1 ก.ค. เวลา 07:49 • ดนตรี เพลง
Bangkok

ดูหนัง ฟังเพลง แล้วย้อนมาดูตัวเรา

Anyone but You กับเพลง Unwritten
ได้ดูหนังเรื่อง “Anyone but you” หนังรอมคอมปลายปีที่แล้วที่ฮอตข้ามปี พระเอกกับนางเอกไม่ใช่ดาราระดับบล็อคบัสเตอร์ แต่เคมีของทั้งคู่เข้ากันดีมาก รวมทั้งทีมดาราสมทบในเรื่อง และโลเคชั่นหนังที่ไปถ่ายทำที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย องค์ประกอบหลายๆ อย่าง ทำให้เราตกหลุมรักหนังโรแมนติคน่ารักแบบเห่ยๆ เรื่องนี้ได้ 555
หนังว่าด้วยหนุ่มฮอต และสาวฮอต ที่เคยกิ๊กกันและออกเดตกันครั้งแรกเมื่อสองปีที่แล้ว แต่เกิดความเข้าใจผิดกัน จากกันด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีเท่าไร แต่แล้วโลกกลมๆ ก็กลับทำให้ทั้งสองต้องมาเจอกันอีกครั้ง เพราะพี่สาวของนางเอก จะแต่งงานกับเพื่อนสาวที่สนิทกันกับพระเอก ดังนั้นทั้งพระเอกและนางเอกก็ถูกเชิญให้ไปร่วมงานแต่งงานที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย แล้วทั้งคู่จะไปทะเลาะกันจนพังงานวิวาห์ หรือถ่านไฟเก่าจะคุ ก็ชวนให้คนดูลุ้นไปตามๆกัน
ตัวหนังก็มีความสนุกสดใส สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้ตามสไตล์หนังแนวนี้ แต่หลังจากดูหนังจบแล้ว สิ่งที่ติดหูยังไม่จบ คือ เพลงประจำตัวของพระเอก Unwritten ของ Natasha Bedingfield ซึ่งเป็นเพลงเก่าตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งปกติก็ชอบจังหวะและทำนองของเพลงนี้อยู่แล้ว แต่ก็ฟังเพลงนี้โดยไม่ได้คิดถึงความหมายอะไร จนเมื่อดูหนังเรื่องนี้จบ ต้องย้อนกลับมาฟังใหม่ แหกปากร้อง และตีความหมายของเพลงนี้ และก็พบว่ามันก็เป็น This is my serenity song too !! (เพลงสงบจิตสงบใจ 555)
Unwritten ยังไม่ได้เขียน
I am unwritten เรื่องของฉันยังไม่ได้เขียนหรอก
Can't read my mind อ่านใจก็ไม่ออก
I'm undefined ให้นิยามตัวฉันก็ไม่ได้
I'm just beginning ก็ฉันเพิ่งแค่เริ่มต้นเอง
The pen's in my hand ฉันมีปากกาอยู่ในมือ
Ending unplanned ยังไม่ได้วางแผนตอนจบเลย
** Staring at the blank page before you คุณกำลังจ้องหน้ากระดาษว่างๆ ที่วางอยู่หน้าคุณ
Open up the dirty window ลองเปิดหน้าต่างสกปรกๆ สิ
Let the sun illuminate the words that you could not find ลองให้พระอาทิตย์ส่องแสงแล้วอาจจะเจอคำที่คุณกำลังหาอยู่ก็ได้
Reaching for something in the distance ไขว่คว้าบางสิ่งที่อยู่แสนไกล
So close you can almost taste it ซึ่งบางทีมันอาจอยู่ใกล้จนคุณแทบจะรู้สึกได้
Release your inhibitions ปลอดปล่อยข้อจำกัดทั้งหลายของคุณไป
***Feel the rain on your skin สัมผัสถึงฝนที่ตกลงบนตัวคุณสิ
No one else can feel it for you ไม่มีใครมารู้สึกแทนคุณได้หรอก
Only you can let it in มีแต่คุณเท่านั้นล่ะที่จะรับรู้ได้
No one else, no one else ไม่มีใครทำแทนคุณได้
Can speak the words on your lips ไม่มีใครสามารถมาพูดแทนคุณได้
Drench yourself in words unspoken เติมหัวใจให้เปียกชุ่มไปด้วยคำพูดที่ยังไม่ได้พูดออกมา
Live your life with arms wide open อ้าแขนกว้างพร้อมใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
Today is where your book begins หนังสือของคุณจะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้
The rest is still unwritten ส่วนที่เหลือยังไม่ได้เขียนนะ
Oh, oh, oh
I break tradition ชั้นฉีกธรรมเนียมเก่าๆ
Sometimes my tries are outside the lines บางทีสิ่งที่ชั้นทำมันก็นอกกรอบ
We've been conditioned to not make mistakes เพราะมาตรฐานตั้งมาว่าเราต้องไม่ทำผิดพลาด
But I can't live that way แต่ชั้นใช้ชีวิตแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ
(**, ***)
แปลไปเป็นวรรคอ่านแล้วอาจจะงง เอาเป็นว่า เนื้อเพลงบอกประมาณว่า ให้เราใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ฉีกกฏเกณฑ์และข้อจำกัด ซึ่งคนเรามักถูกปลูกฝังมาว่า ต้องวางแผน ต้องเดินตามเส้นทางที่กำหนดไว้ คุณจะทำผิดพลาดไม่ได้ แต่ทำไมไม่ลองใช้ชีวิตและเลือกในสิ่งที่คุณเป็นล่ะ ไม่มีใครมาเลือกหรือตัดสินใจแทนคุณได้ และอย่าได้กล้วที่จะอ้าแขนเพื่อรับประสบการณ์ใหม่ๆที่เข้ามา อนาคตไม่แน่ไม่นอน เพราะมันยังไม่ได้เขียนเอาไว้ เราก็พร้อมเริ่มใหม่ได้เสมอ
ชีวิตเราก็เหมือนหนังสือ ปากกาอยู่ในมือเรา เราก็ต้องเขียนเรื่องของเราเอง ให้คนอื่นมาเขียนแทนไม่ได้หรอก เขียนเรื่องในแต่ละวัน เรียนรู้ที่มีจะมีชีวิตในปัจจุบันในทุกๆวัน ทำผิดพลาด ลองผิดลองถูก ใช้ชีวิตของเราให้เต็มที่ เราอาจเขียนถึงอนาคตไว้ แต่ก็ไม่รู่ว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริงหรือเป็นไปอย่างที่เขียนหรือเปล่า ยิ่งตอนจบไม่ต้องพูดถึงเลย อะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นจงทำวันนี้และมีชีวิตในวันนี้ให้ดีที่สุด
สำหรับใครที่กำลังอยู่ตรงสี่แยกไม่รู้จะไปทางไหน หรือกำลังจะเริ่มบทใหม่ในชีวิต ถึงแม้ว่าในอดีตเราจะทำผิดพลาด หรือ ยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต รู้สึกหวั่นๆว่าไม่มีอะไรแน่นอน แต่ขอให้คุณจำไว้ว่า คุณต้องพร้อมเริ่มต้นชีวิตใหม่ในทุกๆวัน และใช้ชีวิตให้เต็มที่.....เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลย
โฆษณา