำบลกะทู้ยังเป็นป่ารกทึบ.. มีสัตว์ร้ายนานาชนิด..
ในสมัยพระยาถลาง (เจิม).. และพระยาภูเก็ต (แก้ว).. ได้ไปตั้งเมืองใหม่ที่เก็ตโฮ่.. ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของกรรมกรจีน.. ที่ประกอบอาชีพในการหาแร่ดีบุก.. เนื่องจากกรรมกรจีนมีจำนวนมาก.. ตำบลกะทู้ก็ได้เจริญในสมัยนั้น
ต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ 4.. พระยาภูเก็ตได้ไปเที่ยวหาแร่ดีบุก.. พบแหล่งดีบุกที่ตำบลทุ่งคา.. ซึ่งเป็นแหล่งแร่ดีบุกที่อุดมสมบูรณ์มาก.. จึงย้ายเมืองจากบ้านเก็ตโฮ่มาตั้งที่ทุ่งคา.. หมายถึงเมืองภูเก็ตในปัจจุบันนั่นเอง.. บ้านเมืองได้เจริญขึ้นมากในระหว่างปลายรัชกาลที่ 4 .. พระยาภูเก็ต (ทัด).. ได้เป็นพระยาภูเก็ตโลหเกษรารักษ์เป็นเจ้าเมือง.. และได้ยกเมืองภูเก็ตขึ้นเป็นหัวเมืองกรุงเทพ ในปี พ.ศ. 2405
ในปี พ.ศ. 2398.. ได้มีจีนอั้งยี่ 2 พวก คือ ยี่หิ้นปุ้นเถ้าก๊อง.. กับ.. ยี่หิ้นเกี้ยนเต็ก..ซึ่งอยู่ในตำบลกะทู้.. และทุ่งคา.. ได้ก่อตัวขึ้นตามลำดับ.. ได้ทะเลาะวิวาทกัน..” เรื่องสายน้ำในการทำเหมืองแร่.. เหมืองแล่น.. เหมืองหาบ.. ฯลฯ.. จึงเกิดการรบราฆ่าฟันกันกลางเมือง
เมื่อปีเถาะ พ.ศ. 2410 .. ก่อนสิ้นรัชกาลที่ 4
อั้งยี่ได้กำเริบขึ้นมาอีกที่เมืองทุ่งคา.. พวกอั้งยี่ได้เข้ามาทางเมืองมลายู (ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษในสมัยนั้น)… ได้ทำมาค้าขายที่เมืองทุ่งคาเป็นประจำ
ครั้นถึงปีมะโรง พ.ศ. 2419.. กรรมกรจีนเข้ามาทำเหมืองแร่.. มีจำนวนหลายหมื่นคน.. มากกว่าชาวทุ่งคาหลายสิบเท่า.. ได้ก่อความเดือดร้อน..เที่ยวออกปล้นผู้คน.. และบ้านเรือน..เกิดการจลาจลทั่วเมืองภูเก็ต.. ยกเว้นบ้านฉลองแห่งเดียวเท่านั้น.. ที่ชาวบ้านได้สมภารวัดเป็นหัวหน้าต่อสู้.. กับจีนพวกนี้จนเป็นที่เลื่องลือ.. คือ “หลวงพ่อแช่มวัดฉลอง” นี้เอง
สำหรับอั้งยี่ที่ตำบลกะทู้คือ.. อั้งยี่ปุ้นเถ้าก๊อง.. ได้ปรากฎอ๊าม (ศาลเจ้า) ชื่อ.. “ฮกเซียงเก้ง” .. ตั้งอยู่ที่เลขที่ 17 หมู่ที่ 2 ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต.. จึงปรากฎหลักฐานตราบเท่าทุกวันนี้..
อั้งยี่ยี่หิ้นปุ้นเถ้าก๊อง.. ที่ถูกอั้งยี่เกี้ยนเต็กเผาตายนั้น.. ได้มีการจัดตั้ง.. “ศาลเจ้าต่องย่องสู”.. อัญเชิญวิญญาณให้มาอยู่.. จำนวนอั้งยี่ยี่หิ้นปุ้นเถ้าก๊องที่ถูกเผาไฟตายนั้นมีจำนวนมากมาย.. แต่บัญชีรายชื่อผู้ตายได้หายไปคงเหลือปรากฎอยู่เพียง 416 รายชื่อเท่านั้น
ต่อมาได้มีผู้หนึ่งรอดตายมาได้ด้วยการที่แอบเข้าไปอยู่ในกะทะใบบัว..โดยใช้กะทะคอบไว้จึงได้รอดชีวิตมา..และได้นำเรื่องราวต่างๆ มาเล่าให้ชาวบ้านกะทู้ทราบ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2522.. ชาวบ้านร่วมกับคณะกรรมการศาลเจ้าต่องย่องสู..ได้ร่วมกันจัดงานฉลองครบรอบ 100 ปี.. ขึ้นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 .. ซึ่งชาวบ้านเรียกวันนี้ว่า “วันลักโง้ยจับชิด” ตรงกับวันขึ้น 17 ค่ำ เดือน 6 จีน.. ซึ่งเป็นวันที่ยี่หิ้นปุ้นเถ้าก๊อง.. ถูกยี่หิ้นเกี้ยนเต็กเผาตายนั่นเอง
8888888888888888888
โฆษณา