1 ก.ค. เวลา 04:48 • การเมือง

ควันหลง “การเลือกตั้งสภาล่างฝรั่งเศส รอบ 1”

ผลลัพธ์ที่ออกเป็นของขวัญสำหรับ “ปูติน”
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2024 มีการเลือกตั้งสภาล่างของฝรั่งเศสรอบที่ 1 หลังจาก “มาครง” ประกาศยุบสภาแห่งชาติเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนด หลังจากพรรคของเขาพ่ายแพ้ให้กับพรรคเนชั่นแนลแรลลี่ของ “มารีน เลอ แปน” ในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรปของฝรั่งเศส
ตามรายงานของ Ispsos / Talan Exit Poll ผลการเลือกตั้งขั้นสุดท้ายจะทราบหลังจากการลงคะแนนเสียงรอบที่สองในวันที่ 7 กรกฎาคม 2024 หลังจากนั้นจึงจะสามารถพูดคุยเกี่ยวกับการแบ่งที่นั่งในสภาล่างของฝรั่งเศสซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 577 คนได้ - อ้างอิง: [1]
เครดิตภาพ: Yves Herman / Reuters
จากการสำรวจของเอ็กซิทโพล พรรคฝ่ายขวาได้รับคะแนนเสียงอยู่ที่ 34% กลุ่มแนวร่วมนิวป๊อปปูลาร์ฝ่ายซ้ายได้รับคะแนนเสียง 28.x% และแนวร่วมสายกลางซึ่งรวมถึงพรรคเรอเนซองส์ของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ได้รับคะแนนเสียงเพียง 20.x% เอ็กซิทโพลสอดคล้องกับผลโพลการสำรวจก่อนการเลือกตั้งที่ระบุว่า พรรคฝ่ายขวาน่าจะได้รับคะแนนเสียง 33-36% แนวร่วมฝ่ายซ้ายจะได้ 28-31% และแนวร่วมของมาครงจะได้ 20-23%
เครดิตภาพ: Studio graphique FMM / France 24
  • หากฝ่ายขวาฝรั่งเศสชนะจะส่งผลอย่างไร?
หากพรรคเนชั่นแนลแรลลี่ได้รับเสียงข้างมากโดยเด็ดขาด (หลังรู้ผลรอบ 2) การทูตฝรั่งเศสอาจเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความไม่มีเสถียรภาพอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นคือ “มาครงซึ่งประกาศว่าเขาจะยังคงเป็นประธานาธิบดีจนกว่าจะหมดวาระในปี 2027” ส่วนผู้นำฝ่ายขวาคนปัจจุบัน “จอร์แดน บาร์เดลลา (เลอ แปนออกจากตำแหน่งประธานพรรค โดยเธอยังคงนั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคเนชั่นแนลแรลลี่ไว้อยู่) จะต่อสู้เพื่อสิทธิในการเจรจาในนามของฝรั่งเศสสำหรับเวทีระหว่างประเทศ” Reuters ระบุ - อ้างอิง: [2]
เมื่อประธานาธิบดีกับพรรครัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในสภาอยู่คนละฝั่งทางการเมืองกัน จะเกิดภาวะที่เรียกว่า “Cohabitation” ในฝรั่งเศสมีสามช่วงในประวัติศาสตร์หลังสงครามที่เกิดภาวะเช่นนี้ แต่ไม่มีช่วงใดที่มีลักษณะของความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงของโลกทัศน์เท่าครั้งนี้ - อ้างอิง: [3]
1
ภาวะ Cohabitation ทางการเมืองที่เกิดขึ้น 3 ช่วง ในฝรั่งเศส เครดิตภาพ: La Voix du Nord
ชัยชนะของพรรคฝ่ายขวาฝรั่งเศสจะทำให้เกิด “ความไม่แน่นอนในจุดยืนของฝรั่งเศสต่อสงครามในยูเครน” ตามที่รอยเตอร์เขียนว่า “เลอ แปน มีประวัติที่สนับสนุนรัสเซีย” และในขณะที่ผู้นำพรรคแนชั่นแนลแรลลี่คนปัจจุบัน “บาร์เดลลา เคยพูดออกมาว่าจะสนับสนุนยูเครนต่อไป แต่เขาต่อต้านการจัดหาขีปนาวุธพิสัยไกลให้กับเคียฟ เพื่อใช้โจมตีเมืองในดินแดนของรัสเซีย รวมทั้งต่อต้านการส่งกองทหารฝรั่งเศสไปยังยูเครน (ตามที่มาครงเคยพูดไว้ว่าจะทำ)” - อ้างอิง: [4]
ผลที่ตามมาจากชัยชนะของพรรคฝ่ายขวาอาจทำให้เกิด “ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานะของฝรั่งเศสในนาโต” ก่อนสงครามยูเครนจะเริ่มขึ้นในปี 2022 ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส พรรคเนชั่นแนลแรลลี่เรียกร้องให้ฝรั่งเศสพิจารณาแยกตัวออกจากกลุ่มทางการทหาร (นาโต) เป็นเรื่องลำดับสำคัญต้นๆ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับหลังเกิดสงครามในยูเครน ท่าทีเรื่องนี้ของฝ่ายขวาก็อ่อนลง อย่างไรก็ตามบาร์เดลลากล่าวว่านี่เป็นสิ่งที่ “ไม่ควรคิดถึงในขณะสงครามกำลังดำเนินอยู่”
จอร์แดน บาร์เดลลา (ซ้ายสุด) ผู้นำปัจจุบันของพรรคเนชั่นแนลแรลลี่-ฝ่ายขวาของฝรั่งเศส เครดิตภาพ: Dimitar Dilkoff / AFP
“นโยบายของฝรั่งเศสที่มีต่อสหภาพยุโรปอาจมีการเปลี่ยนแปลง” พรรคเนชั่นแนลแรลลี่จะไม่สนับสนุนให้ฝรั่งเศสออกจากสหภาพยุโรป แต่ข้อเสนอหลายข้อดูไม่ใกล้เคียงกับนโยบายของอังกฤษก่อนหน้านี้ที่ทำ Brexit วอชิงตันโพสต์ระบุ ตามรายงานของสื่ออเมริกันดังกล่าว ฝรั่งเศสอาจทำให้ความร่วมมือระหว่าง ฝรั่งเศส-เยอรมัน เกิดความซับซ้อนและความยากลำบากขึ้น หากพรรคฝ่ายขวาเข้ามานั่งบริหารประเทศ - อ้างอิง: [5]
การผงาดขึ้นมาของฝ่ายขวาในฝรั่งเศส ถือเป็น “ของขวัญชิ้นโตให้กับปูติน” โลร็องต์ นักวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กได้เขียนไว้ ตามที่เขาระบุ ความไม่มั่นคงทางการเมืองจะทำให้ปารีสกลายเป็นพันธมิตรในชาติตะวันตกที่มีความเสี่ยง ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นในระดับสหภาพยุโรปได้ - อ้างอิง: [6]
1
อย่างไรก็ตามมีนักวิเคราะห์เชื่อว่า การที่มาครงเร่งยุบสภาฝรั่งเศสและจัดให้มีเลือกตั้งใหม่ โดยเขาก็รู้ตัวว่าพรรคสายกลางของเขาน่าจะแพ้เลือกตั้งในประเทศเหมือนตอนเลือกตั้งสภายุโรป เป็น “แผนอันแยบยล” ของเขา เพื่อที่ฝ่ายของเขาจะได้กลับมานั่งบริหารอีกครั้งในอนาคต อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากบทความที่ทางเพจได้เคยลงไว้ก่อนหน้าตามลิงก์ด้านล่างนี้
เรียบเรียงโดย Right Style
1st July 2024
  • แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: The Telegraph>
โฆษณา