1 ก.ค. เวลา 23:07 • ความคิดเห็น
ละแล้วซึ่งกายหยาบ
ไม่รับรู้ ไม่ร้อนหนาว
ชีวิตเป็นสิ่งชั่วคราว
ไม่ยืนยาวอยู่จีรัง
1
วางแล้วซึ่งทุกสิ่ง
สละทิ้งซึ่งทุกอย่าง
ขอพระธรรมนำสู่ทาง
สุขสงบในภพภูมิฯ
1
เรารู้สึกแบบนี้เลยนะตอนจัดงานศพให้คุณพ่อ คุณพ่อเราป่วยอยู่หลายปี ช่วงนั้นรพ.เหมือนสนามทดสอบแรงใจ ลูกๆสอบผ่าน-ไม่ผ่านก็แล้วแต่กำลังสติปัญญาของแต่ละคน
แต่ตอนจัดงานศพ เหมือนทุกคนได้รับโอกาสอีกครั้ง เพื่อให้ตัวเองได้จัดการความรู้สึกนึกคิดของตน อะไรที่เคยสับสนวุ่นวาย ฟุ้งกระจาย สะเปะสะปะ ก็มาตกตะกอนในช่วงนี้
งานศพ จึงไม่ใช่เพื่อคนที่จากไป แต่คือเพื่อคนที่ยังอยู่
1
ถ้าอยู่ตัวคนเดียว ไร้ญาติขาดมิตร คุณก็สั่งอะไรใครไม่ได้อยู่แล้ว
ถ้าญาติเยอะ มีหน้ามีตาในสังคม มีกิจการมรดกทรัพย์สิน หรือในทางกลับกัน มีหนี้สิน มีเจ้าหนี้ มีโจทย์เยอะ ฯลฯ ความเอิกเกริกหรือความมินิมอลของงานศพจะแปรผันไปตามสิ่งเหล่านี้แน่นอน
แต่ญาติเยอะก็ยังไม่สำคัญเท่า ลูกแท้ๆของตัวเอง ความปรารถนาสุดท้ายของคนเรา โดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ อะไรใดๆก็ไม่สำคัญเท่า สิ่งที่เราทิ้งไว้ให้ลูกๆค่ะ
ด้วยเพราะเงื่อนไขของแต่ละคนก็ต่างกัน บางคนมองว่างานศพเป็นภาระ ในขณะที่บางคนมองว่า งานศพคือการบอกลาอย่างเป็นทางการ
1
แต่สุดท้ายแล้ว ดีที่สุดก็ควรเป็นไปเพื่อ “คนที่ยังอยู่” จะได้เป็นผู้เลือกเองว่า เขาจะจดจำและบันทึกความทรงจำที่มีต่อ “ผู้จากไป” ในแบบใด
2
ดังนั้น ความปรารถนาสุดท้ายของคนเรา ไม่สำคัญเลยนะเมื่อเทียบกับสิ่งที่เราได้ทิ้งไว้ให้คนที่ยังอยู่ ไม่ว่าเราจะต้องการอย่างไร สั่งเสียอะไร พึงนึกถึงคนข้างหลังให้มากๆค่ะ
1
แถมให้ค่ะ
1
โฆษณา