28 มิ.ย. เวลา 11:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ

6 เทรนด์เติบโตในอุตสาหกรรม Semiconductor จากมุมมองของ BottomLiner

เพราะไม่ใช่ทุกหุ้นจะได้ไปต่อ หุ้นที่ดีต้องเป็นผู้นำในเทรนด์ที่ใช่
0/6 ถ้าพูดถึงอุตสาหกรรมที่ร้อนแรงที่สุดในตอนนี้ คงหนีไม่พ้นอุตสาหกรรม Semiconductor
อย่างแน่นอน
เพราะช่วง1-2 ปีที่ผ่านมาทำผลตอบแทนให้นักลงทุนได้อย่างสวยงาม นำโดยพี่ใหญ่อย่าง Nvidia จากการมาของ Generative AI
ซึ่งอุตสาหกรรม Semiconductor เป็นอุตสาหกรรมที่มีลักษณะเฉพาะตัวคือ เป็นอุตสาหกรรมที่ผู้เล่นน้อยราย มีความผูกขาดทางเทคโนโลยีสูง คู่แข่งเกิดใหม่ยาก เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ความรู้ ความชำนาญเฉพาะทาง ใช้งบมหาศาลในการพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงต้องพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ยุคสมัยอยู่เสมอ จึงมีไม่กี่รายเท่านั้นที่สามารถแข่งขันและอยู่เหนือคู่แข่งได้ นอกจากนี้เป็นอุตสาหกรรมการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
แต่ไม่ใช่ทุกหุ้น Semiconductor จะได้ไปต่อ โดย BottomLiner มองว่า มี 6 เทรนด์ใหญ่ที่จะเติบโตต่อจากนี้ ซึ่งแต่ละเทรนด์จะมีผู้เล่นที่ได้ประโยชน์ต่างกัน
==========
เราขอ Tie In สักนิดก่อนเริ่มเนื้อหานะครับ
คอร์ส Expert Series: AI Semiconductor จะมีพูดเจาะลึกเรื่องเทรนด์การเติบโต 6 เทรนด์นี้ในคอร์สด้วย รวมถึงในคอร์สจะมีหุ้นอาจจะเป็น The Next Nvidia / The Next ASML ในคอร์สด้วย
ดูรายละเอียด และสมัครที่ >>> https://forms.gle/AaLBDJ5UPCF3pqQv8
1/6 AI Semiconductor
การมาของ Generative AI ทำให้หุ้นหลาย ๆ ตัวมีการเติบโตอย่างมหาศาล ยกตัวอย่างชัด ๆ อย่าง Nvidia ที่ได้ประโยชน์เต็ม ๆ จาก AI Training ทำให้รายได้จาก Data Center เติบโตจากประมาณ 65% ของรายได้ทั้งหมด ปัจจุบันกลายเป็น 86% ไปแล้วเนื่องจากรายได้จาก AI Data center โตแรงจนเบียดรายได้ส่วนอื่น ๆ นอกจาก AI Training ก็ยังมี Edge Computing ที่จะเป็นการนำ AI ไปใช้ใน Device ต่าง ๆเช่น Computer / Smartphone ซึ่งจะเป็นการเติบโตก้าวต่อไปของอุตสาหกรรม Semiconductor
2/6 Advanced Packaging
นี่คือเทรนด์ที่ยังไม่ค่อยมีคนไทยพูดถึง แต่เป็นเทรนด์สำคัญที่เราพยายามย้ำบ่อย ๆ
เพราะการทำ Chip ให้เล็กลงทำได้ยากขึ้นและมีต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่อาจไม่ได้เพิ่มเท่าราคา เทรนด์ใหม่ที่จะเกิดขึ้น จึงเป็นการพยายามนำ Chip มาต่อกันในลักษณะ 3D เหมือนต่อตึก ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Hybrid Bonding
3/6 China Semiconductor
อุตสาหกรรม Semiconductor ยังเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญในการขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของจีน ซึ่งจีนเป็นประเทศที่มี Demand การบริโภค Semiconductor มากที่สุดในโลก แต่ปัจจุบันผลิตได้แค่ 20% ของที่ใช้ทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ในโครงการ Made in China 2030 ว่าจีนจะต้องผลิต Semiconductor ใช้เองให้ได้ 80%
ดังนั้นแม้จะถูกกรีดกั้นจากสหรัฐมายมายขนาดไหน แต่จีนก็จะเดินหน้าพัฒนาด้าน Semiconductor ต่ออย่างแน่นอน ซึ่งตรงนี้จะนำมาซึ่งเงินสนับสนุนจากภาครัฐจำนวนมาก และทำให้มีหุ้น Chip จีน หลายตัวได้ประโยชน์
4/6 Advanced Node
เรื่องนี้จะเป็นฝั่งที่ตรงกันข้ามกับ Advance Packaging เมื่อชิป หน่วยนาโนเมตร (nm) เดินทางมาใกล้ต่ำหลักหน่วย เราไม่ได้กำลังถึงทางตันและกำลังไปสู่จุดใหม่ที่ท้าทายกว่า เรากำลังเจอกับชิปที่มีการเขียนวงจรไฟฟ้าเล็กกว่าหน่วย nm คือหน่วย Angstrom (A) โดย 1 nm = 10A และเป็นเทคโนโลยีที่ท้าทายของโลกมาก ๆ โดยมีผู้เล่นไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่มีมีส่วนเกี่ยวข้องในเทรนด์นี้
5/6 ARM Based Chip
จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเก็บเงินค่า Liciense และ Royolty ของ ARM ทำให้ต่อจากนี้เรากำลังเห็น Window Notebook และ PC ซึ่งใช้ชิป ARM และประหยัดแบตเตอรี่ จากเดิมชิป ARM จะอยู่บน Mac OS เป็นหลักเท่านั้น นอกจากนี้เราอาจจะได้เจอชิป ARM ใน Smartphone และ Tablet ที่ไม่ใช่ของ Qualcomm และ Mediatek ซึ่งเรื่องนี้ จะเปลี่ยนหน้าตาผู้เล่นในอุตสาหกรรมไปมากพอสมควร รวมถึงทำให้ผู้เล่นอย่าง Intel / AMD มีปัญหาได้
6/6 High Bandwidth Memory (HBM)
Memory ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นบนโลกขึ้นในปี 2013 ก่อนหน้านี้อาจไม่ค่อยมี Use Case แต่ปัจจุบันมาเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการฝึก AI (AI Training) จากการจำเป็นต้องใช้ Data มหาศาลเพื่อประมวลผลให้ AI เก่งขึ้น ทำให้ปัจจุบันผู้ผลิต Memory เพิ่มพลังการผลิตของ HBM อย่างเต็มที่ และปัจจุบันกำลังการผลิต HBM เต็มไปแล้วถึงปี 2025
ซึ่งการมาของ HBM กลายเป็นการเติบโตที่สำคัญของผู้ผลิต Memory และผู้เล่นอื่นที่เกี่ยวข้อง
BottomLiner - บทสรุปการลงทุน
โฆษณา