2 ก.ค. เวลา 03:42 • ประวัติศาสตร์

เมื่อจักรวรรดิญี่ปุ่นสร้าง “อาณาจักรยาเสพติด” เพื่อทำลายจีน

ในปีค.ศ.1939 (พ.ศ.2482) จักรวรรดิญี่ปุ่นได้รุกรานแคว้นแมนจูเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่หนึ่งของจีน
1
ในเวลานั้น ญี่ปุ่นจำเป็นต้องมีวัตถุดิบจำนวนมากเพื่อซัพพอร์ทอุตสาหกรรมของประเทศที่กำลังเติบโต โดยหากย้อนกลับไปในปีค.ศ.1932 (พ.ศ.2475) ญี่ปุ่นได้ก่อตั้ง “แมนจูกัว (Manchukuo)” ซึ่งเป็นรัฐหุ่นเชิดของญี่ปุ่น
1
แมนจูกัวเป็นดินแดนที่ไม่น่าอยู่สำหรับชาวจีนเอาเสียเลย ชาวจีนต่างถูกญี่ปุ่นทำทารุณสารพัด ทั้งการข่มขืน หญิงสาวถูกบังคับเป็นโสเภณี ถูกบังคับเป็นทาส การทดลองผิดมนุษย์มนา รวมทั้งการค้ายาเสพติด
ณ แมนจูกัวนี้เอง ญี่ปุ่นได้ผูกขาดการค้าฝิ่น ทั้งการผลิตและจำหน่ายอย่างครบวงจร และทำให้ตัวเลขผู้ติดยาเสพติดพุ่งสูงขึ้น โดยในยุค 30 (พ.ศ.2473-2482) มีชาวจีนประมาณ 10% ติดฝิ่น
1
ญี่ปุ่นมีเป้าหมายสองข้อผ่านการค้าฝิ่น หนึ่งก็คือเพื่อหาเงินทุนมาใช้ในการสนับสนุนกองทัพ โดยรายได้จากการค้ายาเสพติดก็มหาศาล ทั้งจากการเก็บภาษีผู้สูบฝิ่นและกำไรจากการค้าฝิ่น
ในยุค 30 (พ.ศ.2473-2482) กองทัพญี่ปุ่นทำเงินจากการค้ายาเสพติดถึงปีละ 300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากคิดตามค่าเงินปัจจุบัน จะสูงถึงปีละประมาณ 5,600 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 206,000 ล้านบาท) เลยทีเดียว
1
ส่วนเป้าหมายที่สองของญี่ปุ่น นั่นก็คือการบ่อนทำลายจีนและเข้าควบคุมจีนทั้งประเทศ โดยญี่ปุ่นตั้งเป้าว่าจะทำให้ชาวจีนทุกคนติดยาเสพติด และต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับฝิ่น
ดังนั้น ขบวนการค้ายาเสพติดของญี่ปุ่นจึงรุ่งเรืองและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ก็คือนายทหารระดับสูงชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ “เคนจิ โดอิฮาระ (Kenji Doihara)”
1
โดอิฮาระเป็นนายทหารระดับสูงที่ประจำการอยู่ในแมนจูเรีย และเป็นผู้รับผิดชอบการค้ายาเสพติดในแมนจูเรีย
ในเวลานั้น ทั้งฝิ่น มอร์ฟีน และเฮโรอีน มีจำนวนมหาศาล และพวกญี่ปุ่นก็ได้ก่อตั้งสถานที่ต่างๆ เป็นฉากบังหน้า ทั้งซ่อง ร้านขายยา แม้แต่ร้านขายของชำ หากแต่ฉากหลังนั้นคือสถานที่ซื้อขายยาเสพติด
ในยุค 30 (พ.ศ.2473-2482) 90% ของยาเสพติดที่ผิดกฎหมายจากทั่วโลกล้วนมาจากญี่ปุ่น
1
เคนจิ โดอิฮาระ (Kenji Doihara)
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง โดอิฮาระก็ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานเป็นอาชญากรสงคราม และถูกตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในปีค.ศ.1948 (พ.ศ.2491)
หากย้อนกลับไปในสมัยที่รุ่งเรือง โดอิฮาระนั้นมีแผนการหลายอย่างในการเพิ่มจำนวนผู้ติดยาเสพติดในจีน ซึ่งจำนวนผู้ติดยาที่เพิ่มขึ้นนั้น ตัวเลขผลกำไรของฝ่ายญี่ปุ่นก็เพิ่มตามไปด้วย
1
ญี่ปุ่นได้ออกบุหรี่ชนิดพิเศษออกมา โดยจำหน่ายภายใต้ยี่ห้อ “Golden Bat” หากแต่บุหรี่ชนิดนี้ไม่ใช่บุหรี่ธรรมดา แต่มีการผสมฝิ่นและเฮโรอีนลงไปในบุหรี่
คนของโดอิฮาระได้นำบุหรี่เหล่านี้ออกวางจำหน่าย ซึ่งคนที่ซื้อส่วนมากก็คือชาวจีนที่ไม่ได้ร่ำรวย และต่างก็ติดยางอมแงม
Golden Bat
แต่ Golden Bat นั้นมีจำหน่ายเฉพาะที่จีนเท่านั้น รัฐบาลญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้จำหน่ายในญี่ปุ่นเด็ดขาด
1
บุหรี่นี้สามารถเพิ่มตัวเลขผู้ติดยาได้มากขึ้นในจีน หากแต่แผนการของโดอิฮาระยังไม่หมด ก้าวต่อไป ญี่ปุ่นได้ก่อตั้งองค์กรการกุศลในจีนเพื่อช่วยรักษาผู้ป่วยวัณโรค
ในยุค 30 (พ.ศ.2473-2482) วัณโรคนั้นแพร่ระบาดในแถบชนบทของจีน และองค์กรการกุศลของญี่ปุ่นก็ได้แอบผสมฝิ่นเข้าไปในยารักษาที่แจกจ่ายให้ชาวจีน ทำให้ชาวจีนจำนวนมากติดฝิ่นเพิ่ม
1
และเมื่อชาวจีนเหล่านี้ติดฝิ่นจนงอมแงม พวกเขาก็จะยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับฝิ่น
อีกหนึ่งกลยุทธของโดอิฮาระก็คือ “การค้าประเวณี”
โดอิฮาระจัดการก่อตั้งเครือข่ายซ่องหรือสถานค้าบริการจำนวนมากทั่วจีน และบังคับให้เหล่าหญิงค้าบริการเสพฝิ่นและเฮโรอีน ก่อนจะบังคับให้หญิงเหล่านี้ค้าฝิ่นแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ
โสเภณีแต่ละคนต้องขายท่อฝิ่นให้ได้คนละหกชิ้นเพื่อแลกกับท่อฝิ่นหนึ่งท่อ โดยในบรรดาเหล่าหญิงค้าบริการนั้น จำนวนมากเป็นหญิงผิวขาวจากรัสเซีย
หลังจากการปฏิวัติในรัสเซียเมื่อปีค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) หญิงชาวรัสเซียนับหมื่นรายได้หนีออกนอกประเทศ มาตั้งรกรากยังตะวันออกไกล โดยส่วนมากคือหญิงม่ายและมีฐานะยากจน ทำให้ไม่เป็นการยากสำหรับโดอิฮาระในการบังคับหญิงเหล่านี้ให้เข้ามาค้าบริการ ซึ่งหญิงค้าบริการผิวขาวก็เป็นที่นิยมในหมู่ลูกค้าชาวตะวันตกและชาวจีน
1
สำหรับสถานการณ์ยาเสพติดทางฝั่งญี่ปุ่นในเวลานั้น ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 กฎหมายเรื่องยาเสพติดที่ญี่ปุ่นนั้นมีความเข้มงวด ทำให้จำนวนผู้ติดยามีเพียงจำนวนน้อย หากแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งได้ผลิตเมทแอมเฟตามีน และนำออกจำหน่าย โดยเมทแอมเฟตามีนจะทำให้ผู้เสพมีอาการตื่นตัว มีกำลัง สามารถทำงานหนักได้โดยไม่เหน็ดเหนื่อย ซึ่งเหมาะกับเหล่าทหารเป็นอย่างมาก ทำให้ทหารตื่นตัวพร้อมรบ เหล่าคนงานในโรงงานก็สามารถทำงาน 10 ชั่วโมงรวดโดยไม่เหน็ดเหนื่อย
1
หากแต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ญี่ปุ่นก็ตกอยู่ในความโกลาหล
ในยุค 50 (พ.ศ.2493-2502) ญี่ปุ่นก็ต้องประสบปัญหาเรื่องยาเสพติดอย่างหนัก โดยมีผู้ติดยากว่าสองล้านคน
สั่งซื้อหนังสือ “ประวัติศาสตร์แห่งความหลอกลวง 5,000 ปีของการต้มตุ๋น ฉ้อโกง โกหก ปลอมแปลง” ได้ตามลิ้งค์นี้นะครับ
โฆษณา