เมื่อไม่นานมานี้ ผมเพิ่งได้เจอพี่ท่านหนึ่ง ซึ่งเมื่อก่อนผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องราวของแกเท่าไรนัก
แต่เมื่อได้มีโอกาสสนทนาขอความรู้ด้วย ก็ทำให้ผมรู้สึกเคารพนับถือแกมาก
ในช่วงก่อนที่จะมีเงินเป็น 1,000 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 9 ปี แกสามารถทำผลตอบแทนแบบทบต้นได้ประมาณ 100% ต่อปี และไม่ได้ใช้ Margin เลย
โดยใช้กลยุทธ์ในการหาหุ้นประเภท Turnaround ที่จะกลายเป็น Growth Stock ได้
แน่นอน แกทุ่มเทกับการลงทุนมาก จริงจัง อยู่กับมันแทบทั้งวัน และแกก็ประสบความสำเร็จจากการลงทุนมากเลยครับ
นั่นคือด้านการประสบความสำเร็จที่เราเห็นครับ..
.
.
.
แต่การจะได้รับผลตอบแทนอันมากมายมหาศาลนั้น ก็มีค่าใช้จ่ายอันมากมายมหาศาลที่ไม่แพ้กันด้วย
บางคนอาจจะแลกมากับสุขภาพที่เสียไป บ้างก็แลกมากับความสัมพันธ์ที่พังทลาย และบ้างก็แลกมากับความตาย และกลายเป็นคนที่ถูกหลงลืมไปตลอดกาล
ตอนนี้พี่เค้าเน้นทำงานเพื่อสังคม และแทบจะทิ้งการลงทุนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ผมได้มีโอกาสคุยในเรื่องการลงทุน การปฏิบัติธรรม และมุมมองต่อโลก ซึ่งเป็นการสนทนาที่สนุกมากครับ สนุกจนผมอยากเอามาเขียนเป็นบทความเลย
แต่ผมก็ตัดสินใจที่จะไม่เขียน เพราะผมอยากปล่อยให้พี่เค้า ได้อยู่อย่างสงบ ในชีวิตที่พี่เค้ามีความสุขใจและเป็นชีวิตที่เป็นประโยชน์แบบนี้ต่อไป
เรามีความเห็นตรงกันเรื่องหนึ่งว่า "โลกนี้ไม่ได้ต้องการนักลงทุน Full Time"
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมคิดมาหลายปีแล้ว ผมไม่เคยเห็นด้วยเลยที่คนอายุยังน้อย มีความรู้ความสามารถ สติปัญญาดี มีโปรไฟล์ดีมาก ที่สามารถทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อโลกใบนี้ได้ เลือกที่จะไม่ทำงาน แต่เลือกออกมาเป็นนักลงทุน Full Time เพราะมันทำเงินได้ดีกว่า
ผมเห็นคนจบหมอหลายคน เห็นคนที่เรียนจบจากหลากหลายด้าน ในสาขาวิชาที่ ความรู้เป็นประโยชน์ต่อการนำไปใช้มาก เลือกเป็นนักลงทุน Full Time ใช้เวลาไป CV แบบรัว ๆ และคิดแต่เรื่องหุ้นแทบทั้งวัน
ผมเชื่อเหมือนกับ Elon Musk ว่า (ถ้าผมจำผิดขออภัย)
"โลกนี้ไม่ได้ต้องการคนจบ Finance ขนาดนั้น แต่โลกนี้ต้องการ วิศวกร, หมอ, ครูดี ๆ, นักวิทยาศาสตร์, นักวิจัย, Innovator, ผู้ประกอบการที่คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ, และคนที่ทำเพื่อโลกใบนี้จริง ๆ"
(ผมจำประโยคเต็มไม่ได้ เพราะมันนานมาแล้ว แต่ผมจับใจความได้ประมาณนี้ครับ)
ผมเลยบอกกับตัวเองว่า ถ้างานที่ผมทำอยู่ยังพอเป็นประโยชน์ต่อผู้คนอยู่บ้าง ผมจะไม่มีวันลาออกไปเป็นนักลงทุน Full Time เด็ดขาด
ผมชอบคิดถึงเรื่องราวของคนที่ผมชื่นชม เช่น
ถ้าอาจารย์ป๋วยเลือกเน้นแสวงหาเงินทองความมั่งคั่ง อาจารย์ป๋วยก็จะไม่ใช่อาจารย์ป๋วย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในช่วงเวลานั้น ก็คงไม่ได้มีอาจารย์ประจำเก่ง ๆ ที่คอยปลุกปั้นลูกศิษย์รุ่นถัดไป ๆ และจนวันนี้หลายคนก็กลายเป็นเทคโนแครตที่ขับเคลื่อนประเทศมาตลอด
ที่ผมพูดมานี้ ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้สนใจเรื่องการลงทุนหรือการวางแผนการเงินนะ
แต่ผมเห็นด้วยกับพี่เค้าว่า เราอยากเห็นหมอ หรือใครที่ทำอาชีพอะไรก็ตาม สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ ไม่ลำบาก ไม่ขัดสน สามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้อย่างสุขสบาย
พอได้เจอคนที่มีความคิดคล้าย ๆ กัน คุยด้วยมันก็สนุกดีครับ 555
ปล ขอใช้พื้นที่จาก HTC เช่นเคย เพราะบริษัทนี้ทำ ESG ดี ดูแลพนักงานก็ดี และเน้นกิจกรรม CSR ด้วย
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
