29 มิ.ย. เวลา 01:43 • ปรัชญา

กลุ่มทางจิตวิทยาหลักการ และการประยุกต์ใช้ กลุ่มที่ 4 พฤติกรรมนิยม (Behaviorism)

เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1913 ผู้ริเริ่มคือ จอห์น บี. วัตสัน (John B. Watson) และบี. เอฟ. สกินเนอร์ (B.F. Skinner) พฤติกรรมนิยม (Behaviorism) เป็นแนวคิดทางจิตวิทยาที่เน้นการศึกษาพฤติกรรมที่สังเกตได้และการเรียนรู้ผ่านการวิเคราะห์พฤติกรรมที่สามารถวัดและสังเกตได้ แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่กระบวนการทางจิตที่ไม่สามารถวัดได้โดยตรง แนวคิดนี้เชื่ออย่างชัดเจนว่าพฤติกรรมมนุษย์และสัตว์สามารถถูกศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ผ่านการสังเกตและการทดลอง
การศึกษาพฤติกรรมที่สังเกตได้ (Observable Behavior) พฤติกรรมนิยมเชื่อว่าพฤติกรรมเป็นสิ่งที่สามารถสังเกตและวัดได้ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการศึกษาทางจิตวิทยา หลักการคือการศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมที่สังเกตได้เพื่อทำความเข้าใจการตอบสนองต่อสิ่งเร้าในสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาวิธีที่เด็กเรียนรู้พฤติกรรมใหม่ผ่านการสังเกตและการเลียนแบบ
การเรียนรู้ผ่านการทดลอง (Learning through Experimentation) การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นผ่านการทดลองและการสังเกตพฤติกรรมการตอบสนองต่อสิ่งเร้า หลักการคือการใช้การทดลองเพื่อศึกษาว่าพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงอย่างไรเมื่อมีการให้สิ่งเร้าหรือการเสริมแรง (reinforcement) ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาเกี่ยวกับการเรียนรู้แบบคลาสสิก (Classical Conditioning) และการเรียนรู้แบบการเสริมแรง (Operant Conditioning)
หลักการสำคัญของพฤติกรรมนิยม
การเรียนรู้แบบคลาสสิก (Classical Conditioning) การทดลองของ Ivan Pavlov ที่ใช้เสียงระฆัง (สิ่งเร้าแบบมีเงื่อนไข) เพื่อทำให้สุนัขน้ำลายไหล (การตอบสนองแบบมีเงื่อนไข) หลังจากที่มีการเชื่อมโยงกับการให้อาหาร (สิ่งเร้าแบบไม่มีเงื่อนไข)
การเรียนรู้แบบการเสริมแรง (Operant Conditioning) การทดลองของสกินเนอร์ที่ใช้กล่อง Skinner Box เพื่อศึกษาว่าหนูจะกดคันโยกรับอาหารอย่างไร (สิ่งเร้าเสริมแรง) ซึ่งเป็นการศึกษาการเสริมแรงและการลงโทษในพฤติกรรม
การเสริมแรงและการลงโทษ (Reinforcement and Punishment) การเสริมแรงบวก คือการให้รางวัลเพื่อเพิ่มความถี่ของพฤติกรรมที่ต้องการ การเสริมแรงลบ คือการกำจัดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เพื่อเพิ่มความถี่ของพฤติกรรมที่ต้องการ และการลงโทษ คือการให้ผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์เพื่อลดความถี่ของพฤติกรรมที่ไม่ต้องการ
การประยุกต์ใช้แนวคิดพฤติกรรมนิยม
1) การศึกษา การสอน หรือการฝึกอบรม เป็นการใช้เทคนิคการเสริมแรงและการลงโทษเพื่อปรับปรุงพฤติกรรมการเรียนรู้และการปฏิบัติของนักเรียน และการออกแบบหลักสูตรที่เน้นการให้รางวัลเมื่อมีการปฏิบัติที่ถูกต้อง รวมไปถึง การใช้เทคนิคการเสริมแรงในการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะในที่ทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
2) การใช้เทคนิคการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (Behavior Modification) เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยปรับปรุงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การบำบัดด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสำหรับผู้ที่มีปัญหาการเสพติดหรือความเครียด
ข้อจำกัดของพฤติกรรมนิยมคือการไม่คำนึงถึงกระบวนการทางจิตภายใน พฤติกรรมนิยมมุ่งเน้นการศึกษาเฉพาะพฤติกรรมที่สังเกตได้ แต่ไม่คำนึงถึงกระบวนการทางจิตที่เกิดขึ้นภายใน เช่น ความคิด ความรู้สึก และแรงจูงใจ นอกจากนั้นยังมีความยืดหยุ่นน้อยในการอธิบายพฤติกรรมที่ซับซ้อน การใช้แนวคิดพฤติกรรมนิยมในการอธิบายพฤติกรรมที่ซับซ้อนของมนุษย์อาจมีข้อจำกัด เนื่องจากไม่สามารถอธิบายความซับซ้อนของจิตใจและประสบการณ์ได้ครบถ้วน
พฤติกรรมนิยมเป็นแนวคิดทางจิตวิทยาที่มีบทบาทสำคัญในการศึกษาการเรียนรู้และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเน้นการศึกษาและการวิเคราะห์พฤติกรรมที่สังเกตได้ ซึ่งมีประโยชน์มากในการประยุกต์ใช้ในหลายด้าน แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรพิจารณาในการนำไปใช้
อ้างอิง
คาลอส บุญสุภา. (2567). กลุ่มทางจิตวิทยา หลักการ และการประยุกต์ใช้ ตอน 2 (เกสตัสท์ พฤติกรรมนิยม ปัญญานิยม และมนุษย์นิยม) https://sircr.blogspot.com/2024/06/2.html
โฆษณา