30 มิ.ย. เวลา 09:33 • หุ้น & เศรษฐกิจ

#แนวทางการซื้อกองThaiESG โดย Fun Manager

.
บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อเป็นไอเดียสำหรับคนที่สนใจลงทุนใน Thai ESG นะครับ
ถ้าใครที่จะซื้อกองทุน SSF RMF หรือประกันชีวิต/บำนาญเพื่อลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมก่อน แอดไม่มีปัญหา
ดังนั้นใครที่ #ตั้งใจจะซื้อกองทุนThaiESG แอดมีไอเดีย กลยุทธ์มุมมองที่แตกต่างกันมาฝาก ดังนี้
.
1. ถ้าเราจำแนกนโยบาย ThaiESG แบบละเอียด แอดแบ่งได้ออกเป็น 4 กลุ่ม
- หุ้นไทย 100% Active มี 15 กองทุน มีทั้งแบบ Equity Large Cap และ Equity General แต่หน้าหุ้น Top5 ส่วนใหญ่มีความเหมือนกัน 2-3 ตัวในพอร์ต AOT PTT PTTEP ADVANC CPALL KBANK จะไม่หลุดจากกลุ่มนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะนโยบายการลงทุนแต่ละที่ๆกำหนดมามีความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน
.
- หุ้นไทย 100% Passive มี 3 กองทุน ส่วนใหญ่จะอิง SETESG TRI เรียกได้ว่ากลุ่มนี้ลงตาม SET แหละแต่เป็นดัชนี ESG พบว่า ครึ่งปีแรกถ้าดู SET อย่างเดียว -8% กองกลุ่มนี้ก็ปรับลงใกล้ๆกัน ซึ่งหน้าหุ้นกลุ่ม Passive ก็ไม่ได้มีหน้าหุ้นที่ต่างจาก Active มากนัก
อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลง Universe หลังจากนี้ที่เพิ่มเข้ามา คงต้องรอดูว่าแต่ละกองจะมีการเปลี่ยนแปลงไส้ในมากน้อยแค่ไหน เพราะแอดนำภาพ Top5 มาเปรียบเทียบเท่านั้นเอง น้ำหนักก็ราวๆ 25-50% แล้วแต่กอง ทำให้หน้าหุ้นที่เหมือนกันนี้มีน้ำหนักที่แตกต่างกันในการลงทุน ซึ่งส่งผลต่อผลตอบแทนที่แตกต่างกันไป
.
- Aggressive Allocation กลุ่มกองผสม หุ้นไทย + ตราสารหนี้ >> หลักก็เน้นหุ้นนั่นแหละ ราวๆ 70% ทำให้หุ้นไทยที่ปรับลงมาในปีนี้ กองกลุ่มนี้ลบน้อยกว่า แต่ถ้าจิ้มผิดตัว เราจะเห็นว่ากองหุ้น 100% บางกองก็จะลบน้อยกว่า ตรงนี้เป็นผลจาก Stock Selection จริงๆ
ดังนั้นการที่กองหุ้นบางกองที่ติดลบน้อยกว่าก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเหมือนกันนะ
.
- Long Term General Bond กลุ่มกองทุนตราสารหนี้ Duration หรืออายุเฉลี่ยการลงทุนตราสารหนี้ ในพอร์ตราวๆ 8 ปี เรียกได้ว่า หนีหุ้นไปซบตราสารหนี้ละกัน แต่ตราสารหนี้ก็ปรับตัวลงได้เช่นกัน และ Duration เยอะๆแบบนี้ ถ้าประเทศไทยมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย หรือนักลงทุนสถาบัน/ต่างชาติขายตราสารหนี้ออกมาจน Yield ขึ้นก็ทำให้กองทุนมีโอกาสขาดทุนได้นะ บอกไว้ก่อน
.
2. ลงทุน #กองทุนหุ้น 100% ส่วนที่ช่วยวัดได้ว่ากองไหนดีกว่ากัน สำหรับแอดคือนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกัน และออกมาเป็นหน้าหุ้นต่างๆ รวมถึงผลตอบแทนที่สะท้อนออกมา
.
แต่หลายท่านพิจารณาเรื่อง #Fee ด้วย เพราะถ้าผลตอบแทนไม่ค่อยดี ก็ขออย่าเก็บค่าธรรมเนียมเยอะเลย อันนี้คงต้องชั่งน้ำหนักกันว่า เรามองทางไหนมากกว่ากัน
.
แน่นอนว่า คนที่ตั้งใจซื้อถือ 5 ปี แล้วคาดหวังว่า จะกำไร ก็อาจจะจับจังหวะหรือหาช่วงเวลาที่ SET ลงมาต่ำๆ ซึ่งแอดก็ไม่สามารถบอกได้ว่า วันที่พิมพ์อยู่นี้ SET อยู่ที่ 1300 และอาจจะลงไป 1200 หรือจบแล้วกลับไป 1400 ก็ได้ ยังไงการลงทุนภาพนี้ 5 ปี ถ้า SET ไม่ไปไหนเลยก็คงแย่ แต่ด้ว P/E ที่ลงมาต่ำ ดัชนีที่ไม่สูง ทำให้บางคนอาจจะเลือกที่จะเลือกกองหุ้น 100% ก็ได้
.
3. ลงทุน #ตราสารหนี้ 100% ยาวๆ 5 ปี ชัดเจนว่า คุณไม่เอาหุ้นไทย และไม่คาดหวังผลตอบแทนมากเท่าใดนัก ตอนนี้อาจจะมี เพียงแค่ 3 กอง แต่แอดเชื่อว่าอีกไม่กี่เดือน จะมีกองทุนออกมามากกว่านี้อย่างแน่นอน สิ่งที่คุณจะได้เต็มๆจากกลุ่มนี้คือ ผลประโยชน์ภาษีที่คุณแอบหวังว่าเงินที่คืนมาจะไม่ขาดทุนไปมาก และเงินจะไม่โตไปเยอะ เน้นเซฟเงินต้น ทั้งนี้ก็ขึ้นกับสถานการณ์อีกที
.
แต่จาก Fund Size ที่สะท้อนมาเราจะเห็นว่า กองทุน ThaiESG ที่มี Fund size มากที่สุด ก็คือกองทุนหุ้นนั่นเองจากทังเครือ BBLAM KAsset และ SCBAM 3 กอง แปลว่า นักลงทุนน่าจะยังสนใจกองทุนหุ้นนั่นแหละ แต่เม็ดเงินที่ลงทุน KKP GB THAI ESG กองตราสารหนี้กองเดียวที่ออกมาปีที่แล้วก็ถือว่าไม่น้อยเลย
.
แต่มันไม่มีถูกผิดหรอกนะ คุณจะลง ThaiESG แบบไหนก็ได้
.
4. #ปรับพอร์ตตามสถานการณ์ แอดเชื่อว่า นักลงทุนกลุ่มที่มีความรู้การลงทุน และจับจังหวะตลาดได้ จะมองหาบลจ.ที่มีกองทุนตราสารหนี้และตราสารทุน ตอนนี้ก็คือ KAsset / BBLAM / KKPAM 3 เจ้านี้ แล้วจะลงกองทุนหุ้นหรือตราสารหนี้ก็ได้ >> กล่าวคือ ซื้อๆไปก่อน ถ้าหุ้นลงก็โยกลบมาตราสารหนี้ ถ้าหุ้นขึ้นก็โยกเข้าหุ้นเท่านั้นเอง
.
กลยุทธ์นี้ ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับคนที่ติดตามข่าวสาร และจับจังหวะได้ดี แต่ถ้าจับจังหวะและฺผิดทางก็ควรมีแผนรับมือด้วยว่า ถ้าวันนี้ซื้อ ThaiESG ที่ SET 1300 จุด แล้วตลาดปรับลงไป 1200 จุด คุณจะ Stop loss แล้วย้ายไปไหม ??? (ใช่ ถ้าจับจังหวะผิดนั่นเอง)
.
แอดเชื่อว่า มีนักลงทุนไม่น้อยที่รอจับจังหวะสไตล์นี้ กองทุนที่เลือกจะเป็นกองไหนก็ได้ เพราะเราเอาความเสี่ยงเรื่องการลงทุนมาผูกกับเราที่เป็นคนจับจังหวะเอง โดยอาจเลือกกองทุนที่มี Fee ต่ำแล้วเลือกกองหุ้นที่ไหนก็ได้ ขอแค่หุ้นขึ้น ทั้งตลาดก็ขึ้นนั่นเอง เพราะกองส่วนใหญ่มีผลตอบแทนที่เกาะกลุ่มกันอยู่แล้ว
.
5. #DCA ThaiESG ภาพนี้น่าจะเกิดกับกลุ่มกองทุนหุ้นมากกว่า เพื่อลดโอกาสเข้าลงทุนในจังหวะที่ผิด ตรงนี้แอดไม่ได้ห้าม แต่หุ้นต้องขึ้นหน่อยก็ดี และความยุ่งยากที่สำคัญ คือ วันที่เรากดขาย ต้องขายให้ถูกก้อนด้วยนะ บางคนอาจจะปรับไป DCA ราย 3 เดือน แทนก็ได้ แอดให้ไว้เป็นไอเดีย เพราะบางคนก็เคยอ่านบทความเก่าเรื่อง ความถี่ DCA ที่แอดเขียนไว้แล้ว
.
6. #ไม่ซื้อ ThaiESG >>> ก็บอกแล้วว่า คนอ่านบทความนี้เข้าจะซื้อกองนี้
จริง มันคือ ทางเลือกนั่นแหละ หลายคนที่อาจจะลดหย่อนภาษีในสินค้าตัวอื่นจนเต็มวงเงินแล้ว อาจจะมีช่องว่างเหลือที่สามารถซื้อ ThaiESG ได้ แอดก็ยังขอย้ำเหมือนเดิมว่า ถ้าคุณสามารถสร้างผลตอบแทนขั้นต่ำได้ดีกว่า ผลตอบแทนคาดหวังจากกองทุน คุณก็สามารถนำเงินส่วนนี้ที่ซื้อไปลงทุนหุ้นรายตัว หรือสินทรัพย์อื่นๆ แทนได้
.
ทั้งหมดนี้ เป็นไอเดียเรื่อง ThaiESG ของแอดมิน ในคำถามที่่ว่า ถ้าเราจะต้องซื้อ ThaiESG เราควรซื้อแบบไหน พิจารณาอะไร
สรุปแล้ว ดูนโยบายและความเสี่ยงที่สอดคล้องกับตัวเรานะครับ และเลือกแนวทางที่เหมาะกับตัวเราที่สุดนะ จะถือนิ่งๆ หรือจะจับจังหวะ หรือแบบไหนก็ คือ เงินของเรานะครับ
บางท่านเข็ดจาก LTF มารอบนึงแล้ว ก็อาจจะไม่อยากซื้อ ThaiESG ตรงนี้ผมก็เป็นครับ แต่ถ้าต้องซื้อ.....ล่ะ เป็นเพียงไอเดียหนึ่งจากผมนะครับ
#FunManager
โฆษณา