30 มิ.ย. เวลา 20:16 • ประวัติศาสตร์
เดียนเบียนฟู

3 เหตุผลที่ ชัยชนะของสงครามเดียนเบียนฟูส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ต่อโลกในยุค 70 ปีก่อน

เกร็ดประวัติศาสตร์เนื่องในวันครบรอบ 70 ปี ชัยชนะที่เดียนเบียนฟู ยุทธการเปลี่ยนโลก(2)
ถ้าท่านเปิดหนังสือประวัติศาสตร์สงครามของศตวรรษที่ 20 เพื่อค้นหาว่าในรอบ 100 ปีที่ผ่านมามีคนเอเชียกี่คน ที่ถูกยกย่องให้เป็นนักยุทธศาสตร์ที่มีผลงานยิ่งใหญ่บ้าง ส่วนใหญ่แล้วมีคนเอเชียเพียง 6 คน เท่านั้นที่ได้รับการยกย่องในเวทีสากลว่าเป็นนักยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ สามคนเป็นญี่ปุ่น หนึ่งคนเป็นจีน และสองคนเป็นเวียดนาม ท่านลองนึกว่าท่านกับผมคิดตรงกันไหมว่ามีใครบ้าง
คนเวียดนาม 2 ท่านที่กล่าวถึง คือ ปธ.โฮจิมินห์ และนายพลหวอเหงียนย้าป ชนะสงครามในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสนามรบพื้นที่แคบๆ และถนนเล็กๆ ในหุบเขาที่เดียนเบียนฟู โดยการรบในรูปของสงครามจรยุทธ์หรือสงครามกองโจร
คล้ายกับการรบของ ปธ.เหมาในสงครามต่อต้านญี่ปุ่นหรือก๊กมินตั๋ง ที่พิสูจน์ชัดเจนว่าอำนาจการยิงที่เหนือกว่าไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดชัยชนะในสงคราม อำนาจทางทหารที่เหนือกว่าของกำลังรบแต่เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่สิ่งตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะในสงครามอีกต่อไป
ปธ. เหมา !!! พิสูจน์ให้เห็นจากสงครามจรยุทธ์ในจีนว่า ปัจจัยตัดสินพื้นฐานมาจากอำนาจของจิตใจและมาจากประชาชน เช่นเดียวกัน สงครามเดียนเบียนฟู พิสูจน์อย่างชัดว่า อำนาจของพลังจิตใจของคนนั้น เอาชนะอำนาจของอาวุธ ซึ่งนักการทหารของโลกตะวันตกในยุตนั้นอาจจะไม่ค่อยเห็น
ผมได้ลองไปอ่านทบทวน เรื่องของสงครามเดียนเบียนฟู จากหนังสือโฮจิมินห์เทพเจ้าผู้ยังมีลมหายใจ (2549) และ หวอเหงียนย้าปจอมทัพคู่บารมีโฮจิมินห์(2552) โดยศุขปรีดา พนมยงค์ อีกรอบหนึ่งกันลืม และถือโอกาสทำความเข้าใจกับสงครามในพื้นที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ส่งผลกระทบทั้งการเมืองและการทหารที่ยิ่งใหญ่ต่อชาติเวียดนามเป็นอย่างมาก
ซึ่งผลของสงครามให้ผลกระทบ(Impact) หรือนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงทางยุทธศาสตร์ 3 ด้านใหญ่ ๆ ได้แก่
  • 1.
    ชัยชนะที่เดียนเบียนฟู นำไปสู่การกำเนิดของประเทศเวียดนามที่เป็นเอกราช
  • 2.
    ชัยชนะที่เดียนเบียนฟูตอกย้ำถึงการสิ้นสุดของระบอบอาณานิคมของมหาอำนาจตะวันตกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • 3.
    เป็นการส่งสัญญาณถึงประชานในหลายประเทศที่เป็นอาณานิคมว่าถึงเวลาที่ต้องกู้ชาติให้เป็นอิสระแล้ว
ในระหว่างการรบ แม่ทัพฝรั่งเศส คิดด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด นั่นคือการสร้างสนามบินไว้กลางเมืองหวังว่าเมืองจะไม่แตกถ้าสนามบินไม่ถูกยึด แต่เอาเข้าจริงๆ หลังจากเปิดการยุทธไม่กี่วันสนามบินถูกถล่ม ผบ.ฝรั่งเศส มีวิธีคิดแบบฝรั่งจริงๆ อีกเรื่องนึงก็คือเริ่มด้วยความเชื่อว่าตัวเองเหนือกว่า
เวียดมินห์ถ้าจะยิงปืนใหญ่ก็ยิงไม่เป็น หรือยิงเป็นก็ยิงไม่แม่น พวกเขามั่นใจว่าถ้าเวียดมินห์มีปืนใหญ่ ปืนใหญ่เวียดมินห์ก็จะมีโอกาสยิงได้ไม่เกินกว่า 3 นัด หลังจากนั้นทหารฝรั่งเศสจะถูกหาเจอและจะยิงสวนทำลายปืนใหญ่ของเวียดมินห์ได้
เหตุผลที่สนับสนุนความเชื่อนั้นก็คือว่า พื้นที่ตั้งปืนใหญ่ของฝรั่งเศสสูงพอที่จะให้ความคุ้มครองกับสนามบิน และ Out Post ทุกจุดของเมืองได้ (ที่จริงถ้าข้าศึกจะยึดเมืองหรือยึดสนามบินมีทางเดียวคือการเข็นปืนใหญ่ขึ้นภูเขา ซึ่งต้องใช้การส่งกองกำลังบำรุงในขั้นเทพ)
และการส่งกองกำลังบำรุงที่เดียนเบียนฟู นี้เองคือรากฐานที่สำคัญของชัยชนะของเวียดนาม เพราะปืนใหญ่ถูกทำทุกอย่าง เพื่อให้มันสามารถเคลื่อนขึ้นเขาไปให้ได้ทั้งการลาก จูง โดยมีนวัตกรรมการถอดชิ้นส่วนของปืนใหญ่ขึ้นภูเขา ประกอบกับกองกำลังเวียดมินห์
ใช้การซ่อนพรางแบบของสงครามจรยุทธ์ กองกำลังของฝรั่งเศสไม่รู้เลยว่า กำลังของเวียดมินห์นั้นเคลื่อนเข้าปิดล้อมตัวเองหมดแล้ว ในวันที่ 13 มีนาคม 1954 เป็นวันเริ่มต้นเข้าตีของเวียดมินห์ในสงครามเดียนเบียนฟู โดยที่ฝรั่งเศสเริ่มเข้าไปตั้งฐานที่มั่นในเดียนเบียนฟู หลายช่วงก่อนหน้านั้นหลายเดือน แต่พอถึง 13 มีนาพวกเขาถูกปิดล้อมจริงๆ แล้วจากทหารถึง 2 กองพล ที่บล๊อกทางหนีจนหมดสิ้น
ฝรั่งเศสยังเชื่ออย่างปักใจว่าอำนาจการยิงที่ตัวเองมีนั้นสูงมากพอที่จะทำลายเวียดมินห์ได้ แต่หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันสนามบินถูกยึด เครื่องบินใช้ไม่ได้การส่งกำลังทางอากาศที่ฝรั่งเศสเคยเขียนแผนไว้ไม่เป็นจริง
แม่หน่วยพลร่มฝรั่งเศษจะมีความสามารถสูง และยันต่อไปได้อีกเกือบ 2 เดือน แต่สุดท้่ย กลยุทธ์ของนายพลย้าป ที่ลับ ลวง พราง จนฝรั่งเศสตั้งรับไม่ทัน ใช้วิธีแบบผสมผสาน ไม่ว่าจะเป็นสงครามจรยุทธ์แบบเหมาเจ๋อตุง ยุทธการแบบป่าล้อมเมือง การรบแบบมั่นคง กระทั่งโอบล้อมฝรั่งเศสและค่อย ๆ นวดจนเวียดมินห์ได้รับชัยชนะในที่สุด
เมื่อธงดาวทองถูกชักขึ้นสู่ยอดเสา ผลของสงครามที่เป็นเหมือนการรบในพื้นที่เล็กๆ ส่งผลสำคัญกว่านั้น มันลุกลามไปยัง หลายประเทศรวมทั้งที่แอลจีเรีย ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงอาณานิคมแต่เป็นเหมือนฝรั่งเศสที่สอง เมื่อมีการเรียกร้องเอกราชของชาวแอลจีเรีย ที่ตามหลังจากที่เดียนเบียนฟูแล้วฝรั่งเศสประสบปัญหาหนักมาก ความพ่ายแพ้ของฝรั่งเศสที่แอลจีเรีย ทำให้พวกเขาถดถอยจากการเป็นมหาอำนาจใหญ่ไปเลย
สงครามเดียนเบียนฟู สิ้นสุดเป็นบทเรียนทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นบทเรียนสำคัญในวิชาประวัติศาสตร์ทหาร แต่สำหรับคนรุ่นหลังๆ ที่มีชีวิตอยู่กับโลกปัจจุบัน วันนี้เดียนเบียนฟูเป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยว เป็นสถานที่ของการรำลึกเหตุการณ์ในอดีต แต่อนาคตที่รอเราอยู่ ไม่ต่างจากเดียนเบียนฟู ถ้าเราไม่สามารถจัดความสัมพันธ์เรากับเพื่อนบ้านให้ดีครับ
โฆษณา